หลายคนคงทราบกันอยู่แล้วว่าการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์สามารถช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และมีสุขภาพที่ดีได้ ในที่ก็มีความหมายรวมถึงจุดซ่อนเร้นของสาว ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะอาหารบางชนิด หากรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้คุณสาว ๆ มีช่องคลอดที่ฟิตกระชับ จุดซ่อนเร้นสะอาด ไม่มีกลิ่นแปลก ๆ มาให้กวนใจอีกด้วยล่ะค่ะ แต่จะมีอาหารอะไรบ้างนั้น วันนี้เราได้หยิบเอาอาหารที่ดีกกับจุดซ่อนเร้นมาฝากกันถึง 6 ชนิด อยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง ตามไปดูกันค่ะ
1. มันหวาน
มันหวาน เป็นอาหารที่อุดมด้วยคุณประโยชน์อย่างมาก แถมยังเป็นอาหารลดน้ำหนักยอดนิยมที่บรรดาสาว ๆ เกาหลีชอบใช้อีกด้วย ซึ่งนอกจากจะเป็นอาหารยอดนิยมที่ใช้ในการลดน้ำหนักแล้ว มันหวานยังมีประโยชน์กับจุดซ่อนเร้นอย่างมาก เพราะมันหวานอุดมไปด้วยวิตามินเอที่ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณจุดซ่อนเร้น ช่องคลอด และผนังมดลูกแข็งแรง ชะลอความหย่อนคล้อยของช่องคลอดได้อีกทางหนึ่ง
2. ผัก และผลไม้สด
เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ผัก และผลไม้สดส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกาย แต่นอกจากนี้ก็ยังช่วยให้ช่องคลอดของสาว ๆ สุขภาพดีอีกด้วย โดยเฉพาะผักใบเขียว ที่มีคุณประโยชน์ในการช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดียิ่งขึ้น แถมยังป้องกันปัญหาช่องคลอดแห้งอีกด้วย นอกจากนี้การรับประทานผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงก็ส่งผลดีกับสุขภาพผู้หญิงด้วยเช่นกันค่ะ
3. ถั่วเหลือง
ถั่วเหลืองเป็นหนึ่งในอาหารที่อุดมไปด้วยสารไฟโตเอสโตรเจน ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิง โดยฮอร์โมนชนิดนี้มีส่วนสำคัญในระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อช่องคลอดให้แข็งแรงและมีความยืดหยุ่นที่ดียิ่งขึ้น เรียกได้ว่าถ้าอยากจะมีจุดซ่อนเร้นที่กระชับ รับประทานถั่วเหลือง หรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองบ่อย ๆ ก็ช่วยได้เยอะเลยล่ะค่ะ
4. อะโวคาโด
ผลไม้ที่อุดมไปด้วยไขมันที่ดีต่อร่างกาย อีกทั้งยังมีวิตามินบี 6 และโพแทสเซียมซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกาย สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างสารหล่อลื่นในช่องคลอด ลดปัญหาช่องคลอดแห้ง อีกทั้งยังช่วยให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มขึ้น และเป็นผลให้กล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดแข็งแรงมากขึ้นค่ะ
5. โยเกิร์ต
โยเกิร์ต นอกเหนือจะมีประโยชน์ต่อระบบขับถ่ายแล้ว ก็ยังช่วยในเรื่องของจุดซ่อนเร้นอีกด้วย เพราะในโยเกิร์ตนั้นอุดมไปด้วยโปรไบโอติกส์ ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่ดี และเป็นแบคทีเรียนที่ยังมีชีวิต ซึ่งจะเข้าไปช่วยปรับความสมดุลให้กับช่องคลอด ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดเชื้อรา และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วยค่ะ
6. น้ำเปล่า
ปิดท้ายกันที่เครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพที่สุดอย่างน้ำเปล่า ซึ่งการดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและสารหล่อลื่นภายในช่องคลอดให้อยู่ในระดับปกติ ป้องกันภาวะช่องคลอดแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว หรือประมาณวันละ 1.5 ลิตร ก็จะช่วยให้เห็นว่ามีสุขภาพที่ดีขึ้นในหลาย ๆ ด้านอย่างแน่นอนค่ะ
ได้ทราบกันไปแล้วว่า อาหารที่ช่วยกระชับช่องคลอด และทำให้ช่องคลอดมีสุขภาพที่ดีนั้นมีอะไรบ้าง ใครที่เป็นสายกินก็ลองหามารับประทานกันได้ เผื่อจะได้ช่วยดูแลสุขภาพจุดซ่อนเร้นได้อีกทางหนึ่ง
แต่ถ้าคุณสาว ๆ ต้องการเสริมความฟิตกระชับของช่องคลอด ด้วยวิธีที่รวดเร็วทันใจ ไม่เจ็บตัว และไม่ต้องผ่าตัด ปัจจุบันก็มีการนำเอาคลื่นพลังงานมาใช้ในการกระชับช่องคลอด ซึ่งก็คือเทคโนโลยี Vaginal Lift ที่สามารถช่วยให้ช่องคลอดกลับมากระชับ แก้ปัญหาช่องคลอดแห้ง และตกแต่งจุดซ่อนเร้นได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
Vaginal Lift รีแพร์ ไร้แผล คืออะไร ?
รีแพร์ คืออะไร ? Vaginal Lift หรือการรีแพร์แบบไร้แผล เป็นเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพผู้หญิง ที่ช่วยแก้ปัญหาจุดซ่อนเร้นต่าง ๆ ที่สร้างความกังวลให้กับผู้หญิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการส่งคลื่นพลังงานเข้าไปภายในช่องคลอด กระตุ้นการสร้างสารหล่อลื่น ทำให้ช่องคลอดชุ่มชื้น และสะอาดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยที่เสี่ยงกับอันตรายต่อจุดซ่อนเร้น นอกจากนี้คลื่นพลังงานที่เข้าไปภายในช่องคลอด ยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และช่องคลอด ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือช่องคลอดจะฟิตกระชับขึ้นทันที ซึ่งคุณสาว ๆ จะสามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหลังทำครั้งแรก
นอกจากนี้ คลื่นพลังงานจากเทคโนโลยี Vaginal Lift ยังสามารถช่วยตกแต่งรูปลักษณ์ของจุดซ่อนเร้นให้กลับมาดูกระจ่างใส และอ่อนเยาว์ได้อีกด้วยทำให้คุณสาว ๆ ที่อาจสูญเสียความมั่นใจจากการที่จุดซ่อนเร้นเกิดความโรยรา กลับมามั่นใจได้อีกครั้งโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องเจ็บตัวอีกต่อไปเลยล่ะค่ะ
ข้อดีของการทำรีแพร์ไร้แผล Vaginal Lift
- แก้อาการปัสสาวะเล็ด
- ช่วยกระชับช่องคลอดหย่อนคล้อยให้กลับมาฟิตกระชับมากขึ้น
- คืนความแข็งแรง ให้กลับมาเป็นสาวอีกครั้ง
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ ลดอาการแห้งของช่องคลอด
- ไม่ต้องฉีดยา ไม่ต้องพักฟื้น ใช้เวลาไม่นาน
รีแพร์ไร้แผล Vaginal Lift เห็นผลแค่ไหน ?
Vaginal Lift เป็นเทคโนโลยีรีแพร์ไร้แผลที่สามารถเห็นผลความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ โดยหลังจากทำไปแล้วครั้งแรกผู้เข้ารับบริการจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานและช่องคลอดกระชับมากขึ้น สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการกลั้นปัสสาวะ หรือปัสสาวะเล็ด จะรู้สึกได้ว่ามีอาการลดลง และเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาความหย่อนคล้อย หรือปัญหาเกี่ยวกับการปัสสาวะ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะแนะนำให้ทำซ้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง โดยผลลัพธ์ผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้นาน 1 – 2 ปี ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล หลังจากนั้นหากคุณสาว ๆ ต้องการกลับมาทำก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงแต่อย่างใด
Vaginal Lift มีขั้นตอนอย่างไร ?
Vaginal Lift เป็นวิธีการทำรีแพร์ที่สะดวกมากที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ เนื่องจากขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้เข้ารับบริการ โดยขั้นตอนในการทำ Vaginal Lift มีดังนี้
- รับปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับฟังข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับการทำ Vaginal Lift ซึ่งในขั้นตอนนี้ผู้เข้ารับบริการควรสอบถามข้อสงสัยให้ละเอียดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการทำ Vaginal Lift
- ตรวจสุขภาพเบื้องต้น โดยแพทย์จะให้ผู้เข้ารับบริการทำการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกก่อนเข้ารับการทำ Vaginal Lift โดยจะสามารถทำให้ได้ก็ต่อเมื่อผลการตรวจออกเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการมั่นใจได้ถึงความปลอดภัยในการทำ
- เข้ารับการทำ Vaginal Lift โดยในวันที่นัดหมายแพทย์จะเป็นผู้ให้บริการแก่คนไข้ โดยในขั้นตอนแรกแพทย์จะทำความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้น จากนั้นจะสอดอุปกรณ์ปล่อยคลื่นพลังงานที่ชะโลมด้วยสารหล่อลื่นเข้าไปภายในช่องคลอด จากนั้นอุปกรณ์จะส่งคลื่นพลังงานเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ใครเหมาะกับการทำรีแพร์ด้วย Vaginal Lift
Vaginal Lift เป็นการทำรีแพร์ที่เหมาะกับผู้หญิงที่มีปัญหาเกี่ยวกับช่องคลอด และกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เช่น ช่องคลอดไม่กระชับเนื่องจากการคลอดบุตร หรือสตรีวัยหมดประจำเดือน นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้หญิงที่มีปัญหาปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือมีปัญหาช่องคลอดแห้งอีกด้วย นอกจากนี้คุณผู้หญิงที่ต้องการเสริมความฟิตกระชับให้กับจุดซ่อนเร้น หรือต้องการมีจุดซ่อนเร้นภายนอกที่ดูเด็กลงก็สามารทำได้ด้วยเช่นกันค่ะ
Vaginal Lift ยังไม่ได้แก่ทำได้ไหม ?
สำหรับผู้หญิงที่ยังอายุไม่มาก หรือยังไม่ถึงวัยที่จะเกิดความหย่อนคล้อยของจุดซ่อนเร้น การทำ Vaginal Lift นั้นสามารถทำได้ค่ะ เพราะในปัจจุบันมีการทำรีแพร์ไม่ได้จำกัดอยู่ที่เพียงการผ่าตัดรีแพร์เท่านั้น แต่ยังได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์จนเกิดเป็นการรีแพร์ไร้แผล ซึ่งเป็นการนำเอาคลื่นพลังงานมาใช้ในการกระชับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เสริมความกระชับให้กับผนังช่องคลอด อีกทั้งยังช่วยทำให้ช่องคลอดชุ่มชื้นมากขึ้นด้วย ไม่เพียงเท่านั้น เพราะ Vaginal Lift นั้นยังสามารถนำมาตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกของจุดซ่อนเร้น เพื่อให้น้องสาวกลับมาอิ่มฟู และดูอ่อนเยาว์กระจ่างได้อีกด้วย เรียกได้ว่าทำแล้วเพิ่มความมั่นใจได้อย่างมากเลยล่ะค่ะ
รีแพร์ไร้แผล ทำได้ถึงอายุเท่าไร ?
Vaginal Lift เป็นวิธีการทำรีแพร์ที่แม้จะอายุมากแล้วก็สามารถทำได้ เพราะ Vaginal Lift เป็นการรักษาปัญหาความหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้ยาชา หรือยาสลบ จึงมีความปลอดภัยสูง และมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก ดังนั้นแม้จะอายุเกิน 60 ปีไปแล้ว ก็ยังสามารถทำได้ แถมยังไม่ต้องพักฟื้น โดยคุณผู้หญิงสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติทันทีหลังจากทำ ส่วนในเรื่องของผลลัพธ์นั้น การทำ Vaginal Lift ในผู้หญิงที่มีอายุมากก็สามารถให้ผลลัพธ์ได้พอ ๆ กับผู้หญิงในวัยอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสาว ๆ แต่ละคนว่ามีปัญหารุนแรงหรือไม่ หรือการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อนั้นยังอยู่ในระดับที่มีประสิทธิภาพหรือเปล่า โดยคุณสาว ๆ สามารถสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำเลยล่ะค่ะ
5 คำถามน่ารู้ เกี่ยวกับการทำรีแพร์ไร้แผล Vaginal Lift
Q: ช่องคลอดหลวมเกิดจากอะไร ?
A: ช่องคลอดหลวม ขาดความกระชับ เป็นปัญหาที่มักพบได้ในผู้หญิงที่ผ่านการคลอดบุตร หรือเข้าสู่วัยใกล้หมดประจำเดือน ซึ่งทำให้เกิดความหย่อนคล้อยของกล้ามเนื้อ หรือเกิดการฉีกขาดของคอลลาเจน และอีลาสติน ในบริเวณช่องคลอด นอกจากนี้อาจเกิดจากการอักเสบติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะที่ส่งผลต่อการกลั้นปัสสาวะ จนทำให้แม้เพียงไอ จาม หรือหัวเราะ ก็ทำให้ปัสสาวะเล็ดได้ ในรายที่เป็นมาก อาจต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์ เพื่อทำศัลยกรรมตกแต่งขนาดของช่องคลอดให้เล็กลง (Repair) ซึ่งเป็นวิธีที่เจ็บ และแก้ปัญหาไม่ได้ 100% อีกทั้งยังต้องพักฟื้นเป็นเวลานานอีกด้วย
Q: Vaginal Lift ทำแล้วเจ็บไหม ?
A: โดยทั่วไปแล้ว การทำรีแพร์ไร้แผล Vaginal Lift มักไม่ทำให้คุณสาว ๆ รู้สึกเจ็บ แต่อาจจะมีความรู้สึกอุ่น ๆ บริเวณภายในช่องคลอดได้ขึ้นอยู่กับประสาทสัมผัสของแต่ละคน ซึ่งถ้าหากรู้สึกร้อนมากเกินไปสามารถแจ้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ค่ะ ทั้งนี้หลังจากการทำ Vaginal Lift ผู้เข้ารับบริการก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องพักฟื้นแต่อย่างใด ช่วยให้คุณสาว ๆ รู้สึกมั่นใจได้อีกครั้งโดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ
Q: Vaginal Lift ทำกี่ครั้งถึงได้ผล ?
A: การทำรีแพร์ไร้แผลด้วย Vaginal Lift จะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงไปได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดหากทำครบ 3 ครั้ง อย่างไรก็ตาม ก็ยังขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งหลังจากครบ 3 ครั้งแล้วจะช่วยให้ช่องคลอดกลับมากระชับนาน 8-12 เดือนหากต้องการกลับมาทำเพิ่มเติม ก็สามารถกลับมาทำได้ โดยควรเว้นระยะห่างในการทำอย่างน้อย 6 เดือนเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ผลลัพธ์ยังคงประสิทธิภาพที่ดีค่ะ
Q: ทำไมถึงต้องทำ Vaginal Lift ?
A: เมื่ออายุมากขึ้น ผู้หญิงเราจะมีระดับฮอร์โมนเพศที่ต่ำลง และความแปรปรวนของระดับฮอร์โมนจะทำให้จุดซ่อนเร้นอย่างบริเวณช่องคลอดก็ขาดความกระชับ และหย่อนคล้อยลง นอกจากนี้การคลอดบุตรด้วยวิธีตามธรรมชาติก็อาจทำให้กล้ามเนื้อภายในช่องคลอดเกิดการหย่อนคล้อย เกิดการสูญเสียคอลลาเจน และอีลาสตินเสื่อมสภาพได้ ซึ่งถ้าหากไม่รีบรักษาก็อาจส่งผลกระทบต่อการมีเพศสัมพันธ์ในชีวิตคู่ หรื สูญเสียการควบคุมปัสสาวะ ส่งผลให้เกิดการปัสสาวะเล็ด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาไอ หรือจามแรงๆ เพราะผิวในบริเวณนั้นเป็นเนื้อเยื่อที่ต่อเนื่องกัน
โดยสิ่งต่างๆ เหล่านี้สามารถแก้ไขได้เบื้องต้นด้วยการฝึกบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เป็นเวลาประมาณ 3 เดือน ในกรณีที่เป็นไม่มาก เพียงฝึกทำทุกวัน โดยการขมิบช่องคลอดแล้วเกร็งไว้ราว 10 วินาที หรืออาจนับ 1 – 10 ในใจ แล้วค่อยๆ คลาย ทำเช่นนี้ 100 – 300 ครั้งต่อวัน จะช่วยสร้างความแข็งแรง และทำให้ช่องคลอดกลับมามีความกระชับมากขึ้นได้ค่ะ
ทว่าในรายที่อาการรุนแรงมาก ๆ อาจต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ด้วยการศัลยกรรมตกแต่งช่องคลอดหรือที่เรียกว่าการผ่าตัดรีแพร์ ซึ่งเป็นวิธีที่เจ็บ และแก้ปัญหาได้ไม่ 100% แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีที่ช่วยในการกระชับช่องคลอด เพื่อคืนความสาว และแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ดได้ โดยใช้เวลาเพียงสั้นๆ กับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Vaginal Lift ที่นำพลังงานที่คิดค้นเพื่อเนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอด โดยจะส่งพลังงานเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ ภายในบริเวณเนื้อเยื่อโดยรอบ และตลอดแนวลึกของช่องคลอด ซึ่งจะเกิดการหดเล็กลงของผนังช่องคลอด และความแข็งแรง กระชับตึง ลดอาการแห้งของช่องคลอด ซึ่งแก้ปัญหาช่องคลอดหลวมได้ถึง 80-90% จึงหมดปัญหาปัสสาวะเล็ด และหลวมอย่างเห็นผล ซึ่งการทำรีแพร์ไม่สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ควรที่จะดูแลสุขภาพร่างกาย ด้วยการรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ และออกกำลังกาย เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อและกระดูก และการไหลเวียนของโลหิตให้ดีขึ้นค่ะ
ทำไมต้องทำรีแพร์ไร้แผล ที่ APEX
Vaginal Lift เป็นวิธีการกระชับช่องคลอดที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีหลากหลายสถาบันความงามที่นำเทคโนโลยีนี้มาให้บริการ แต่นี่คือเหตุผลว่าเพราะอะไรถึงควรมาทำ Vaginal Lift ที่ APEX ค่ะ
1. ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเหมาะสมกับปัญหาของแต่ละบุคคล
การแก้ไขปัญหาสุขภาพผู้หญิงด้วย Vaginal Lift ที่ APEX เรามีเทคโนโลยีที่ออกแบบมา เพื่อทุกปัญหาของผู้หญิง อีกทั้งก่อนเข้ารับการทำแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ประเมินลักษณะอาการของผู้เข้ารับบริการว่าควรเลือกใช้เทคโนโลยีแบบใด จึงจะเหมาะสมกับปัญหามากที่สุด เพื่อให้คุณผู้หญิงได้รับผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจสูงสุด
2. แก้ไขปัญหาจุดซ่อนเร้นได้ทั้งภายในและภายนอก
เทคโนโลยี Vaginal Lift ที่ APEX ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องความกระชับภายในจุดซ่อนเร้นเท่านั้น แต่ยังช่วยตกแต่งรูปลักษณ์ภายนอกให้กลับมาดูอ่อนเยาว์และกระจ่างใจได้ตั้งแต่ทำครั้งแรกได้อีกด้วย
3. ใช้เวลาในการทำไม่ถึง 30 นาทีและไม่ต้องพักฟื้น
Vaginal Lift ที่ APEX เป็นเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพผู้หญิงที่ใช้เวลาทำน้อยมาก เมื่อเทียบกับการกระชับช่องคลอดแบบอื่นๆ โดยใช้เวลาไม่ถึง 30 นาที อีกทั้งยังไม่ต้องพักฟื้นและไม่เจ็บตัว ทำเสร็จแล้วคุณสาวๆ สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ต้องระวังเรื่องผลข้างเคียงแต่อย่างใด
4. เห็นผลความเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
ถ้าหากคุณสาวๆ ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงของจุดซ่อนเร้นทันทีหลังจากทำ แน่นอนว่าเทคโนโลยี Vaginal Lift คือคำตอบที่คุณกำลังมองหา เพราะ Vaginal Lift สามารถเห็นผลลัพธ์และความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ทำให้สาวๆ กลับมามีความมั่นใจได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลารอ
5. ใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังทำโดยไม่มีอาการเจ็บหลงเหลือแต่อย่างใด
ถ้าพูดถึงความเจ็บปวด Vaginal Lift ที่เอเพ็กซ์ ถือเป็นเทคโนโลยีที่เรียกได้ว่าไม่มีอาการเจ็บเลย โดยขณะทำจะมีเพียงความรู้สึกอุ่นๆ เท่านั้น นอกจากนี้หลังจากทำยังไม่มีอาการใดๆ อีกด้วย คุณผู้หญิงจึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติโดนไม่ต้องพักฟื้น
