“กระจกวิเศษบอกข้าเถิด ใครงามเลิศในปฐพี”
กระจกวิเศษ จะไม่ได้มีเพียงในนิทานอีกต่อไป เมื่อ Mr. Simon Shen ผู้ประดิษฐ์คิดค้นกระจกวิเศษให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากภรรยาที่มักยืนส่องกระจก เพื่อสำรวจตนเองเป็นเวลานาน และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากมาย จนเกิดความสงสัยว่าภรรยาของเขาจำได้อย่างไรว่า ผลิตภัณฑ์ไหนมีคุณสมบัติอย่างไร ใช้อย่างไร จึงทำให้เขาเกิดไอเดียในการคิดประดิษฐ์กระจกวิเศษ ที่จะเป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวในการดูแลผิวพรรณให้สวยอยู่เสมอ
HiMirror กระจกอัจฉริยะในยุคดิจิทัล ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุด สามารถติดตั้งได้ทุกที่ ไม่ว่าระยะการยืนนั้นจะใกล้หรือไกลเพียงใด กระจกนี้ก็สามารถทำงานได้อย่างเสถียรภาพในการวิเคราะห์ผิวบนใบหน้าได้ทุกส่วนว่า มีริ้วรอยตรงไหนบ้าง เช่น จุดด่างดำ รอยคล้ำใต้ตา ความหมองคล้ำบนใบหน้า รูขุมขนกว้าง เป็นต้น กระจกจะมีขนาด 17 นิ้ว ประกอบด้วยจอ LCD ความละเอียดสูงขนาด 14 นิ้วและมีน้ำหนักประมาณ 2.5 กิโลกรัม ซึ่งติดตั้งมาพร้อมกับกล้องดิจิตอลความละเอียดสูง พร้อมแฟลชแบบวงแหวน ประมวลผลด้วย ARM-based 8-core CPU หน่วยความจำ DDR 2GB / eMMC 8GB สนับสนุน SD Card ได้สูงสุดถึง 2TB สามารถบรรจุรูปถ่ายได้ถึง 2,000 รูป และยังรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 b/g/n Bluetooth 4.0 และ USB 3.0 ติดตั้งลำโพงกับไมโครโฟนมาให้ในตัว และสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Android เวอร์ชั่น 4.4.2 ขึ้นไป หรือ iOS เวอร์ชั่น 9 ขึ้นไป สามารถใช้งานได้ถึง 4 Users โดยสามารถควบคุมการทำงานได้ทั้งจากท่าทาง คำสั่งเสียงและรีโมทคอนโทรล เนื้อกระจกไม่ก่อให้เกิดรอยนิ้วมือ ป้องกันน้ำและหมอก เมื่อติดตั้งไว้ในห้องน้ำ อีกทั้งยังมีเซนเซอร์ตรวจจับวัดอุณหภูมิ ความชื้น และมีระบบการเปิดทำงานโดยอัตโนมัติ (Auto wake up Sensor) ด้วย
นอกจากนี้ กระจกอัจฉริยะนี้ไม่เพียงวิเคราะห์ผิวพรรณได้เท่านั้น แต้ยังสามารถจดจำ และวิเคราะห์การใช้ผลิตภัณฑ์ประทินผิวได้อีกด้วย เพียงสแกนบาร์โค้ดผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ในแต่ละวัน กระจกก็จะจดจำ และประมวลผลเพื่อวิเคราะห์ให้ได้ทราบว่า ผลิตภัณฑ์ใดที่ทำให้ผิวพรรณดีขึ้น เพื่อให้สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผิวของตัวเองได้มากที่สุด
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก HiMirror
