ว่าด้วยเรื่องของการ “ ร้อยไหม “ ไหมชนิดแรกในประเทศไทยที่เริ่มต้นและนิยมมากในสมัยก่อนราว ๆ 20 ปีที่แล้ว นั่นก็คือ “ ไหม Aptos “ หรือเรียกอีกอย่างว่าไหมก้างปลา แต่ทั้งนี้ด้วยองค์ประกอบและปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่โซเชียลยังไม่ค่อยเริ่มเข้ามามีอิทธิพลตามสื่อออนไลน์ให้เราได้รู้กันอย่างทั่วถึงมากนักเกี่ยวกับวงการศัลยกรรม การร้อยไหมจึงยังไม่ค่อยเป็นสิ่งที่ผู้คนหันมานิยมและแพร่หลายมากเท่าปัจจุบัน เมื่อย้อนเวลากลับไปช่วงที่เริ่มมีการร้อยไหม Apex Medical Center เป็นศูนย์รวมความงามที่แรกที่นำไหม Aptos เข้ามาใช้ในการแก้ไขจุดบกพร่องเพื่อยกกระชับใบหน้า ซึ่งในยุคนั้นมีศัลยแพทย์เพียงไม่กี่ท่านในประเทศไทยที่สามารถใช้ไหมชนิดนี้เพื่อแก้ไขยกกระชับใบหน้าได้ เนื่องจากวัสดุที่ถูกออกแบบออกมาต่อตัวของไหมชนิดนี้มีขนาดเส้นไหมที่ใหญ่ จึงทำให้ร้อยเข้าบริเวณในส่วนของใบหน้ายากและค่อนข้างร้อยได้ในวงที่กำจัดต่อบริเวณใบหน้า ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาทั้งหมดนี้ได้หมดไป เพราะในยุคปัจจุบันนวัตกรรมของการร้อยไหมได้คิดค้นและผลิตไหมชนิดใหม่ออกมา โดยแยกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ ด้วยกันคือ ไหมละลาย และไหมไม่ละลาย
ไหมละลาย แยกประเภทแต่ละชนิดออกได้ดังนี้
- ไหมไม่ผูก แม้จะไม่เป็นที่นิยมมากเท่าไหร่นัก แต่ไหมประเภทนี้จะยึดติดกับเนื้อเยื่อของชั้นผิวหนังได้ดี ติดทนนาน แต่ทั้งนี้เนื่องจากนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้คิดค้นออกมาเรื่อย ๆ จึงทำให้ไหมชนิดนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากเวลาที่เรามีการขยับและเคลื่อนไหวของใบหน้า จะเกิดผลลัพธ์ที่เป็นข้อเสีย คือ มีอาการเจ็บ
- ไหมผูก เป็นไหมประเภทที่ได้ผ่านการรองรับจาก อย. ( องค์การอาหารและยา ) ซึ่งศัลยแพทย์ในประเทศไทยส่วนใหญ่ได้แนะนำและเป็นที่นิยมมาก ซึ่งไหมผูกจะแบ่งแยกออกมาได้อีก 3 ประเภท คือ ไหมตาข่าย ไหมโคน และไหมสองข้าง
ไหมตาข่าย : ต้องเรียกได้ว่าข้อดีของไหมตาข่ายนั้นมีการการันตีแล้วว่าเป็นไหมประเภทที่แทบดีที่สุด เพราะผลลัพธ์ที่ส่งผลให้หลังจากร้อยไหมเข้าไปบริเวณใบหน้าแล้ว จะทำให้ชั้นเนื้อเยื่อในส่วนของใบหน้าได้รับการกระตุ้นจากชั้นคอลลาเจนเข้ามาอยู่รอบ ๆ ของไหมตาข่ายได้ดีจึงทำให้ใบหน้าเกิดความแข็งแรง ติดทนนาน และอยู่ได้ในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าไหมชนิดอื่น
ไหมโคน : จะเป็นไหมประเภทแรกเลยที่ได้ถูกนำเข้าใช้ในมาประเทศไทยเช่นเดียวกับไหม Aptos ซึ่งตัวไหมโคนจะให้ผลลัพธ์ที่เป็นข้อดีหลัก ๆ เลยก็คือดึงเนื้อเยื่อบนใบหน้าได้ติดทน แต่ด้วยความที่ไหมโคนเป็นเส้นไหมที่มีลักษณะใหญ่นั้นก็จะมีข้อเสียเพิ่มเข้ามาอีกเช่นกัน คือ ตัวของเส้นไหมจะขาดง่าย และไม่ค่อยมีความแข็งแรงมากเท่าไหร่นัก
ไหมสองข้าง : ไหมชนิดนี้เป็นไหมในลักษณะที่มีเข็มทั้งสองข้าง จึงทำให้สามารถยึดติดกับในส่วนของเนื้อเยื่อบนใบหน้าได้ดีมากเช่นกัน แต่ผลข้างเคียงที่เป็นข้อเสียของไหมชนิดนี้จะเกิดการบวมช้ำได้ง่าย เนื่องจากการร้อยไหมประเภทนี้จะต้องใช้เข็มปลายแหลมในการร้อยไหมเข้ากับใบหน้า ผลลัพธ์ที่ขึ้นอยู่กับตัวเฉพาะบุคคลนั้นจึงยังไม่ตอบโจทย์มากเท่าที่ควร
ไหมไม่ละลาย แยกประเภทแต่ละชนิดออกได้ดังนี้
Aptos Threads : ไหมประเภทนี้เรียกว่าไหมก้างปลา ( Aptos Threads ) ลักษณะเด่นของไหมชนิดนี้จะคล้าย ๆ กับเงี่ยงก้างปลายื่นออกมา แต่ทั้งนี้ศัลยแพทย์ทั่วไปจะให้คำแนะนำที่ไปในแนวทางเดียวกันว่าเมื่อร้อยไหมก้างปลาเข้าที่บริเวณใบหน้าแล้ว พอระยะเวลาผ่านไปจะทำให้ไหมที่มีลักษณะคล้ายก้างปลานั้นหัก และอาจทำให้ไหมโผล่ออกมาทำให้เห็นชัด
Silhouette Lift : ไหมชนิดนี้มีลักษณะไหมที่เป็นเส้นเล็ก สามารถช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวหนังแข็งแรงและกระชับเช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ก็ยังมีข้อเสียคือไม่สามารถยกกระชับได้ดีเท่าที่ควรมากยิ่งนัก จึงเหมาะแก่การช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนให้ดีขึ้นไปในระยะยาวเท่านั้น
Gold Thread : คุณลักษณะเด่นของไหมชนิดนี้จะถูกเคลือบด้วยทองคำ 99.99 % ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากร้อยไหมทองคำนั้นจะช่วยเสริมสร้างและกระตุ้นชั้นผิวคอลลาเจนให้แข็งแรงกว่าเดิม แต่ทั้งนี้ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกัน คือ ไม่สามารถใช้เครื่องเลเซอร์หรือเข้าเครื่องเอ็กซ์เรย์ ( ในบางครื่อง ) เพราะจะทำให้ไหมนั้นขาดได้ง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ไหมที่ดีในปัจจุบัน และเทคนิคการร้อยไหมล่าสุดกับ APEX
จากการการันตีของทางทีมแพทย์ Apex Medical Center ที่ได้รับการฝึกฝนอบรมเกี่ยวกับการอัพเดทเทคนิคการร้อยไหมใหม่ล่าสุดและได้เผยว่าผลลัพธ์หลังจากการร้อยไหมชนิดนี้นั้นจะดีกว่าการร้อยไหมชนิดอื่น โดยไหมที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้มีชื่อว่า Definisse – Italian Thread Lift ที่ได้ถูกออกแบบมาพิเศษและยืนยันจากทางทีมแพทย์แล้วว่าเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง แข็งแรงและเสริมสร้างการทำงานของชั้นคอลลาเจนผิวได้ดีกว่าไหมชนิดอื่น เนื่องจากไหม Definisse เป็นการผสมระหว่าง Poly – L – Lactic Acid ( PLLA ) คุณประโยชน์ของตัวไหมนั้นจะให้ผลลัพธ์ที่ดีคือ
- ช่วยกักเก็บการอุ้มน้ำของเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวที่ดีขึ้น
- ช่วยให้ไหมยึดติดกับใบหน้าหลังจากร้อยไปแล้วได้ดี ไม่ขาดและหักง่าย
- ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และสว่างใส่มากยิ่งขึ้น
- เกิดการบวมช้ำน้อย เนื่องจากชนิดของไหม Definisse ได้ถูกออกแบบมาให้มีเข็มนำไปในแต่ละด้านของปลายเส้นไหม จึงทำให้ทิศทางของการร้อยไหมจะลื่นและตรงไปในทางเดียวกัน
- วัสดุพิเศษของไหมชนิดนี้เป็นวัสดุที่คิดค้นออกมาพิเศษ ดังนั้นจึงช่วยให้ใช้เส้นไหมในการร้อยเข้ากับใบหน้าน้อย แต่ยกกระชับได้ดีและมีระยะเวลาอยู่คงทนนาน
แน่นอนว่าจากการอัพเดทเทคนิคการร้อยไหมตัวใหม่ล่าสุดอย่างไหม Definisse ตัวแทนจากทางทีมแพทย์ที่เข้ารับการอบรมเพื่ออัพเดทความรู้และเทคนิคใหม่ล่าสุดโดย พญ. ศุกลภัทร ฉ่ำเลิศวัฒน์ และ พญ. ประภาพรรณ กิจพ่อค้า ได้เผยว่า
แพทย์ APEX : หลาย ๆ ท่านอาจจะยังคงสังสัยว่าความแตกต่างของไหม Definisse นี้แตกต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไรบ้าง ต้องขอบอกแบบนี้ค่ะว่าต่างกันตั้งแต่วัสดุที่ถูกคิดค้น และผลิตออกมา เพราะจากวัสดุที่ผสมระหว่าง PPLA นั้นจะช่วยให้ไหมมีขนาดเส้นที่เล็กแต่เหนียว และยึดเกาะกับเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนังได้อย่างดี รวมทั้งกระตุ้นคอลลาเจนได้ดีมากขึ้นด้วยนะคะ เนื่องจากใบหน้าของแต่ละคนนั้นจะมีรูปหน้าที่แตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นเทคนิคจะทำเหมือนกันไม่ได้ค่ะ
มีวิธีเลือกอย่างไรให้เหมาะกับคนไข้
แพทย์ APEX : คนไข้ทุกเคสก่อนที่จะรับบริการเราจะให้คำปรึกษาและแนะนำไปในแนวทาง และใช้เทคนิคการร้อยไหมที่เหมาะสมกับตัวของคนไข้มากที่สุด มั่นใจได้เลยค่ะว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นใบหน้าจะยกกระชับ และเสริมสร้างชั้นผิวได้แข็งแรงอย่างแน่นอนค่ะ
ถ้าใช้เส้นไหม Definisse น้อย แล้วผลลัพธ์จะอยู่ได้นานจริงไหม
แพทย์ APEX : ถ้าเทียบจากเมื่อก่อนสำหรับการร้อยไหมอะค่ะ ขั้นต่ำเลยคือจะใช้ไหมประมาณ 20-50 เส้น ขึ้นอยู่กับว่าปัญหาของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไปมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าใช้ไหม Definisse เนี้ยค่ะ จะใช้เพียงแค่ 1 – 2 เส้น บวกกับใช้เทคนิคการร้อยไหมแบบ Vector Lift ในส่วนนี้ไม่ต้องกังวลเลยว่าใช้แค่ 1 – 2 เส้น จะเห็นผลหรือเปล่า หมอยืนยันเลยว่าเห็นผลแน่นอนค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าวัสดุที่ถูกคิดค้นออกมาแบบพิเศษ ร่วมกับเทคนิคการร้อยไหมล่าสุด จะทำให้หลังทำไปแล้วรู้สึกได้เลยว่ากรอบหน้าชัด และยกขึ้นแบบไม่มีความกังวลใจอย่างแน่นอนค่ะ
( Vector Lift เป็นเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ที่ได้มีการพัฒนาและวิจัยออกมาเป็นระยะเวลามากกว่า 15 ปี เพื่อให้การฉีดปรับรูปหน้านั้นได้องศาของใบหน้าที่ออกมาเหมาะเข้ากับตัวของคนไข้ในแต่ละคนมากที่สุด อีกทั้งยังรวมไปถึงการช่วยปรับโครงสร้างผิว หรือแม้กระทั่งกล้ามเนื้อและกระดูกในบริเวณส่วนต่าง ๆ บนใบหน้าให้ดีที่สุดต่อตัวของผู้เข้ารับบริการค่ะ )
ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ได้นานไหม
แพทย์ APEX : อยู่ได้ราว ๆ 1 – 2 ปีเลยค่ะ แต่หมอลืมบอกไปว่าข้อดีของไหม Definisse ที่ใช้เทคนิคนิคการร้อยแบบ Vector Lift เนี้ยจะช่วยให้บริเวณเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนังทั่ว ๆ ไปรอบใบหน้า ที่ไม่มีการร้อยไหม จะดีขึ้นและแข็งแรงขึ้นตามไปด้วยนะคะ เรียกได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้คือดีมากในระดับนึงเลยทีเดียว
หลังร้อยไหม Definisse ไปแล้ว มีวิธีอย่างการดูแลตัวเองอย่างไรบ้าง
แพทย์ APEX : ขอแยกออกเป็นการดูแลตัวเอง ก่อน – หลัง ที่จะเข้ารับการร้อยไหมนะคะ
การดูแลตัวเองก่อนร้อยไหม หมอแนะนำว่าควรงดพวกอาหารเสริมและวิตามินอย่างน้อย 1 สัปดาห์ค่ะ ต่อมาก็จะเป็นการงดทำอะไรที่เกี่ยวกับการรักษาผิวหน้าด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ต่าง ๆ อย่างน้อยเลยประมาณ 1 -2 สัปดาห์ค่ะ
ต่อมาเป็นการดูแลตัวเองหลังร้อยไหมนะคะ ควรงดสัมผัสบริเวณใบหน้าและงดแต่งหน้าหนึ่งวันหลังการร้อยไหมค่ะ อีกอย่างที่ต้องระวังก็คือต้องระวังไม่ให้การเคลื่อนไหวของใบหน้าเกิดการขยับมากไป ไม่ว่าจะเป็นการหาว หัวเราะ หรือเท้าคาง เพราะอาจทำให้เส้นไหมนั้นเคลื่อนไหว และผิดรูปได้ค่ะ
คำถามสุดท้ายค่ะ หากคนไข้มีความกังวลเนื่องจากใบหน้ามีรอบบุ๋มหลังการร้อยไหม ต้องทำอย่างไร
แพทย์ APEX : เป็นเรื่องปกติของการร้อยไหมมากเลยค่ะ เพราะหลังจากร้อยไหมไปประมาณ 1 – 2 วัน อาจทำให้ใบหน้าเกิดรอยยุบเข้าไปนิดหน่อยในส่วนของบริเวณที่มีการร้อยไหมค่ะ เนื่องจากชั้นเซลล์ผิวจะถูกดึงให้ตึง แต่ในระหว่างนี้ตัวไหม Definisse จะเข้าไปช่วยกระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนังให้กระชับได้ดี แล้วหลังจากนั้นราว ๆ 5 – 7 วัน เราจะสังเกตเห็นได้เลยว่ารอยต่าง ๆ จะค่อย ๆ จางหายไป และใบแข็งแรง เต่งตึง กระชับขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่ะ
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @apexlifting ( มี @ นำหน้า ) สถาบันเสริมความงาม APEX ของเรามีพร้อมทั้งเครื่องมือที่ทันสมัยและผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการค่ะ
