นวัตกรรมแสงบำบัด Light Therapy ดีอย่างไร

     

    วิธีการรักษาสิวหรือปัญหาผิวหน้าต่างๆ ส่วนใหญ่จะนึกถึงการใช้สกินแคร์เพื่อจัดการปัญหาผิว หรือไม่ก็หัตถการดูแลผิวหน้า แต่นี่มัน 2022 แล้วค่ะซิล หตถการที่น่าลองที่สุด เป็นนวัตกรรมที่แค่นอนอยู่เฉยๆ ก็สามารถรักษาผิวได้แล้ว! ใครที่ทำทำทรีทเมนต์บ่อยๆ จะเคยเห็นเครื่องทรีทเมนต์ที่มันเป็นแสง LED อยากจะบอกว่าตอนนี้มีนวัตกรรมแสงบำบัด Light Therapy เป็นการฉายแสง LED ด้วยเทคโนโลยีความงามที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ตอนนี้ เพราะเขามีคุณสมบัติมากมายที่จะช่วยจัดการปัญหาผิวต่างๆ รักษาสิว กำจัดเชื้อแบคทีเรียบริเวณผิวหนังที่อักเสบ เพราะสามารถช่วยดูแลและฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวให้ดูอ่อนกว่าวัย

     

    ทำความรู้จัก Light Therapy

     

     

    Light Therapy ก็คือ การฉายแสง LED เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยบำบัดการดูแลผิวพรรณ โดยใช้ความเข้มแสงสูงมากพอในระดับ จูลล์/ตารางเซนติเมตร และจะต้องมีค่าความสว่าง (Milicandela Rating) ในอัตราที่สูง จึงจะสามารถทำปฏิกิริยากับเซลล์ผิว ช่วยกระตุ้นกลไกการฟื้นฟูของเซลล์ผิวได้ โดยแสงที่ใช้รักษาจะมีหลายสี ซึ่งแสงแต่ละสีจะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน เพื่อบำบัดผิว แก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป

     

    Light Therapy แสงแต่ละสีมีประโยชน์อย่างไง ?

    การบำบัดผิวด้วยแสง LED ที่นิยมใช้กันมีอยู่ 4 สี ประกอบด้วย สีฟ้า สีแดง สีเขียว และสีเหลือง โดยในการบำบัดแสง Light Therapy จะฉายแสง LED เพียงสีเดียว หรือ 2 สีก็ได้ ซึ่งแพทย์จะประเมินจากปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคลก่อน

    • แสงสีฟ้า (Blue light) ช่วยรักษาสิวและลดการอักเสบของสิว ทั้งสิวอักเสบที่เกิดจากสารสเตียรอยด์ สิวอุดตัน ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว (P.Acne) และลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ อีกทั้งยังช่วยควบคุมความมันได้อีกด้วย

     

    • แสงสีเหลือง (Yellow light) เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำเพราะแสงสีเหลืองมีคุณสมบัติที่ช่วยปรับผิวให้ดูกระจ่างใส ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ อีกทั้งยังรักษาเส้นเลือดฝอยที่อยู่ใต้ผิวหนัง และช่วยกระตุ้นต่อมน้ำเหลืองทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตให้ดีขึ้น 

     

    • แสงสีแดง (Red light) ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอีสาสตินในชั้นเซลล์ จึงช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ดๆ บนใบหน้า ปรับผิวให้เรียบเนียน อิ่มฟู อีกทั้งยังช่วยลดการอักเสบของผิว หากใครเป็นสิวแสงสีแดงจะช่วยให้ผิวบริเวณที่เป็นสิวแข็งแรงขึ้นโดยไม่ทิ้งรอยแดง

     

    • แสงสีเขียว (Green light) มีคุณสมบัติในการรักษารอยดำ ช่วยลดการสร้างเม็ดสี ปรับสีผิวให้กระจ่างใส รักษารอยแดง เช่นเดียวกับแสงสีเหลือง แต่จะนิยมใช้ลดรอยดำมากกว่า อีกทั้งยังช่วยรักษาอาการแพ้ต่างๆ ได้ด้วยค่ะ

     

    ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล ?

    โดยปกติการรักษาด้วยการฉายแสงจะใช้เวลาแค่ 20 นาทีต่อ 1 ครั้ง และควรทำซ้ำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งค่ะ ซึ่งผลการรักษาขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความสม่ำเสมอในการรักษา แนะนำทำต่อเนื่องติดต่อกัน 4-8 สัปดาห์ขึ้นไป ทั้งนี้แพทย์จะดูจากปัญหาผิวและสภาพผิวที่เป็นอยู่ของแต่ละคน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเห็นผล 3 ครั้งขึ้นไป ผลลัพธ์ที่ได้ใครที่เป็นสิวอักเสบพบว่าสิวอักเสบค่อยๆ ยุบตัวลง ใครที่หน้ามันใบหน้าก็จะมีความมันน้อยลง รอยสิวดูจางลงนั่นเองค่ะ

     

    ฉายแสงบำบัด Light Therapy เหมาะกับใคร ?

    • เหมาะกับคนที่มีสิวอักเสบจำนวนมาก และไม่ต้องการใช้ยาแบบรับประทาน หรือคนที่สิวหายยากจากการดื้อยา
    • เหมาะกับคนที่มีปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ
    • เหมาะกับคนที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้อ่อนเยาว์ ผิวแข็งแรง ลดปัญหาสิวเกิดใหม่
    • เหมาะกับคนที่มีปัญหารอยดำ รอยแดง รอยแผลเป็น ผิวหมองคล้ำ

     

    ก่อนทำ Light Therapy

    3 วันก่อนทำ Light Therapy ควรงดใช้ยาที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น Tretionin (Retin-A) , Retinols , Retinoids , Glycolic Aid หรือกลุ่ม Anit-Aging งดแวกซ์ ขัด สครับผิว บริเวณที่ทำอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ก่อนได้รับบริการ งดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือกิจกรรมที่ส่งผลให้เลือดสูบฉีดไหลเวียนมากขึ้น เช่น ออกกำลังกาย และการซาวน่า

     

    หลังเข้ารับการทำ Light Therapy 

    หลังจากการทำ Light Therapy เป็นเรื่องปกติที่ผิวจะไวต่อแสงและบอบบาง แต่การดูแลผิวอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ผิวฟื้นฟูและกลับมาแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังทำให้การรักษาปัญหาผิวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

    • การฉายแสงจะทำให้ผิวไวต่อแสงมากยิ่งขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แจ้งรวมถึงการใช้ครีมทาผิวที่ทำให้ไวต่อแสงมากยิ่งขึ้น เช่น เรตินเอ หรือกรดวิตามินซี 
    • หมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อปกป้องผิวจากแสงยูวี 
    • หลังการฉายแสงอาจทำให้ผิวแห้งในช่วงแรก ควรเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ (Moisturizer)
    • ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว
    • งดใช้ครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินซี หรือกลุ่ม AHA

    ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นหากไม่ดูแลผิวหลังเข้ารับการฉายแสง ก็อาจทำให้ปัญหาผิวรุนแรงมากขึ้น เช่น ทำเสร็จแล้วไปเล่นทะเล โชว์ผิวออกแดดเลยเนี่ยก็อาจทำให้ผิวไหม้และรอยดำ ผ้า กระมีสีเข้มขึ้นกว่าเดิมได้ค่ะ

     

    รักษาผิวด้วย Light Therapy ต่างจากการรักษาผิวด้วยเลเซอร์อย่างไร

    การรักษาผิวด้วย Light Therapy และเลเซอร์มีความแตกต่างกัน โดยการฉายแสง LED เปรียบได้กับเลเซอร์ความเข้มข้นต่ำ มีความปลอดภัย ไม่มีอาการแสบร้อนหรืออาการปวด

    ปัจจุบันการทำเลเซอร์ผิวมีหลากหลายรูปแบบ ขณะที่การทำเลเซอร์ผิวหนังจะใช้คลื่นแสงที่มีพลังงานเข้มข้นสูง มีจุดโฟกัสที่แม่นยำ เหมาะกับการนำมาใช้แก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกันออกไป เช่น ลดรอยดำ จุดด่างดำบนใบหน้า ฝ้า กระ ริ้วรอยบนใบหน้า หลุมสิว โดยจำนวนครั้ง ความถี่และผลของการรักษาจะแตกต่างกันไปตามปัญหาผิวของแต่ละบุคคลค่ะ

    เนื่องจากว่าการใช้พลังงานความเข้มข้นสูง อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น การแสบร้อนผิว ปวดบวม รอยแดง การระคายเคือง หรือผิวลอก ผิวไวต่อแดดมากกว่าปกติ แต่อาการเหล่านี้จะหายได้เอง ขึ้นอยู่กับระดับความลึกของเลเซอร์ที่ยิงเข้าไป และการดูแลหลังทำเลเซอร์

     

    ข้อดีของการรักษาผิวด้วย Light Therapy

    • รักษาความเสื่อมสภาพของผิวได้ลึกถึงระดับเซลล์ โดยไม่ทำลายเซลล์อื่นๆ ในบริเวณที่ทำ
    • ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ให้กลับมาทำงานได้อย่างเป็นปกติตามกลไกธรรมชาติ
    • ลดอาการบวมหลังจากการผ่าตัดใหญ่ ซึ่งจะทำให้เห็นผลลัพธ์จากการผ่าตัดได้เร็วยิ่งขึ้น
    • ขณะทำไม่รู้สึกเจ็บ สามารถนอนสบายๆ ได้เลย เปรียบเสมือนให้ผิวได้ผ่อนคลาย 
    • หลังทำไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีผลข้างเคียง สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้หลังทำ

     

    ความรู้สึกขณะรับการรักษา

    เปรียบเสมือนเป็นการพักผ่อนให้ผิว ได้รับความรู้สึกอุ่นๆ บริเวณที่เครื่องฉายแสงส่องลงบนผิว

     

    ระยะเวลาในการทำ Light Therapy

    ระยะในการทำจะใช้เวลาไม่นาน ประมาณ 10 – 20 นาที/ครั้ง สามารถทำได้ 2 ครั้ง/สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางนะคะ

     

    การฉายแสง Light Therapy บำบัดผิวด้วยแสงสีฟ้า แสงสีเขียว แสงสีเหลือง และแสงสีแดง มีคุณสมบัติเด่นในการแก้ปัญหาผิวที่แตกต่างกัน เช่น แสงสีฟ้าช่วยจัดการปัญหาสิว แสงสีเขียวจะช่วยลดรอยดำ รอยแดง และรอยแผลเป็น แสงสีเหลืองจะช่วยให้ผิวกระจ่างใจลดความหมองคล้ำ  ฝ้า กระ จุดด่างดำ และแสงสีแดงจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอย ฟื้นฟูผิวดูอ่อนเยาว์ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิว เห็นผลลัพธ์ชัดเจนตามระยะเวลา ความสม่ำเสมอในการทำ และการดูแลตัวเองหลังทำค่ะ หากใครมีปัญหาผิวหน้า ไม่ว่าจะปัญหาผิวแบบไหน เข้ามาปรึกษากับเราได้ที่ Apex Medical Center หรือตามที่อยู่ด้านล่างนี้ได้เลยค่า~~

     

    เคลียร์ จบ จริง ต้อง Apexclear เคลียร์ทุกเรื่องผิว

    สอบถามหรือปรึกษาปัญหาผิวฟรี! ได้ที่

    Line  : @apexclear คลิก https://lin.ee/wB4l0p0

    Facebook : APEX Clear คลิก https://www.facebook.com/ApexClearOfficial