อยากหน้าเด็ก! ฉีดฟิลเลอร์ หรือ ฉีดไขมัน ดีกว่ากัน?

ฉีดฟิลเลอร์

เชื่อว่าทุกคนต้องอยากให้ใบหน้าของเราดูเด็กไปตลอดอย่างแน่นอน ไม่ว่าอายุจะเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ก็ตาม ซึ่งคนที่หน้าดูเด็ก มักจะมีใบหน้าที่อิ่มเอิบ มีแก้มส้มชัดเจน อิ่มฟู ดูสดใส แตกต่างจากคนที่หน้าแก่มักจะมีใบหน้าตอบ แก้มหาย ไขมันตามส่วนต่างๆ ของใบหน้าฝ่อตัวลง

ซึ่งหลายคนทราบดีอยู่แล้วว่าการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ สิ่งเหล่านี้เป็นวิธีดูแลตัวเองจากภายใน แต่ยังมีอีกหลายคนที่คอยสรรหาวิธีชะลอความแก่ คงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์จากภายนอก ด้วยเทคนิควิธีการแพทย์ ซึ่งวิธีที่ช่วยให้ใบหน้าของเราดูเด็กลงในปัจจุบันก็มีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การทำหัตถการใหญ่ๆ อย่างการผ่าตัดดึงหน้า หรือวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดอย่างการฉีดฟิลเลอร์ ฉีดไขมัน ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยย้อนอายุของเราได้เช่นกัน แต่หลายคนคงสงสัยกันใช่มั้ยว่าฉีดอะไรแล้วได้ผลดีกว่ากัน ซึ่งถือเป็นคำถามยอดฮิตเลยทีเดียว แต่ก่อนที่จะทราบคำตอบว่าฉีดฟิลเลอร์หรือฉีดไขมันแบบไหนดีกว่ากัน เรามารู้จักที่มาที่ไปของทั้งสองเทคนิคนี้กันก่อนดีกว่า

ในไทยคำว่าฉีดฟิลเลอร์จะหมายถึงการฉีดสารชนิดไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) แต่จริงๆ แล้วการฉีดฟิลเลอร์ก็หมายถึงการฉีดไขมันได้เช่นกัน เพราะฟิลเลอร์หมายถึงเทคนิคการฉีดสารเติมเต็ม ซึ่งทั้งไฮยาลูรอนิคและไขมัน ถือเป็นสารเติมเต็มทั้งคู่ แต่จะต่างกันตรงที่ไฮยาลูรอนิคเป็นฟิลเลอร์แบบชั่วคราว ส่วนไขมันเป็นฟิลเลอร์กึ่งชั่วคราว

ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร?

การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มอย่างไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือเอชเอ (HA) เข้าไปในผิวส่วนที่มีปัญหา เพื่อเป็นการแก้ไขโครงสร้างผิวหนัง และเป็นการปรับรูปหน้าให้ดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่ง HA นั้นมีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำให้แก่ชั้นผิว จึงส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น หยืดหยุ่นมากขึ้น เมื่อเติมเต็มสารนี้เข้าไปอย่างพอเหมาะ ผิวในส่วนที่มีปัญหา หรือในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เข้าไป จะดูอิ่มฟู เต่งตึงมากขึ้น ริ้วรอยดูจางลง ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ได้นั่นเอง

โดยฟิลเลอร์สามารถฉีดได้ทั่วทั้งใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์หน้าผาก, ฟิลเลอร์ขมับ, ฟิลเลอร์ใต้ตา, ฟิลเลอร์จมูก, ฟิลเลอร์ร่องแก้ม, ฟิลเลอร์ปาก, ฟิลเลอร์คาง นอกจากนั้นฟิลเลอร์ยังสามารถฉีดเติมเต็มหลุมสิว เติมเต็มผิวหน้าให้ดูเปล่งปลั่งขึ้นได้อีกด้วย

ฟิลเลอร์

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์

  • เป็นการฉีดสารที่เลียนแบบสารที่มีอยู่ในชั้นผิวตามธรรมชาติของเราอยู่แล้ว (HA) ซึ่งสามารถฉีดได้เลย ไม่ต้องเจ็บตัวหลายครั้ง และเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังฉีด
  • เมื่อฉีดฟิลเลอร์แล้วเกิดความผิดพลาด หรือฉีดแล้วผลลัพธ์ออกมาไม่ถูกใจ สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ทันที
  • หลังฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่ต้องพักฟื้น มีอาการบวมช้ำน้อยหรือแทบไม่มีอาการเลย สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • ได้ทั้งปรับรูปหน้า และช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาวขึ้น เพราะฟิลเลอร์มีให้เลือกใช้หลายรุ่น มีขนาดของโมเลกุลที่หลากหลาย ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ บนใบหน้าได้อย่างละเอียด เพราะผิวหน้าแต่ละบริเวณต้องการการแก้ไขที่แตกต่างกัน เช่น บริเวณใต้ตา ควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลบางเบา เพื่อความเรียบเนียน หรือถ้าต้องการปรับรูปหน้า ควรใช้ฟิลเลอร์ที่มีโมเลกุลหนัก เพื่อให้การปั้นขึ้นรูปทำได้ง่ายและคงรูปได้ดีกว่า ทั้งนี้เพราะว่าใบหน้าของเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การฉีดฟิลเลอร์จะทำให้แพทย์สามารถปรับแต่ง หรือฉีดเพิ่มเติม ในส่วนที่ใบหน้าของเรามีการเปลี่ยนแปลงได้ 

ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์

  • คนไข้บางคนอาจจะมีอาการบวมช้ำหลังฉีดได้ แต่อาการเหล่านี้จะหายได้เองภายใน 1-2 วัน
  • ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ตั้งแต่ประมาณ 8-24 เดือน แล้วแต่ชนิดของฟิลเลอร์ เทคนิคการฉีดของแพทย์ และการดูแลตัวเองหลังฉีดของคนไข้เองด้วย
  • ต้องเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน สามารถตรวจสอบได้ว่าฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีดเป็นของแท้ เพื่อความปลอดภัยของคนไข้เอง และแพทย์ที่ทำการฉีดให้ต้องมีความเชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อผลลัพธ์ที่ออกมาดูสวยเป็นธรรมชาติ

ฉีดไขมัน คืออะไร?

การฉีดไขมัน เป็นการนำไขมันที่สะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายของคนไข้เอง ที่ไม่สามารถเผาพลาญได้หมด ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณหน้าท้อง, หน่องขา, ต้นขา, ต้นแขน, ใต้คาง หรือเหนียง โดยแพทย์จะทำการดูดไขมันจากบริเวณดังกล่าวมาทำการปลูกถ่ายเซลล์ไขมัน และคัดแยกให้ได้ไขมันที่ดีที่สุด เพื่อนำมาฉีดบริเวณใบหน้าของคนไข้ ซึ่งการฉีดไขมันจะช่วยเติมเต็มร่องลึก ช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ลดริ้วรอยให้ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องรอให้ไขมันเกิดการปลูกถ่ายเซลล์อย่างสมบูรณ์ก่อน จึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์

ฉีดไขมัน

ข้อดีของการฉีดไขมัน

  • ได้ประโยชน์สองต่อ ทั้งช่วยแก้ไขปัญหาไขมันส่วนเกิน และช่วยเติมเต็มใบหน้าในครั้งเดียว
  • เป็นไขมันที่ได้มาจากตัวของคนไข้เอง ดังนั้นเมื่อฉีดเข้าไปร่างกายจะไม่เกิดการต่อต้าน
  •  การดูดไขมันในแต่ละครั้ง สามารถดูดออกมาได้ในปริมาณเยอะ เมื่อเปรียบเทียบกับฟิลเลอร์ที่ได้เป็นcc. แล้วจึงดูเหมือนว่าราคาจะถูกกว่า

ข้อเสียของการฉีดไขมัน

  • เนื่องจากต้องดูดไขมันจากร่างกายของเราออกมาคัดแยก เพื่อให้ได้ไขมันที่ดีก่อนนำไปฉีด ดังนั้นจึงทำให้เจ็บตัวหลายรอบ 
  • ถ้าขั้นตอนการทำไม่ได้มาตรฐาน หรือแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ อาจจะทำให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปสลายได้เร็วในเวลาไม่กี่เดือน ซึ่งได้ไม่คุ้มกับที่เสียเงินไป
  • การฉีดไขมัน แพทย์ต้องฉีดไขมันเข้าไปในปริมาณที่มากกว่าที่ต้องการประมาณ 20-30% เพราะไขมันจะมีการสลายและฝ่อตัว ทำให้กะปริมาณการฉีดได้ยาก ในบางเคสอาจจะต้องฉีดซ้ำ 2-3 รอบ ถึงจะได้ปริมาณที่ต้องการ 
  • ถ้าไม่ได้ฉีดไขมันกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ จะมีโอกาสเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ง่ายกว่า ซึ่งแก้ไขได้ยาก เนื่องจากยังไม่มียาที่ช่วยสามารถสลายไขมันได้
  • ในคนที่ผอมมากๆ หรืออายุมาก ไขมันที่ได้จะไม่ค่อยมีคุณภาพเท่าที่ควรจะนำมาใช้
  • การฉีดไขมันจะใช้เข็มที่ใหญ่กว่าการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อการฉีดไขมันใช้เข็มใหญ่ก็จะทำให้เจ็บกว่า และด้วยความที่เข็มใหญ่จะทำให้มีโอกาสแทงทะลุเข้าเส้นเลือดได้มากกว่าอีกด้วย
  • หลังฉีดไขมันเสร็จแล้วต้องใช้เวลาในการพักฟื้นอีกสักระยะ

สรุปแล้วฉีดฟิลเลอร์ หรือ ฉีดไขมัน ดีกว่ากัน?

มาถึงตรงนี้ทุกคนน่าจะทราบแล้วว่าการฉีดฟิลเลอร์ และการฉีดไขมัน มีทั้งข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ซึ่งถ้าถามว่าแบบไหนดีกว่ากัน คงต้องขึ้นอยู่กับปัญหาใบหน้าของแต่ละบุคคล และความต้องการในผลลัพธ์ของแต่ละคนด้วยว่าอยากได้แบบไหนมากกว่ากัน 

อีกทั้งขั้นตอนวิธีการฉีดที่มีความยากง่ายแตกต่างกัน อาจจะช่วยให้หลายๆ คนตัดสินใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้นว่าเราเหมาะจะเลือกฉีดเทคนิคแบบไหน เพราะทั้งสองเทคนิคไม่ว่าจะเป็นฉีดฟิลเลอร์ หรือฉีดไขมัน หน้าก็สามารถช่วยให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ได้เหมือนกัน แต่ถ้าอยากปรับรูปหน้าให้ดูสมดุลมากขึ้น และไม่อยากเจ็บตัวหลายครั้งด้วย การฉีดฟิลเลอร์ก็ถือว่าตอบโจทย์มากเลยทีเดียว 

หากใครยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะฉีดฟิลเลอร์ หรือ ฉีดไขมัน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเข้ามาได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) ได้เลย เอเพ็กซ์ของเรายินดีให้บริการคุณด้วยมาตรฐานสากล และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้คุณได้มั่นใจถึงเรื่องผลลัพธ์และความเป็นธรรมชาติอย่างที่ต้องการได้ อย่าลืมว่าเรื่องฉีด ต้องเอเพ็กซ์!