ผู้หญิงที่มีปัญหา “ผิวแห้ง” สิ่งที่ผิวแห้งต้องการมากที่สุดก็คือ “น้ำ” ตัวหลักสำคัญที่จะช่วยให้ผิวมีความนุ่มเนียนและคงความยืดหยุ่นของผิวไว้ การทาครีมหรือโลชั่นเคลือบผิวที่เรียกว่า “Moisturizer” จะช่วยให้สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังได้ แต่จะเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ยังไงให้เหมาะสมกับสภาพผิว ยังเป็นเรื่องที่หลายคนยังสงสัย วันนี้เรามีคำตอบให้ค่ะ
Moisturizers มอยส์เจอร์ไรเซอร์ คืออะไร
ตัวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นผิวที่เรียกว่า มอยส์เจอร์ไรเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์สำหรับทาผิวเพื่อลดหรือป้องกันภาวะผิวแห้ง ลอก คัน หรือระคายเคือง โดยจะให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวนุ่มและอิ่มน้ำมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำจึงเป็นเคล็ดลับจัดการความร่วงโรยของผิวหน้าและทำให้เมคอัพติดทนและเรียบเนียนกับผิวยิ่งขึ้น
ประเภทของมอยส์เจอร์ไรเซอร์
การหาสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังเป็นการดูแลผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสารเพิ่มความชุ่มชื้นนี้ สามารถให้ความชุ่มชื้นได้นาน 2-6 ชม. ขึ้นอยู่กับชนิดของสารเพิ่มความชุ่มชื้น สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
- มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติ Occlusives มอยเจอร์ไรเซอร์ชนิดนี้จะช่วยเคลือบผิว โดยการสร้างฟิล์มบางๆ เคลือบที่ชั้นบนสุดของผิวและกันน้ำได้ ชะลอการสูญเสียน้ำทางผิวหนัง ได้แก่ ไขคาร์นอบา เป็นไขที่ได้จากใบของปาล์มคาร์นอบา น้ำมันมะกอก Petrolatum ซิลิโคน ลาโนลิน และกลุ่มIntercellular lipid bilayers (เลียนแบบโครงสร้างระหว่างเซลล์ผิวหนัง) เช่น ซาราไมค์ กรดไขมัน
- มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติ Emoillients เป็นสารไขมันที่ดูดซึมได้ ช่วยให้ผิวนุ่มและประสานผิวตกสะเก็ด หรือเซลล์ผิวที่ตาย ลดการสูญเสียน้ำทางผิวหนัง โดยกลุ่มสารนี้ประกอบด้วย เชียบัตเตอร์ สควาเรน คอลลาเจน ไอโซโพรพิล และปามิเตท
- มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีคุณสมบัติ Humectants ช่วยผิวฉ่ำน้ำ ให้ความชุ่มชื้นที่พบได้ในผิวหนังชั้นนอกสุดหรือที่เรียกว่าชั้นผิวหนังกำพร้าให้ทำหน้าที่ปกป้องผิวจากเชื้อโรค การขาดน้ำ หรือสารเคมี
ใช้ครีมบำรุงผิวอย่างได้ผล
ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์หลังทำความสะอาดผิวหรืออาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเป็นช่วงที่สารจะซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดี วิธีการทาที่ถูกต้องคือควรทาอย่างเบามือให้ทั่วผิวหนังที่ต้องการเคลือบ ใช้นิ้วมือคลึงเบาๆ ให้เนื้อครีมกระจายออกทั่วผิวหนัง ในกรณีที่ผิวหนังมีการอักเสบร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
เลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ยังไงให้ตรงกับผิว
การใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำผิวหน้าจะนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ทั้งผิวแห้งและผิวมัน จำเป็นต้องบำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ค่ะ นอกจากจะมอบความชุ่มชื้นให้ผิวแล้วยังช่วยชะลอริ้วรอยได้อีกด้วย ซึ่งการใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็ต้องเลือกประเภทให้ตรงกับผิวของเราด้วยนะคะ เพราะถึงแม้ว่ามอยส์เจอร์ไรเซอร์อาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ค่อยรบกวนผิว แต่ถ้าใช้ไม่ตรงกับสภาพผิวก็อาจส่งผลเสียให้กับผิวหน้าเราได้ค่ะ สามารถเช็คสภาพผิวได้จาก “รู้ไว้ก่อน เลือกใช้ Skincare ให้ตรงกับสภาพผิว”
- ผิวหน้ามันเป็นสิวง่าย (Normal skin) : อาจเลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีความมันน้อย เนื้อบางเบา หรือเนื้อครีมประเภทที่แห้งเร็ว ซึมเข้าสู่ผิวง่าย แนะนำให้ใช้จะเป็นมอยส์เจอร์ไรเซอร์ฐานน้ำ (Water-based moisturizer) ที่อาจอยู่ในรูปแบบโลชั่นเหลว
- ผิวหน้าแห้ง (Dry skin) : ควรเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ประเภทเนื้อครีมที่อาจจะมีความเข้มข้นมากกว่ามอยเจอร์ไรเซอร์ของผิวประเภทอื่นเล็กน้อยในการคงความชุ่มชื้นบนผิวหน้า ช่วยในการกักเก็บและป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้าได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น โดยแนะนำให้ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ฐานน้ำมัน (Oil-based moisturizer) ที่ประกอบไปด้วยน้ำมันสำหรับบำรุงผิวเป็นส่วนประกอบ เพื่อให้น้ำมันเคลือบผิวไม่ให้ความชื้นจากผิวระเหยออกไป
- ผิวหน้าปกติธรรมดา (Oily skin) : สามารถเลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ ทั้งฐานน้ำ (Water-based moisturizer) ในรูปแบบโลชั่น เพื่อที่จะได้รู้สึกแห้งเร็ว เบาสบายผิว ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะจนเกินไป หรือหากต้องการความชุ่มชื้นมากๆ ก็สามารถใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เป็นฐานน้ำมันได้ (Oil-based moisturizer) แต่เวลาที่ใช้อาจปรับเปลี่ยนตามสภาพอากาศ
- ผิวหน้าผสม (Combination skin) : เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำกับน้ำมันในอัตราส่วนเท่ากัน ทำให้ผิวรับส่วนผสมทั้งสองอย่างอย่างเท่ากัน จึงช่วยให้ผิวคงสมดุลของน้ำไว้ในผิวอย่างสม่ำเสมอ ไม่แห้งหรือมันจนเกินไป
ทั้งนี้ทั้งนั้นนะคะ ควรทามอยส์เจอร์ไรเซอร์หลังทำความสะอาดผิวหน้า เนื่องจากเป็นช่วงที่สารจะซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีควรทาให้ทั่วผิวหนังที่ต้องการเคลือบ โดยใช้นิ้วเกลี่ยๆ ให้เนื้อครีมกระจายออกทั่วผิวหน้า เพื่อให้ครีมบำรุงผิวได้ดูแลผิวได้อย่างทั่วหน้าค่ะ
และนี่ก็เป็นวิธีเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองแล้วนะคะ ทุกคนสามารถหามอยส์เจอร์ไรเซอร์ดีๆ ที่เหมาะกับผิวของตัวเองได้แล้วเนอะ ซึ่งประโยชน์ของมอยส์เจอร์ไรเซอร์เพื่อทำให้ผิวของเราชุ่มชื้นและบางผลิตภัณฑ์สามารถเป็น skin barrier ที่ช่วยเป็นเกราะป้องกันผิวได้อีกด้วย แต่ Moisturizer ไม่ได้ช่วยทำให้ผิวหน้าขาวแลดูกระจ่างใสนะคะ ทั้งนี้ก็ต้องหาตัวช่วยที่ทำให้ผิวหน้าของเรากระจ่างใสขึ้น อาจจะเป็น ครีมบำรุงผิวหน้า เซรั่ม ก็ได้ค่ะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของเราเองด้วย แต่มันจะมีโปรแกรมเคลียร์ผิวโปรแกรมหนึ่งค่ะ ที่ช่วยให้ผิวหน้าฉ่ำวาว อิ่มน้ำ กระชับรูขุมขน ผลัดเซลล์ผิว และยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ด้วย ก็คือ 𝐏𝐥𝐚𝐬𝐦𝐚 𝐁𝐫𝐢𝐠𝐡𝐭 ผิวใสx3 ✨
Plasma Bright Program
โปรแกรม Plasma Bright เป็นตัวช่วยฟื้นฟูผิวหน้าที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ มีความพิเศษที่สามารถช่วยฟื้นฟูผิวหน้าได้อย่างล้ำลึกมากกว่าการทำเลเซอร์แบบอื่นๆ เพราะเป็นโปรแกรมการเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพ รักษาได้ถึงต้นเหตุของปัญหาผิว ไม่ว่าจะเป็นความหมองคล้ำ รอยดำ รอยสิว ผิวหน้าหยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน ให้กลับมาเปล่งปลั่ง กระจ่างใส ดูสุขภาพดีได้อีกครั้ง ด้วยการเคลียร์ผิวหน้า 3 ขั้นตอน
Plasma Laser
เริ่มด้วยขั้นตอนแรกเป็นการเลเซอร์ เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าที่คล้ำเสียให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน อีกทั้งยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ต้นเหตุของการเกิดปัญหาสิวต่าง ๆ เช่น สิวผด อุดตัน อีกทั้งยังช่วยลดความมันบนใบหน้า กระชับรูขุมขน ให้ผิวหน้ามีความเรียบเนียนมากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยลดรอยแดง รอยดำ กระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ให้ผิวเปล่งปลั่ง ดูสุขภาพดีขึ้นได้อีกด้วย
Ultra Bright Treatment
ขั้นตอนต่อมาเป็นการผลักวิตามินที่มีคุณภาพ สูตรเข้มข้นเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก สามารถช่วยลดปัญหาหมองคล้ำ ปรับสีผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ อีกทั้งยังช่วยลดเลือนรอยสิว จุดด่างดำ อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูให้ผิวหน้ามีความกระจ่างใส ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ ดูมีออร่ามากขึ้นได้อีกด้วย
Collagen Mask
ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการมาสก์หน้าบำรุงผิว ที่สามารถช่วยฟื้นฟูได้อย่างล้ำลึก โดยสามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผิวหน้าจึงดูฉ่ำวาว กระจ่างใส เปล่งปลั่ง สดใสมากขึ้น หมดปัญหาผิวหน้าโทรมหยาบกร้านไปเลยจ้าา
ผลลัพธ์การทำ Plasma Bright Program
Plasma Bright Program ช่วยให้ผิวของเราขาวใสขึ้น x3 สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าที่ดีขึ้นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟู บำรุงผิวหน้าให้กระจ่างใส ต้องการแก้ไขปัญหาผิวหน้าอย่างรวดเร็ว และเห็นผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพชัดเจน ดังนี้
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ให้หลุดออกไปได้อย่างออกโยน ส่งผลให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้นทันที
- ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ต้นเหตุที่ก่อให้เกิดสิว ผิวหน้าสะอาดล้ำลึก
- ช่วยเปิดเซลล์ผิว ให้วิตามินเข้าสู่ผิวได้ลึกมากยิ่งขึ้น
- สีผิวสม่ำเสมอ จุดด่างดำ รอยแดง รอยดำจากสิวจางลงอย่างชัดเจน
- รูขุมขนกระชับขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวหน้าเรียบเนียนมากขึ้น
- ช่วยลดความมันบนใบหน้า ส่งผลให้สิวอุดตันลดน้อยลง
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวดูเปล่งปลั่งมากขึ้น
รีวิวจากผู้ทำ Plasma Bright จริง
ความรู้สึกระหว่างทำ Plasms Bright
ขณะทำ Plasma Bright อาจจะรู้สึกอุ่นๆ เล็กน้อยขณะทำค่ะ ซึ่งการทำ Plasma Bright จะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ สังเกตได้ทันทีว่าผิวกระจ่างใสขึ้น ซึ่งความถี่ในการทำ Plasma Bright สามารถทำได้ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ สามารถทำก่อนเลเซอร์หรือทรีทเมนต์อื่นๆ ได้เลย เพื่อให้ได้ผลที่ดียิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
การดูแลตัวเองหลังทำ Plasma Bright
หลังทำ Plasma Bright สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติได้เลยค่ะ สามารถแต่งหน้าไปทำงานได้แบบชิลๆ แต่เพื่อให้การทำ Plasma Bright ที่ได้ผลชัดเจนเร็วขึ้น ก็ควรดูแลผิวร่วมด้วยนะคะ บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ ทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันแสง UV เพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ค่ะ
การมีผิวสวยกระจ่างใสนั้น ทำได้ไม่ยากเลยค่ะ และไม่จำเป็นต้องซื้อครีมแพงๆ มาใช้ เพียงแค่มีวินัยในการดูแลผิว รู้จักเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง รวมถึงดูแลตัวเองให้ดีทั้งภายในและภายนอก เพียงเท่านี้ก็มีผิวที่สวยใสได้แล้วค่ะ จนใครๆ ก็ต้องเหลียวมอง
𝐀𝐏𝐄𝐗 𝐂𝐥𝐞𝐚𝐫 “เคลียร์ทุกเรื่องผิว”
สอบถามหรือปรึกษาปัญหาผิวได้ที่
Line : @apexclear https://lin.ee/wB4l0p0
#ApexClear #เรื่องผิวไว้ใจAPEXClear #ผิวเคลียร์ใสแบบไร้ที่ติ #เลเซอร์หน้าใส #ทรีทเมนต์หน้าใส
