แม้ว่าเมื่อก่อนคนมีแก้มจะดูน่ารัก น่าเด็ก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสมัยนี้ใคร ๆ ก็อยากมีใบหน้าเล็ก หน้าเรียว สวยกันทั้งนั้น เพราะ เวลาถ่ายรูปจะได้ดูดีขึ้นกล้อง หน้าไม่บวมบานเต็มจอนั่นเอง ซึ่งก็คงเป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครที่หน้ากลม หน้าสั้น ไม่ใช่น้อย จะถ่ายรูปแต่ละทีต้องลำบากหามุมที่ทำให้หน้าดูเล็ก แต่ถ้าเราหน้าเรียวอยู่แล้ว จะถ่ายมุมไหนก็สวย ไม่แปลกเลยที่สมัยนี้เทรนด์หน้า V–shape จะมาแรง แต่สาวๆที่หน้ากลมไม่ต้องเซ็งไปค่ะ เพราะมีหลายวิธีเลยที่สามารถช่วยให้ใบหน้าของเราเรียวสวยขึ้นได้ ตาม 4 วิธีนี้เลย
1.แต่งหน้าช่วยได้
การแต่งหน้าช่วยเพิ่มความมั่นใจให้เราได้อย่างมาก นอกจากนั้นยังสามารถช่วยกลบจุดด้อยบนใบหน้าของเราได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ อย่างเช่น ถ้าเราไม่ได้มีใบหน้าเรียวเล็ก ก็ต้องมีคอนทัวร์ ติดกระเป๋าเครื่องสำอางไว้คอยเฉดดิ้งกรอบหน้าให้เรียวสวยได้รูปสักหน่อย แต่สำหรับใครที่แต่งหน้าไม่เป็น ลองฝึกไว้ดูไม่เสียหายนะ เพียงแค่เรารู้โครงสร้างใบหน้าเราว่ามีจุดเด่น จุดด้อยตรงไหนก็สามารถแต่งออกมาได้สวยแน่นอน ลองมาดูเทคนิคการแต่งหน้าง่ายๆสำหรับรูปหน้าแต่ละแบบกันดูค่ะ
หน้ากลม : สาวๆรูปหน้านี้อาจจะต้องคอนทัวร์กันเยอะนิดนึง อย่างบริเวณรอบกรอบหน้า เพื่อเป็นการลดความกว้างของกรอบหน้าลง ตั้งแต่หน้าผากไล่ลงมาเรื่อย ๆ ถึงใต้โหนกแก้ม และ บริเวณคาง ส่วนไฮไลท์หน้าผาก หน้าแก้ม คาง เพื่อให้ใบหน้าดูมีมิติมากยิ่งขึ้น
หน้าเหลี่ยม : รูปหน้านี้ควรเน้นคอนทัวร์บริเวณหน้าผาก และ บริเวณกรอบหน้าช่วงกราม ส่วนไฮไลท์เน้นบริเวณหน้าแก้ม และ คางก็สามารถช่วยให้ใบหน้าได้รูปสวยขึ้นแล้วค่ะ
หน้ารูปหัวใจ : ควรเน้นคอนทัวร์บริเวณโหนกแก้มนะคะสำหรับสาวๆที่มีรูปหน้าทรงหัวใจ นอกจากนั้นก็บริเวณคาง ส่วนไฮไลท์เน้นส่วนหน้าแก้ม และ หน้าผาก เพื่อให้ได้รูปทรงหน้าที่สวยงามขึ้น
หน้ารูปเพชร : ควรเน้นคอนทัวร์บริเวณโหนกแก้ม เพื่อกลบจุดด้อย และ ไฮไลท์บริเวณหน้าผาก หน้าแก้ม และ คางเพื่อเพิ่มมิติให้ใบหน้า
2.ตัดผมเปลี่ยนลุค
‘ตัดผมผิด ชีวิตเปลี่ยน’ คำนี้หลายคนคงได้ยินกันบ่อย ๆ เพราะการเปลี่ยนทรงผมนี่แหละ ที่ทำให้รูปหน้าของเราเปลี่ยนไปได้ สำหรับคนที่มีปัญหาหน้ากลม หน้าบาน มีแก้มเยอะ ลองตัดผมแบบสไลด์ตามแนวกรอบหน้าดูเลยค่ะ รับรองว่าจะช่วยปิดส่วนที่เราไม่ต้องการ อำพรางความกลมของใบหน้าไว้ได้แน่นอน นอกจากนั้นการเปลี่ยนทรงผมที่เข้ากับรูปหน้าเรายังเป็นการช่วยเสริมบุคลิก ให้ดูดีมากขึ้นได้อีกด้วย
3.ศัลยกรรมเสริมคาง
การศัลยกรรมเสริมคาง หรือ ทำคาง เป็นการผ่าตัดศัลยกรรมขนาดเล็ก ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ถาวร ไม่ต้องกลับมาทำซ้ำบ่อย ๆ แต่ต้องมีเวลาพักฟื้น ซึ่งเราสามารถเลือกทรงที่ต้องการได้ เหมาะสำหรับคนที่มีคางสั้น คางถอย โครงหน้าสั้น ทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน การเสริมคาง เมื่อทำแล้วจะช่วยทำให้ใบหน้าแลดูมีมิติมากขึ้น ใบ หน้าเรียว ยาว สมส่วนมากยิ่งขึ้น โดยการศัลยกรรมคาง มีการทำ 2 วิธี ด้วยกันคือ
1.การเปิดแผลภายนอก
วิธีนี้คุณหมอจะเปิดแผลใต้คาง เมื่อแผลหายสนิทแล้วจะทำให้เกิดแผลเป็นใต้คางได้ วิธีนี้จึงได้รับความนิยมน้อยกว่าการเปิดแผลในปาก แต่ก็มีข้อดีคือ โอกาสติดเชื้อน้อยกว่าการเปิดแผลด้านในปาก ผ่าตัด และ จัดวางซิลิโคนได้ง่าย แต่ผู้ที่เป็นนคีลอยด์ (Keloid) ไม่เหมาะสมกับการทำวิธีนี้
2.การเปิดแผลในปาก
วิธีนี้เป็นที่นิยมสูงในการผ่าตัดเสริมคาง เพราะไม่เห็นแผลเป็นด้านนอก โดยคุณหมอจะเปิดแผลบริเวณเหงือกกับริมฝีปากล่าง ซึ่งจะมีความยาวของแผลเพียงแค่ 2-3 ซม. ข้อดีคือ เปิดแผลในช่องปาก จึงทำให้ไม่เห็นแผลเป็น แต่ข้อเสียคือมีโอกาสติดเชื้อสูง หลังผ่าตัดต้องดูแลอย่างดี ทานอาหารอ่อนๆ หมั่นดูแลช่องปาก
ซึ่งวัสดุที่ใช้ในการเสริมคางนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นซิลิโคน ระดับ medical grade silicone , Gortex และ Medpore แม้ว่าเป็นวัสดุสังเคราะห์ แต่มีความปลอดภัย และ ทนทาน ไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย
4.ฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์คาง เป็นการฉีดสารเติมเต็มประเภทชั่วคราว อย่าง ไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) หรือ เอชเอ (HA) ซึ่งเป็นสารที่เลียนแบบตามธรรมชาติของร่างกายเรา ทำให้สามารถสลายเองได้ 100% ไม่เป็นอันตราย และ ไม่ตกค้างในร่างกาย นอกจากนั้นถ้าฉีดเข้าไปแล้วไม่ถูกใจ ยังสามารถฉีดสลายก่อนได้อีกด้วย โดยฉีดฟิลเลอร์เข้าไปบริเวณคาง เพื่อแก้ปัญหาคางสั้น คางถอย คางตัด คางบุ๋ม ให้คางดูเรียวยาว ซึ่งส่งผลให้เหมือนเป็นการปรับรูปหน้าไปในตัว ใบหน้าจึงดูสมส่วน ปรับให้ดู หน้าเรียว มีความเป็น V–Shape มากขึ้น ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์คางจะมีความเป็นธรรมชาติมากกว่าการเสริมคาง เพราะว่าผิวหน้าของคนเรามีความหย่อนคล้อยขึ้นตลอดเวลา การฉีดฟิลเลอร์จะเข้ากับหน้ามากกว่า ทำให้คางไม่ดูแข็งเป็นบล็อค
ฟิลเลอร์คาง เหมาะกับใครบ้าง?
ฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมคาง ไม่อยากมีแผลเป็น ไม่มีเวลาพักฟื้นนาน ๆ ต้องการเห็นผลลัพธ์ทันที ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้แทบไม่แตกต่างจากการผ่าตัดเลยค่ะ แต่การฉีดฟิลเลอร์ไม่สามารถฉีดให้มีความยาวเกิน 1 เซนติเมตรได้ ดังนั้นฟิลเลอร์ 1-2 cc.. ก็เพียงพอสำหรับการเห็นการเปลี่ยนแปลง ถ้าเยอะเกินไปจะทำให้คางไม่สวย ดูย้อย หรือ ฟิลเลอร์ไหลเป็นก้อนได้ ซึ่งถ้ามีปัญหาคางสั้นมากเกินไป และ อยากได้คางยาว ๆ ขอแนะนำเป็นวิธีผ่าตัดเสริมซิลิโคนจะเหมาะสมกว่าค่ะ โดยปัญหาคางที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่…
– คางสั้น หรือ คางถอย : เกิดได้จากโครางสร้างของกระดูกกราม หรือ กระดูกขากรรไกรมีความสั้นมาก จึงมองเห็นคางอยู่ใกล้กับระดับริมฝีปาก เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าดูสั้น กลม ขาดมิติ
– คางบุ๋ม : ลักษณะคือ บริเวณปลายคางส่วนใดส่วนหนึ่ง จะบุ๋มหรือยุบเข้าไป ทำให้ดูเป็นร่อง ไม่สวยงาม แถมในผู้หญิงถ้าคางบุ๋มจะทำให้ใบหน้าไม่อ่อนหวานอีกด้วย ซึ่งอาจจะเกิดได้จากโครงสร้างของกระดูกหรือกล้ามเนื้อคางผิดปกติ
– คางตัด : ปลายคางมีลักษณะตัดเรียบขนานเป็นแนวราบ คางลักษณะนี้จะทำให้ใบหน้าดูเหลี่ยม ไม่เรียวยาว ไม่เป็น V–shape ใบหน้าดูแข็ง ไม่ละมุน เกิดจากโครงสร้างกระดูกหรือกล้ามเนื้อคางเช่นกัน
ฟิลเลอร์คาง อันตรายไหม?
ฉีดฟิลเลอร์คางถือว่ามีความอันตรายน้อยมาก เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าสารที่ฉีดเข้าไปเติมเต็มนั้น เป็นสารที่เลียนแบบตามธรรมชาติที่มีอยู่ในผิวเรา โดยถ้าเป็นฟิลเลอร์แท้ ก็จะสามารถสลายได้เอง 100% ไม่ตกค้างในร่างกาย และ ไม่อันตรายค่ะ แต่เนื่องจากบริเวณคาง มีกล้ามเนื้อที่เรียกว่า mentalis ซึ่งเป็นจุดที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะถ้าแพทย์ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปไม่ลึกพอ แล้วโดนกล้ามเนื้อส่วนนี้ จะทำให้กล้ามเนื้อดึงฟิลเลอร์มากองรวมกันได้ และ จะเกิดปัญหาตามมา อย่างเช่น คางเป็นก้อน ไม่ได้รูปทรงที่สวยงาม ดังนั้นเราควรฉีดฟิลเลอร์คางกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีเทคนิคการฉีดที่ถูกต้องและรู้จักมัดกล้ามเนื้อบนใบหน้าเป็นอย่างดี ก็จะสามารช่วยการันตีความปลอดภัยให้เราได้แล้วค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์คาง อยู่ได้นานแค่ไหน?
การฉีดฟิลเลอร์บริเวณคาง ต้องใช้ฟิลเลอร์ที่มีลักษณะนิ่มปานกลาง คงตัวได้สูง ซึ่งจะสามารถปรับแต่งรูปได้ง่าย ถ้าฟิลเลอร์นิ่มเกินไปอาจจะทำให้ดูไหลย้อยได้ โดยการฉีดฟิลเลอร์คางผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ เทคนิคความเชี่ยวชาญของแพทย์ และ การดูแลตัวเองหลังจากฉีดฟิลเลอร์ด้วยนะคะ
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง
-ฉีดฟิลเลอร์แก้ปัญหาคาง ปรับรูปหน้า ได้รวดเร็วทันใจ เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีดเสร็จ ไม่เป็นแผลเป็น มีแค่รอยเข็มเล็กน้อย แต่สามารถหายได้เองใน 3-5 วัน ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เหมาะกับคนที่ต้องการสวยแบบเร่งด่วน
–มีความปลอดภัย ฟิลเลอร์แท้ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะเป็นสารชนิดเดียวกับที่อยู่ในผิวเรา สามารถสลายเองได้ใน 1-2 ปี ไม่มีสารตกค้าง จึงเข้ากับผิวเราได้ดี ทำให้ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วดูมีความธรรมชาติมาก
–เมื่อฉีดฟิลเลอร์คางเข้าไปแล้วรูปทรงไม่ถูกใจ สามารถฉีดเพิ่มปรับแต่งได้ทันที หรือ ถ้ารู้สึกว่าฉีดฟิลเลอร์คางแล้วยาวเกินไป สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ออกได้บางส่วนได้ทันที เพื่อผลลัพธ์ที่ถูกใจเราที่สุด
-เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์คางในปัจจุบันไม่ใช่แค่ฉีดให้คางดูยาวขึ้นเท่านั้น แต่เพราะในชีวิตจริงใบหน้าเราถูกมองจากมุมทั้ง 360 องศา คุณหมอจึงมีเทคนิคฉีดปรับใบหน้าช่วงล่างให้ดูละมุนรับกับใบหน้าทุกมุม ไปพร้อมกับคางที่ยาว หน้าเรียว สวยขึ้น
ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง
–การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นการทำหัตถการที่ไม่ถาวร มีระยะเวลาของผลลัพธ์อยู่แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น ประมาณ 1-2 ปี เมื่อฟิลเลอร์สลาย คางก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม จึงต้องคอยไปเติมฟิลเลอร์ซ้ำ ไม่เหมือนการผ่าตัดเสริมซิลิโคนที่คางที่ผลลัพธ์จะคงอยู่อย่างถาวร จบในครั้งเดียว
-การฉีดฟิลเลอร์คาง แม้ว่าจะเป็นฟิลเลอร์แท้ ได้มาตรฐาน แต่ก็สามารถเติมให้ยาวขึ้นได้ไม่เกิน 1 เซนติเมตรเท่านั้น เพราะถ้าเติมเยอะกว่านี้คางจะผิดรูป ดูยาวแหลมเกินจริง ไม่เป็นธรรมชาติ และ เมื่อผ่านไปสักระยะฟิลเลอร์จะไหลย้อยลงได้
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์คาง
–แพทย์จะประเมินใบหน้า ดูรูปทรง ปัญหาคางของเราก่อน เพื่อเลือกใช้รุ่นหรือยี่ห้อฟิลเลอร์ได้อย่างเหมาะสม
–ทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์ จากนั้นแปะยาชาไว้ก่อนที่จะเริ่มฉีดฟิลเลอร์คาง
-โดยระหว่างฉีดฟิลเลอร์จะใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที เมื่อฉีดเสร็จแล้วแพทย์จะให้นอนพักสักครู่ เพื่อให้ฟิลเลอร์เซตตัว
-จากนั้นแพทย์จะจัดแต่งรูปทรงคางให้เข้ากับรูปหน้าเรา ซึ่งคนไข้สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น
ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน
สาเหตุที่ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน เนื่องมากจากแพทย์อาจจะไม่มีความชำนาญในการฉีดฟิลเลอร์ ฉีดผิดตำแหน่ง หรือเลือกใช้ฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม เพราะบริเวณคางมีกล้ามเนื้อที่ชื่อว่า mentalis ซึ่งเป็นจุดที่ต้องระวังเป็นอย่างมากในการฉีดฟิลเลอร์คาง เพราะถ้าฉีดฟิลเลอร์คางไม่ลึกพอ หรือ ฉีดตื้นเกินไป โดนกล้ามเนื้อมัดนี้ จะทำให้กล้ามเนื้อดึงฟิลเลอร์มากองรวมกันเป็นก้อนได้ ยิ่งเวลายิ้ม พูดก็จะเห็นเป็นก้อนชัดเจนมากขึ้น แม้จะฉีดคางด้วยฟิลเลอร์แท้ก็ตาม
ฉีดสลายฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์คางแม้ว่าจะเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย แต่ก็อาจเกิดข้อผิดพลาดได้ในบางเคส เช่น เป็นก้อน ไหลย้อน อย่างที่เราได้ยกตัวอย่างไป นอกจากนั้นบางคนฉีดฟิลเลอร์คางมาแล้วได้ผลลัพธ์ไม่ถูกใจ รู้สึกไม่สวย ทำให้หมดความมั่นใจ สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้โดยฉีดสลายฟิลเลอร์ค่ะ
ฉีดสลายฟิลเลอร์ได้อย่างไร?
จริงๆแล้วฟิลเลอร์แท้ ที่เป็น ไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) สามารถสลายได้หมดเองในระนะเวลา 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดและยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เราใช้ฉีดเข้าไปด้วย แต่ถ้าต้องการสลายฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปทันทีสามารถทำได้โดยฉีด เอนไซม์ที่ชื่อว่า ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) ซึ่งเป็นเอนไซม์อยู่ในร่างกายตามธรรมชาติของมนุษย์ มีหน้าที่จัดการย่อยสลายไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) โดยเฉพาะ ให้หายไปได้หมด100% เป็นวิธีที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายได้รวดเร็วที่สุด และ ผิวบริเวณนั้นกลับคืนสู่สภาพปกติ
ฉีดสลายฟิลเลอร์ อันตรายไหม?
ฉีดสลายฟิลเลอร์ไม่อันตราย แต่ต้องระวังไม่ฉีดเยอะเกินไป เพราะว่า ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) อาจจะไปสลายเนื้อเยื่อส่วน หรือ ชั้นผิวส่วนอื่นได้ ส่วนอาการข้างเคียงหลังฉีดสลายฟิลเลอร์อาจเกิดขึ้นได้กับบางคน เช่น มีอาการแพ้ยา บวม แดง มากกว่าปกติต้องรีบพบแพทย์ทันทีค่ะ
ถ้าเป็นฟิลเลอร์ปลอมจะฉีดสลายได้ไหม?
บอกเลยว่าถ้าฉีดฟิลเลอร์ปลอมมาแล้ว จะไม่สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์นั้นได้ นอกจากนั้นการฉีดฟิลเลอร์ปลอมยังอันตรายมากอีกด้วย อาจจะเป็นก้อนแข็ง หรือ ไหลย้อน จนทำให้ใบหน้าเบี้ยวผิดรูป ซึ่งวิธีที่จะเอาฟิลเลอร์ปลอมนี้ออกไปคือ การขูดฟิลเลอร์ ซึ่งไม่สามารถขูดฟิลเลอร์ออกได้หมด 100% เพราะฟิลเลอร์ปลอมบางส่วนถูกผสานไปกับเนื้อเยี่อในร่างกายเราไปแล้ว ดังนั้นก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน น่าเชื่อถือสามารถตรวจสอบได้ แพทย์มีความชำนาญ มีประสบการณ์ และที่สำคัญใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น เพราะสามารถฉีดสลาย หรือ แก้ไขได้ทันที
วิธีฉีดสลายฟิลเลอร์
-เริ่มจากแพทย์จะสอบถามข้อมูลจากคนไข้ เพื่อคำนวณปริมาณยาที่จะฉีดสลายฟิลเลอร์ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ดังนั้นเราควรนำกล่องฟิลเลอร์ติดมาด้วย (ถ้ามี) โดยแพทย์จะสอบถามถึงยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเข้าไป เลขLot. เป็นฟิลเลอร์แท้ หรือ ฟิลเลอร์ปลอม ฉีดส่วนไหนบ้าง กี่cc. ฉีดฟิลเลอร์มานานเท่าไหร่แล้ว เป็นต้น
-เมื่อฉีดสลายฟิลเลอร์แล้ว ตัวยาจะออกฤทธิ์ทันทีถึง48 ชั่วโมง ซึ่งแพทย์จะนัดคนไข้เข้ามาเพื่อดูผลลัพธ์ที่ได้ ว่าฟิลเลอร์สลายไปหมดแล้วหรือไม่ ยังมีส่วนไหนที่เป็นก้อนอยู่หรือเปล่า
-ซึ่งถ้าแพทย์ตรวจเช็คแล้ว พบว่าฟิลเลอร์ยังสลายไม่หมด สามารถฉีดซ้ำเพิ่มเติมได้ แต่ต้องอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะกับฟิลเลอร์ที่ยังเหลืออยู่ ไม่ฉีดตัวยาที่สลายมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ชั้นผิวส่วนอื่นเสียหายได้
ถ้าฉีดฟิลเลอร์ไปแล้ว อยากเปลี่ยนเป็นผ่าตัดเสริมคางทำอย่างไร?
ถ้าฉีดฟิลเลอร์คางไปแล้ว ภายหลังอยากเปลี่ยนเป็นผ่าตัดศัลยกรรมคางสามารถทำได้โดยการฉีดสลายฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปตอนแรกก่อนค่ะ ซึ่งถ้าเราฉีดเป็นฟิลเลอร์แท้ ประเภท ไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid ) สามารถฉีดสลายได้ด้วย เอนไซม์ที่ชื่อว่า ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) แต่ถ้าใครฉีดฟิลเลอร์ปลอม อย่างเช่น ซิลิโคนเหลว เคสแบบนี้ต้องใช้วิธีขูดฟิลเลอร์เก่าออกอย่างเดียวค่ะ
ฉีดฟิลเลอร์คางยี่ห้อไหนดี?
การฉีดฟิลเลอร์คาง อาจจะแตกต่างจากการฉีดฟิลเลอร์ในส่วนอื่นๆอยู่บ้าง คือ ฉีดเข้าไปเพื่อเติมเสริมกระดูก ไม่ใช้เติมเต็มเนื้อ ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์คางจึงควรเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวได้ดี เนื้อแน่น ไม่นิ่มจนเกินไป เพราะจะทำให้ปั้นขึ้นรูปคางได้ยาก ซึ่งฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดคางที่เราอยากแนะนำ คือแบรนด์ Juvederm ซึ่งเป็นแบรนด์สัญชาติอเมริกา มีความนิยมสูงไปทั่วโลก มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจาก US FDA และ Thai FDA ผ่านการรับรองจากอย.ประเทศไทยแล้วด้วยค่ะ จุดเด่นของฟิลเลอร์แบรนด์นี้ คือ ฉีดออกมาแล้วดูเป็นธรรมชาติ สามารถปั้นขึ้นรูปได้ง่าย ไม่เป็นก้อน สลายได้เองไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย บางรุ่นอยู่ได้นานถึง 2 ปี ไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อยๆ หลังฉีดมีโอกาสบวมน้อยกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป มีด้วยกัน 2 รุ่น ที่สามารถเติมเต็มคางแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี คือ Juvederm voluma และ Juvedrem volux
Juvederm voluma
ฟิลเลอร์รุ่นนี้เรียกได้ว่าเป็นฟิลเลอร์สารพัดประโยชน์เลยก็ว่าได้ค่ะ สามารถฉีดได้ทั่วทั้งใบหน้า เพราะว่ามีความยืดหยุ่นและยังคืนตัวได้สูง ฟิลเลอร์เนื้อไม่เหลว มีความฟูปานกลาง อุ้มน้ำน้อยกว่าฟิลเลอร์ชนิดอื่น ทำให้สามารถปั้นแต่งรูปได้ดี ฉีดได้ง่ายและแม่นยำขึ้น เหมาะสำหรับฉีดขมับ จมูก คาง ได้อย่างมีความเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน นอกจากนั้นยังสามารถเติมเต็มร่องแก้ม ใต้ตา หรือส่วนอื่นๆ อย่างเช่น การปรับรูปหน้า ยกหน้า ตามเทคนิคของแพทย์ โดยฟิลเลอร์รุ่นนี้ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 18-24 เดือน ซึ่งถือว่าเป็นฟิลเลอร์รุ่นที่ดีที่สุดในตอนนี้เลยค่ะ
Juvederm volux
ฟิลเลอร์ตัวใหม่ที่กำลังจะเข้าไทยในเร็วๆนี้ volux ฟิลเลอร์รุ่นใหม่ของแบรนด์ Juvedrem มีลักษณะพิเศษคือ มีความหนาแน่น โมเลกุลหนัก มีความคงตัวสูง จึงเคลื่อนที่หรือไหลได้ยาก ช่วยให้สามารถปั้นแต่งรูปได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับฉีดบริเวณคาง กราม ขากรรไกร หรือ ฉีดเพื่อปรับรูปหน้า แก้ปัญหากรอบหน้าไม่ชัดได้โดยเฉพาะ และ ที่สำคัญคือ ผลลัพธ์ของ Volux สามารถคงอยู่ได้นานถึง 24 เดือนเลยค่ะ
ผู้ชายก็ฉีดฟิลเลอร์คางได้
ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นที่สามารถฉีดฟิลเลอร์คางได้ ผู้ชายก็ฉีดฟิลเลอร์คางได้เช่นกันค่ะ ยิ่งในปัจจุบันผู้ชายหันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น เพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเอง คางถือเป็นส่วนที่ผู้ชายนิยมฉีดฟิลเลอร์กันเยอะ เพราะว่าคางเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูคม ดูมิติขึ้นได้
ซึ่งลักษณะคางของผู้ชายจะแตกต่างจากผู้หญิง คือ ไม่ควรแหลมจนเกินไป ควรมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม และถ้าให้ดีควรรับกับสันกราม เพื่อบ่งบอกถึงบุคลิกที่มีความเข้มแข็ง โดดเด่นในแบบของผู้ชาย
ฉีดฟิลเลอร์คางที่ไหนดี?
ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์คาง นอกจากความสวยงามแล้ว เราควรคำนึงถึงความปลอดภัยอีกด้วย โดยมีสิ่งที่ควรพิจารณาหลักๆว่าควรฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดีมีดังนี้
1.เลือกคลินิกที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารสุข มีความน่าเชื่อถือ มีริวิวจากผู้ใช้บริการจริง ทั้งเคสที่ผลลัพธ์ออกมาดี และ เคสที่มีปัญหา ดูว่าคลินิกมีการแก้ปัญหานั้นอย่างไรบ้าง หรือลองสอบถามจากคนรู้จักที่เคยรับบริการที่คลินิกนี้ เพื่อประกอบการตัดสินใจของเรา
2.นอกจากนั้นแล้วแพทย์ต้องเป็นผู้ทำการฉีดฟิลเลอร์ให้เราโดยตรง ซึ่งแพทย์จะต้องมีประสบการณ์ และ ความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมากเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ หรือ การทำหัตถการด้านนี้ เนื่องจากการฉีดฟิลเลอร์คางต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์เพื่อความแม่นยำในการฉีด ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ และ เพื่อความปลอดภัยของตัวคนไข้
3.ฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดต้องเป็นของแท้เท่านั้นถึงจะไม่เป็นอันตราย ผลลัพธ์ออกมาสวย เป็นธรรมชาติ ไม่มีผลเสียตามมาภายหลัง ซึ่งเราสามารถตรวจเช็คฟิลเลอร์แท้ได้จาก เลข Lot.บนข้างกล่องฟิลเลอร์ นอกจากนั้นยังต้องมีเลขทะเบียน อย. และเอกสารกับกำภาษาไทย ด้วยค่ะ
ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์คางที่ APEX
APEX Medical Center เป็นศูนย์บริการทางด้านสุขภาพและความงามครบวงจร ซึ่งให้บริการมายาวนานกว่า 25 ปี มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ความรู้ความสามารถระดับอาจารย์แพทย์ อย่าง หมอนัน — พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ ผู้ก่อตั้ง APEX คุณหมอนันเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และ เป็นอาจารย์สอนด้านศัลยศาสตร์ผิวพรรณ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการใช้สารลดเลือนริ้วรอย (Botulinum Toxin A) และ สารเติมเต็ม (HA Filler) เป็นกลุ่มแรกของประเทศไทยเมื่อกว่า 20 ปีที่แล้ว เรียกได้ว่ามีความเข้าใจทุกชั้นผิวหนังสามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด แม่นยำ ด้วยประสบการณ์มากกว่า 30 ปี และ อาจารย์แพทย์อีกหนึ่งท่าน คือ คุณหมอเอก — นพ.เอกลักษณ์ ธรรมสุนทร ที่เป็นอาจารย์แพทย์ผู้ฝึกสอนการฉีด Botox Filler ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าของบริษัท Allergan ซึ่งคุณหมอเอกเป็นแพทย์ Aesthetic Surgeon จึงสามารถฉีดโบท็อกและฟิลเลอร์ให้มีความใกล้เคียงกับการทำศัลยกรรมได้เลยทีเดียวค่ะ
อีกทั้ง APEX ยังได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย ที่เป็นเครื่องการันตีได้ถึงความมีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นรางวัล Editors’ Choices สาขา The Best Beauty Technology Clinic จากแคมเปญ HELLO! Beauty Awards 2020 ของนิตยสาร HELLO! และรางวัล Top Allergan Aesthetics Valued Customer in Total Porfolio 2020 (Facial Aesthetics & Body Contouring) รางวัลสำหรับคลินิกที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์จาก Allergan อย่างโบท็อกและฟิลเลอร์สูงสุดในประเทศไทย ซึ่งช่วยยืนยันได้ว่าเอเพ็กซ์มุ่งเน้นคัดสรรแต่สุดยอดเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากทั่วโลกมาเพื่อให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการทุนท่าน
ที่นี้ใครที่กังวลกับปัญหาหน้ากลม หน้าบาน 4 วิธีที่เรานำมาฝากกันนี้ สามารถแก้ไขปัญหากวนใจ ช่วยให้ใบ หน้าเรียวขึ้นได้อย่างแน่นอน ใครชอบวิธีไหนเลือกทำตามกันได้เลยนะคะ ส่วนถ้าใครมีคำถามเกี่ยวกับการทำหัตถการสามารถติดต่อเข้ามาขอคำปรึกษา หรือ ข้อมูลเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาเลย เพราะเรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของให้คำแนะนำอยู่ค่ะ
