ศัลยแพทย์ชาวไทย ร่วมพลิกชีวิต นักศึกษาพยาบาลชาวเวียดนาม โดนน้ำกรดสาด ระดมศัลยแพทย์ และแพทย์ผิวหนังฝีมือดี เนรมิตผิวใหม่ ฟื้นความสวย คืนชีวิต

20 ก.พ.2560 กรุงเทพฯ – เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ เปิดเผยถึงการให้ความช่วยเหลือ ระดมศัลยแพทย์และแพทย์ผิวหนังไทยฝีมือดี ผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งและฟื้นฟูใบหน้าให้กับนักศึกษาพยาบาลชาวเวียดนาม ที่โดนน้ำกรดสาด จนผิวหน้าไหม้ 75% ตาซ้ายบอด ไม่สามารถเปิดหรือปิดเปลือกตาได้ ส่วนตาขวาไหม้ระดับ 1 จนทำให้ใบหน้าเสียโฉม ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก เพราะต้องคอยปกปิดใบหน้าอยู่ตลอดเวลา

16681992_10155015969407288_6159398944292761202_n

เหตุการณ์ที่ Hoang Tang Thi Thu Huong นักศึกษาพยาบาลสาว อายุ 21 ปี จากเมืองโฮจิมินห์ ซิตี้ ถูกแฟนเก่าที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน สาดน้ำกรดใส่ ขณะที่เธอกำลังขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้าน เนื่องจากเข้าใจว่าเธอไปมีแฟนใหม่ ที่เป็นผู้ชาย เป็นข่าวที่โด่งดังมากในเวียดนาม เมื่อปีที่แล้ว Hoang Tang Thi Thu Huong เป็นหญิงสาวหน้าตาดี มีอนาคตไกล เธอกำลังศึกษาทางด้านพยาบาลในโฮจิมินห์ ซิตี้ ซึ่งกำลังจะสำเร็จการศึกษาในปีหน้า ผลจากการที่ถูกน้ำกรดสาด ทำให้ Hoang ต้องสูญเสียการมองเห็นของตาข้างซ้าย ไม่สามารถเปิดหรือปิดตาได้ ผิวหน้าไหม้จากน้ำกรดถึง 75% ใบหน้าผิดรูป ไม่สามารถขยับปากได้เหมือนคนปกติ เธอต้องสวมใส่หน้ากากปกปิดใบหน้าตลอดเวลา ทำให้ดูเหมือนพวกทำผิดกฏหมาย ทั้งๆ ที่เธอกำลังทำงานให้ความช่วยเหลือผู้คน ในฐานะพยาบาลฝึกหัด

IMG_0754

เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ ได้รับการร้องขอจากตัวแทนของ Hoang Tang Thi Thu Huong ในประเทศเวียดนาม ให้ช่วยผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติของใบหน้า และฟื้นฟูผิวที่สูญเสียไป เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในศักยภาพและฝีมือของแพทย์ไทย ตลอดจนประสิทธิภาพของเทคโนโลยีในการฟื้นฟูผิว และศัลยกรรมผิวหนังที่ทันสมัยในระดับต้นๆ ของโลก รวมถึงห้องผ่าตัดที่ทันสมัย เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์ครบครัน

สำหรับแนวทางการรักษาของ เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ จะเป็นการระดมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา เพื่อแก้ไขปัญหาในแต่ละจุด โดยทีมแพทย์ผู้ให้การรักษาประกอบด้วย

IMG_0812

1.รศ.นพ.อนุชิต ปุญญทลังค์ ประธานราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุแพทย์ในลำดับต้นๆ ของประเทศ จะรักษาด้วยการผ่าตัดเลาะพังผืดออก แล้วนำเนื้อเยื่อเมือกจากในปากมาเย็บติดด้านในของเปลือกตา และใส่ตาปลอมทับไปบนตาจริง รศ.นพ อนุชิต อธิบายถึงผลการตรวจตาของผู้ป่วย และ แผนการรักษาว่า “รายงานการตรวจตาของผู้ป่วย พบว่าการมองเห็น มองเห็นแสง แต่ไม่สามารถชี้ได้ว่าแสงมาจากทางไหน แสดงว่า ตาข้างซ้ายบอดสนิท ไม่สามารถผ่าตัดให้กลับมามองเห็นได้ การตรวจ Ultrasound พบว่าลูกตายังกลมอยู่ จึงไม่จำเป็นต้องเอาลูกตาออก การเคลื่อนไหวลูกตาทำได้ไม่ดี และไม่สามารถลืมตาข้างซ้ายได้ บีบตาไม่ได้ เนื่องจากมีพังผืดยึดติดกับเปลือกตาและกล้ามเนื้อตา กล้ามเนื้อเปลือกตาทั้งเปิดและปิด ถูกทำลายสำหรับแนวทางการรักษา ได้วางแผนว่าจะผ่าตัดเลาะพังผืดออก นำเนื้อเยื่อเมือกจากในบริเวณช่องปาก มาเย็บติดด้านในของเปลือกตา และวางเยื่อรกบนลูกตา โดยมีการใส่แผ่นพลาสติกกันพังผืดเกิดซ้ำเอาไว้ ผลที่จะได้รับคือ สามารถใส่ตาปลอมได้ เปลือกตาลืมได้เล็กน้อย และหลับได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามดูในวันที่ผ่าตัดอีกครั้ง ว่าจะสามารถทำอะไรได้อีก เนื่องจากแผลเป็นที่ค่อนข้างรุนแรง คนไข้อาจจะต้องทำการผ่าตัดหลายครั้ง”

2.นพ.กิดากร กิระนันทวัฒน์ ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดจมูกและปาก (Microsurgery) เปิดเผยถึงแผนการรักษาว่า “จะทำการตัดแผลเป็นนูน และดึงรั้งบริเวณริมฝีปากบน ล่าง ใต้ปีกจมูกข้างซ้าย แก้ไขริมฝีปากและปีกจมูก ที่โดนดึงผิดตำแหน่ง ให้กลับมาใกล้เคียงสภาวะปกติ ทำการปลูกถ่ายหนังจากขาหนีบมาทดแทน เพื่อให้แผลเป็นเรียบขึ้น”

3.พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ ผู้ก่อตั้งเอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แพทย์ผิวหนังที่มีความเชี่ยวชาญในการปรับแต่งรูปหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด และฟื้นฟูการสร้างผิว ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ทำการเปิดเผยถึงแผนการรักษาในครั้งนี้ว่า “เนื่องจากแผลเป็นของผู้ป่วยมีความรุนแรงมาก ผิวหนังไหม้ถึง 75% จึงมีแผลเป็นอยู่ทั่วใบหน้า แนวทางการรักษา จึงจะต้องมีการฟื้นฟู สร้างผิวใหม่ หลังจากที่ได้มีการแก้ไขผ่าตัดเลาะเอาพังผืด ที่ดึงใบหน้าให้ผิดปกติออกแล้ว หมอก็จะใช้เลเซอร์รักษาแผลเป็น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างผิวใหม่ โดยใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ล่าสุด ที่มีผลข้างเคียงน้อย เห็นผลได้รวดเร็ว โดยผสมผสานกันหลายตัว เพื่อแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหาแผลเป็น ก็จะทำเลเซอร์ Resurfacing ส่วนรอยแดงก็ใช้เลเซอร์กำจัดเม็ดสีล่าสุด ที่ทำลายเม็ดสีด้วยความเร็วแสงในระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที ทำให้เม็ดสีแตกกระจาย โดยไม่เกิดการสะสมความร้อน จึงไม่เสี่ยงผิวไหม้ ควบคู่กับการฉายแสง LED เพื่อเร่งการฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังและฆ่าเชื้อ นอกจากนี้ก็จะมีการฉีดสเต็มเซลล์จากไขมันของคนไข้เอง เพื่อปรับแต่งรูปหน้า และเร่งการฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังจากภายใน”

Hoang Tang Thi Thu Huong เผยถึงความรู้สึกต่อการได้รับการช่วยเหลือผ่าตัดทำศัลยกรรม

“ดิฉันต้องขอขอบคุณ เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ และทีมแพทย์ที่ให้ความช่วยเหลือรักษาในครั้งนี้ มันเหมือนกับการให้ชีวิตใหม่กับดิฉัน เพราะตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์น้ำกรดสาดในครั้งนั้น ชีวิตดิฉันก็ไม่เหมือนเดิมอีกเลย ต้องคอยหลบหน้าผู้คน แม้แต่ไปฝึกงานที่โรงพยาบาล ก็ยังต้องสวมใส่หน้ากากปิดบังตลอดเวลา เหมือนคนที่ทำผิดกฏหมาย แต่ความจริงคือดิฉันไม่อยากให้ใครต้องตกใจกลัวเมื่อเห็นหน้า ดิฉันมีความเชื่อมั่นในทีมแพทย์ของ Apex มาก แพทย์ไทยเก่งในระดับโลก ด้วยเหตุนี้ดิฉันจึงมีความหวังว่า จะได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง ได้ทำหน้าที่พยาบาลอย่างที่ตั้งใจ โดยไม่ต้องกลัวว่า ใครจะเห็นหน้าแล้วตกใจกลัว อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้”

พญ.นันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ แห่งศูนย์การแพทย์ เอเพ็กซ์ เมดิคอล เซ็นเตอร์ กล่าวว่า “เมื่อเราได้รับการติดต่อจากคุณ Hoang Tang Thi Thu Huong และรับรู้เรื่องราวที่น่าเห็นใจของเธอ จากผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่ง ชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงไป จากเรื่องการหึงหวง ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้น ในทางการแพทย์ก็คงสามารถช่วยให้ใบหน้าเธอดีขึ้นได้บ้าง ซึ่งก็หมายถึงช่วยให้ชีวิตเธอดีขึ้นได้ด้วย เราจึงอยากจะช่วย นอกจากนั้น ก็อยากจะเผยแพร่ความสามารถของแพทย์ไทยด้วย ว่าเราไม่แพ้ชาติใดในโลก เรามีทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีความสามารถในลำดับต้นๆ ของโลก เรียกว่าฝีมือไม่เป็นรองใคร ในส่วนของเทคโนโลยีก็เช่นกัน เทคโนโลยีระดับโลกล่าสุดมีอะไร ในเมืองไทยก็มีหมดเหมือนกัน ไม่ต้องบินไปรักษาไกลๆ ถึงเกาหลี ยุโรป หรืออเมริกา ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นศูนย์การแพทย์ในภูมิภาคนี้ได้ไม่ยาก เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรและเทคโนโลยี”

IMG_0841 IMG_0859

อ่านต่อประสบการณ์ “ปลูกผมเปลี่ยนชีวิต”
ปลูกผม