หลายท่านอาจจะเข้าใจว่า “วัยทอง” มักจะมาพร้อมกับอายุในช่วง 50 ปีขึ้นไป หรือช่วงวัยที่หมดประจำเดือนเท่านั้น แต่แท้จริงแล้ว ช่วงอายุประมาณ 45 ปีขึ้นไป ถือเป็นช่วงรอยต่อระหว่างวัยที่ส่งผลให้ฮอร์โมนเพศเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน จึงทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาทั้งจากภายในและ “ภายนอก”
เมื่อผู้หญิงวัยประมาณ 45-50 ปี เกิดความเครียดสูง ประจำเดือนจะลดลงอย่างรวดเร็ว ปัญหาที่ตามมาคือ ฮอร์โมน Estrogen (เอสโตรเจน) จะเด่นขึ้น ทำให้ร่างกายให้ความสนใจในการผลิตฮอร์โมนต้านความเครียดมากกว่าส่วนอื่นๆ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ Progesterone (โปรเจสเตอโรน) หรือฮอร์โมนเพศหญิงลดลง
โดยปัญหา “ภายนอก” ที่ทำให้สาวๆ ส่วนใหญ่เกิดความกังวลใจกันมาก ก็คือปัญหาผิวพรรณที่บ่งบอกว่าช่วงเวลาแห่งวัยเยาว์ของเราเริ่มถดถอยลงไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอยร่องลึก ฝ้า กระ และผิวเริ่มแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ดูไม่เต่งตึงเท่าเมื่อก่อน
การเกิดฝ้าเป็นปัญหาใหญ่มากกว่าสิ่งที่ตามองเห็น เพราะถือเป็นสัญญาณเด่นชัดมากที่สุดบนใบหน้า ที่บอกว่ากำลังเข้าสู่สภาวะ “สูงวัย” ซึ่งรอยฝ้าจะเริ่มหนาและมีสีน้ำตาลหรือดำที่เข้มขึ้นตามลำดับ สาเหตุหลักๆ ของการเกิด “ฝ้าวัยทอง” นั้น มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม การออกแดดบ่อยๆ รวมไปถึงการถดถอยของฮอร์โมนทุกชนิดในร่างกายด้วย
ลักษณะของฝ้าวัยทองมีด้วยกัน 3 ชนิด ได้แก่
- ฝ้าชนิดตื้น เกิดได้ง่าย ในระดับผิวหนังชั้นนอก มีสีน้ำตาลที่ขอบชัดเจน
- ฝ้าชนิดลึก เกิดในระดับชั้นผิวหนังแท้ที่อยู่ลึกกว่าผิวหนังกำพร้า มีสีม่วงอมน้ำเงิน ไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน รักษาให้หายขาดได้ยากกว่าฝ้าชนิดตื้น
- ฝ้าชนิดผสม เป็นฝ้าที่พบได้มากที่สุดในผู้สูงวัย เกิดทั้งในระดับผิวหนังชั้นนอกและผิวหนังแท้รวมกัน บริเวณกลางของแผ่นฝ้ามักมีสีที่เข้มจัด รอบๆ แผ่นฝ้าจะมีสีที่ค่อนข้างจางกว่า
เนื่องจากทุกอย่างมีความสัมพันธ์กับการเกิดฝ้าบนใบหน้าทั้งหมด ดังนั้นการรักษาฝ้าให้หายขาด จึงเป็นสิ่งที่ทำได้ยากและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้สูง เพราะฉะนั้นควรดูแลรักษาให้ครอบคลุมทั้งภายในและภายนอก
วิธีรักษาฝ้าจากภายใน
- ปรับสมดุลฮอร์โมนภายในของร่างกายด้วยการปล่อยวางอารมณ์ฉุนเฉียวที่มากับวัยทอง
- หลีกเลี่ยงการรับฮอร์โมนจากภายนอก เช่น การใช้ฮอร์โมนทดแทนหรือการเทคยาฮอร์โมน
- ไม่ทานยาหรืออาหารเสริมมากเกินความพอดี และเปลี่ยนมาทานอาหารที่มีประโยชน์ทดแทน
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
วิธีรักษาฝ้าจากภายนอก
- หลีกเลี่ยงการออกแดดและทาครีมกันแดดเป็นประจำ
- บำรุงผิวหน้าด้วยสกินแคร์ที่เหมาะกับวัยของสภาพผิว
- หลีกเลี่ยงการใช้ครีมที่ทำลายผิวจนเกิดการอักเสบ
- เลเซอร์เคลียร์เม็ดสีเมลานินส่วนเกิน ที่ก่อให้เกิดฝ้าใหม่หรือฝ้าซ้ำซ้อน
โปรแกรมเลเซอร์ผิวหน้ามักเป็นที่นิยมมากในหมู่คนรักสวยรักงาม เนื่องจากเป็นเหมือนทางลัดในการรักษาและช่วยให้ผิวหน้ากลับมาแลดูสุขภาพดีขึ้นได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่บางครั้งก็อาจจะเกิดผลเสียที่ตามมาได้ ถ้าหากเครื่องที่ใช้ไม่ได้มาตรฐาน เช่น มีอาการแสบผิว รู้สึกเจ็บแปลบและเกิดเป็นรอยไหม้ นอกจากนี้ยังสามารถเกิดฝ้าซ้ำซ้อนได้
ที่ APEX เรามีเทคโนโลยีสลายฝ้า 3 มิติ (Melasma) ที่ดูแลโดยแพทย์มากประสบการณ์ทางด้านการกำจัดเม็ดสีและได้รับรางวัล “Luminary Excellence” อันดับ 1 เทคโนโลยีล่าสุด ที่สามารถกระจายเลเซอร์ได้ทั่วบริเวณที่เกิดฝ้าลึกถึงผิวชั้นใน เคลียร์เม็ดสีส่วนเกิน และเส้นเลือด VEGF (Vascular Endothelial Growth Factor) ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินจนทำให้เกิดฝ้าซ้ำซ้อนได้ พร้อมผลัดเซลล์ผิวใหม่ ให้ดูอ่อนกว่าวัยได้อย่างเหนือระดับ
เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ล่าสุดที่ APEX CLEAR เคลียร์รอยฝ้าแบบ 3 มิติ เพื่อผิวกระจ่างใส
👉 กำจัดเม็ดสี ลบรอยฝ้าหนา
👉 ลดการขยายตัวของเส้นเลือดฝอย
👉 ฟื้นฟู กระตุ้นคอลลาเจนใหม่เพื่อผิวเนียนใส
👉 ไม่มีผลข้างเคียง เห็นผลในครั้งแรก
🏆 รางวัล “Luminary Excellence” อันดับ 1 เทคโนโลยีล่าสุด ทำให้เราเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูงสุดทางด้านการกำจัดเม็ดสี
APEX CLEAR “เคลียร์ทุกเรื่องผิว”
📣 สอบถามหรือปรึกษาปัญหาผิวได้เลยค่ะ
📲 Line@ https://lin.ee/wB4l0p0
#ApexClear #apexclearเคลียร์ทุกเรื่องผิว
#เลเซอร์ลดเม็ดสี #เลเซอร์ฝ้า #รักษาฝ้า3มิติ