ลดหน้าท้อง ด้วย CoolSculpting พุงยุบได้ไม่ต้องเหนื่อย

ลดหน้าท้องปัญหาหน้าท้องคือส่วนที่น่ากังวลมากที่สุด เมื่อมีไขมันส่วนเกินไปสะสมจนทำให้พุงยื่น ท้องป่องออกมาจนทำให้เสียบุคลิกและทำให้ขาดความมั่นใจ เพราะเหตุนี้หลายคนถึงมองหาวิธี ลดหน้าท้อง เพื่อให้ตัวเองสามารถกลับมาสวมใส่เสื้อผ้าแล้วดูดีอีกครั้ง ซึ่งวิธีที่เรามักนึกถึงคงหนีไม่พ้นการออกกำลังกายหรือการควบคุมอาหาร เพราะต่างเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและใกล้ตัวมากที่สุด

แต่การออกกำลังกายและควบคุมอาหารเพื่อลดหน้าท้องเป็นวิธีที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล เนื่องจากไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องนั้นเป็นไขมันดื้อ ซึ่งเป็นไขมันชนิดที่กำจัดออกได้ยากมากที่สุด ต้องอาศัยเวลาและความอดทน รวมทั้งวินัยในการออกกำลังกายและต้องควบคุมอาหารอย่างมากถึงจะสามารถช่วยให้หน้าท้องยุบลงได้ หลายคนถึงกับยอมแพ้หรือหันไปเลือกใช้วิธีที่ไม่ดีนัก อย่างเช่น การกินยาลดความอ้วนหรือยาดักไขมัน นอกจากนี้ก็ยังอาจมีคนบางส่วนที่ตัดสินใจดูดไขมันหน้าท้องซึ่งเป็นทางลดในการลดหน้าท้องแบบเร่งด่วนที่เห็นผลได้ชัดแต่ต้องแลกมากับความเจ็บปวดจากการผ่าตัด แถมยังต้องใส่ชุดพยุงรูปร่างและต้องพักฟื้นระยะหนึ่งกว่ารูปร่างจะกลับมาเป๊ะดังเดิม

แต่ถ้าไม่อยากเสียเวลาในการลดหน้าท้อง ขอแนะนำ วิธีการลดหน้าท้อง แบบเร่งด่วน โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้น ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องออกไปได้ ด้วย CoolSculpting หรือ การกำจัดไขมันด้วยความเย็น

CoolSculpting กำจัดไขมันด้วยความเย็น

CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีการกำจัดไขมันด้วยความเย็น ที่ใช้เวลาเพียง 35–45 นาที ก็สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินบริเวณที่มีปัญหาออกได้ 20–30% โดยไม่ต้องเจ็บตัวไม่ต้องพักฟื้น ซึ่งหลักการทำงานคือการใช้ความเย็นอุณหภูมิติดลบเข้าไปทำให้เซลล์ไขมันที่ไวต่อความเย็นตายลง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์อื่นๆ จากนั้นกลไกของร่างกายจะกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายออกมาตามกลไกของร่างกาย ทำให้ผู้เข้ารับบริการสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างได้ บอกลาปัญหาและช่วยลดสัดส่วนที่ไม่ได้ดั่งใจ แล้วหุ่นดีขึ้นเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจแก่คุณ

เปรียบเทียบการทำ Coolsculpting ลดหน้าท้อง กับวิธีอื่น

Coolsculpting vs ยาลดน้ำหนัก

ยาลดน้ำหนัก หรือยาลดความอ้วน อาจเป็นหนึ่งในทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ แต่ต้องขอบอกว่ายาลดน้ำหนักที่วางขายอยู่ตามท้องตลาดในปัจจุบันนั้นแทบทั้งหมดเป็นยาที่ไม่ได้รับการรับรองทางการแพทย์ว่าสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริง โดยเฉพาะยาชุดที่ขายกันเป็นล่ำเป็นสันนั้น เป็นเพียงแค่การนำยาชนิดต่าง ๆ ที่หากใช้ในปริมาณมากแล้วจะยิ่งเป็นอันตราย ซึ่งที่พบได้ส่วนใหญ่ในยาชุดลดความอ้วนก็คือ ยาขับปัสสาวะ ซึ่งใช้ในผู้ป่วยโรคไต หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต หากใช้มากเกินปริมาณที่แพทย์กำหนด หรือใช้โดยไม่มีสาเหตุจะทำให้ร่างกายขับน้ำออกมามากเกินไป และทำให้เกิดภาวะขาดน้ำจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ไม่เพียงเท่านั้นเพราะนอกจากยาขับปัสสาวะแล้ว ยังมียาอีกหลายชนิดที่คลินิกลดน้ำหนักที่ผิดกฎหมายนำมาใช้เพื่อขายเป็นยาลดน้ำหนัก ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย หากใช้ในปริมาณมาก ๆ อาจทำให้เกิดภาวการณ์ทำงานของอวัยวะล้มเหลวและเสียชีวิตได้ในที่สุดในขณะที่การทำ CoolSculpting ผู้เข้ารับบริการไม่จำเป็นต้องรับประทานยาใด ๆ จึงรับรองได้ถึงความปลอดภัย และมั่นใจได้ว่าจะไม่ส่งผลเสียกับร่างกายในภายหลังแน่นอน เนื่องจากเซลล์ไขมันที่ตายลงจากการทำ CoolSculpting จะถูกกำจัดออกจากร่างกายตามกลไกตามธรรมชาติของร่างกาย ดังนั้นจึงไม่มีการตกค้างให้กังวลใจอย่างแน่นอน

Coolsculpting vs ดูดไขมัน (Liposcution)

การดูดไขมัน เป็นวิธีการกำจัดไขมันที่ต้องผ่าตัดเพื่อเปิดแผลและสอดท่อและอุปกรณ์สูญญากาศเข้าไปดูดไขมัน โดยแท่งดังกล่าวจะช่วยกำจัดไขมันใต้ชั้นผิวหนังออกได้ในปริมาณมาก ๆ ภายในครั้งเดียว แต่ก็มีข้อเสียคือในระหว่างการทำจะต้องมีการใช้ยาสลบซึ่งอาจส่งผลข้างเคียงต่อผู้เข้ารับบริการได้ในภายหลัง นอกจากนี้การดูดไขมันด้วยวิธีนี้หากแพทย์ผู้ทำไม่เชี่ยวชาญพออาจดูดไขมันออกได้ไม่หมดและทำให้ผิวมีลักษณะเป็นคลื่นดูไม่สวยงาม หรืออาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำบริเวณที่ดูดไขมันได้ อีกทั้งยังอาจเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้อีกด้วย และถ้าหากต้องการกลับมาดูดไขมันซ้ำ ก็จะทำได้ยากและอาจเกิดผลที่ไม่พึงประสงค์ได้

ส่วน CoolSculpting คือการกำจัดไขมันด้วยความเย็น ที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล และไม่ต้องเจ็บ เนื่องจากการทำ CoolSculpting จะเป็นการติดเครื่องมือไว้บนผิวหนังและส่งความเย็นลงไปยังชั้นไขมัน เมื่อไขมันในบริเวณดังกล่าวได้รับความเย็นให้อุณหภูมิติดลบเป็นเวลา 35 – 45 นาที เซลล์ไขมันที่มีความไวต่ออากาศเย็นถูกทำให้ตายลง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์อื่น ๆ ในร่างกาย หลังจากนั้นเซลล์ที่ตายก็จะถูกขับออกจากร่างกายผ่านกลไกของร่างกาย และไม่ต้องพักฟื้น เหมือนกับการดูดไขมัน นอกจากนี้ CoolSculpting ยังสามารถกลับมาทำซ้ำได้อย่างปลอดภัยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนใด ๆ

Coolsculpting vs Thermage FLX 

หลายคนอาจคิดว่าการทำ Thermage FLX สามารถช่วยลดสัดส่วนบริเวณที่กังวลได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำ Thermage FLX เป็นเพียงแค่การยกกระชับผิวไม่ใช่การกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายแต่อย่างใด ดังนั้นแม้จะทำ Thermage FLX บริเวณที่กังวลก็ยังคงมีไขมันส่วนเกินอยู่ ต่างจาก CoolSculpting นั้นสามารถช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินออกไปได้โดยที่ไม่ทำให้ผิวย้วยเนื่องจากการลดน้ำหนักได้ ผู้เข้ารับบริการจึงสามารถมีรูปร่างที่ดีโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผิวที่ย้วยอีกต่อไปค่ะ

Coolsculpting vs HIFU Body 

Body HIFU เทคโนโลยีกระชับผิว ด้วยพลังงาน HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) เพื่อการกระชับผิวกาย ด้วยการส่งพลังงานความร้อนอุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียสไปที่เซลล์ไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้เซลล์ไขมันถูกทำลาย และขับออกผ่านระบบการไหลเวียนของร่างกายตามธรรมชาติ โดยกระบวนการนี้เกิดขึ้นกับเฉพาะเซลล์ไขมัน โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่ออื่น จึงมั่นใจได้ว่าเฉพาะเซลล์ไขมันเท่านั้นที่จะถูกจัดการ และกำจัดออกจากร่างกาย

ฟังแล้ววิธีนี้อาจจะคล้ายกับการทำ CoolSculpting แต่แตกต่างกันที่ใช้ความร้อน และความเย็นในการกำจัดเซลล์ไขมัน แต่ถ้าเทียบถึงความสะดวกสบายแล้ว CoolSculpting ถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะเป็นการใช้ความเย็นในการกำจัดไขมัน ต่างจาก HIFU Body ที่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวขณะทำ อีกทั้งยังอาจเสี่ยงต่อแผลเบิร์นไหม้จากความร้อนได้อีกด้วย แต่ CoolSculpting นั่นความเสี่ยงต่ำ และไม่ต้องกังวลเรื่องแผลเบิร์นแต่อย่างใด

Coolsculpting vs Sculpsure 

Sculpture คือ เทคโนโลยีในการกำจัดไขมันโดยไม่ต้องผ่าตัด (non-invasive) สามารถกำจัดเซลล์ไขมันที่ในบริเวณที่กำจัดได้ยาก เช่น ไขมันบริเวณหน้าท้อง หรือเอว ด้วยการใช้คลื่นพลังงานเลเซอร์ ในช่วงคลื่น 1060NM ที่ทำให้เกิดความร้อน ในระดับอุณหภูมิ 42 – 47 องศาเซลเซียส เข้าไปทำให้เซลล์ไขมันตายลง ซึ่งในแต่ละครั้งที่ทำ สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้ประมาณ 24 % ของไขมันทั้งหมดบริเวณนั้น ๆ แม้จะดูเหมือนให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ก็เช่นเดียวกับการใช้ HIFU Body ที่อาจเสี่ยงกับการเบิร์นจากความร้อนได้เช่นกัน นอกจากนี้การทำ Sculpsure ที่เป็นการใช้ความร้อนในการทำลายเซลล์ไขมันยังอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวขณะทำได้

Coolsculpting vs การนวดด้วยเครื่อง

การลดน้ำหนักและสัดส่วนด้วยการนวดนั้น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เคยได้รับความนิยมอย่างมาก ทว่าในความเป็นจริงแล้วการใช้เครื่องนวดเพื่อลดสัดส่วนนั้นจะช่วยได้เพียงกระชับได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการนวดด้วยเครื่องเพื่อลดสัดส่วนจะให้ผลลัพธ์ได้ไม่เกิน 7 วันเท่านั้น เนื่องจากเครื่องจะปล่อยคลื่นพลังงานออกมากำจัดน้ำส่วนเกินบริเวณที่นวด เมื่อเวลาผ่านไปก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะเซลล์ไขมันไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ต่างจากการทำ CoolSculpting ที่กำจัดเซลล์ไขมันออกจากร่างกายได้จริง ด้วยการทำให้เซลล์ไขมันตายลงและขับออกจากร่างกายผ่านกลไกตามธรรมชาติ

Coolsculpting vs อดอาหาร

การอดอาหาร ถือเป็นวิธีการลดน้ำหนัก และลดสัดส่วนที่ผิด และไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะ เมื่อคนเราอดอาหาร สิ่งแรกที่จะเกิดขึ้นก็คือระดับน้ำตาลในเลือดจะลดลง และจะส่งผลกระทบต่อสมอง ทำให้ความคิดวิเคราะห์แย่ลง เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะที่ต้องใช้กลูโคสในการทำงานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลงก็จะทำให้สมองทำงานได้ช้าลงตามไปด้วย นอกจากนี้ระดับน้ำตาลที่ลดลงยังทำให้เกิดอาการมึนงง อ่อนเพลีย ร่างกายจะเริ่มสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด และกระตุ้นความหิว และนำไปสู่ภาวะอารมณ์ฉุนเฉียวได้

ไม่เพียงเท่านั้น การอดอาหารยังส่งผลต่อระบบเผาผลาญ เพราะเมื่อร่างกายไม่ได้รับพลังงานจากอาหารเพิ่มก็จะทำให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลงเพื่อรักษาพลังงานในร่างกายเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น ทั้งนี้หากอดอาหารติดต่อกันเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะเอาตัวรอด ซึ่งถ้าหากถึงเวลารับประทานอาหารอีกครั้งก็จะรับประทานอาหารมากกว่าปกติ และมีแนวโน้มว่าจะรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์มากขึ้น นั่นก็เพราะร่างกายต้องการพลังงานเพื่อทดแทนส่วนที่หายไป จึงต้องรับประทานอาหารมากขึ้น และทั้งหมดนี้จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมอดอาหารแล้วน้ำหนักยังขึ้น หรือลดน้ำหนักได้ยากไม่ลงนั่นเอง

Coolsculpting vs ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก เป็นวิธีที่ให้ผลยั่งยืน และดีกับร่างกาย เพราะการออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยทำให้ผอมลง และรูปร่างดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้สุขภาพดีอีกด้วย อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก หรือเพื่อลดสัดส่วนก็ต้องอาศัยวินัยอย่างมาก และต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการง

CoolSculpting ลดหน้าท้อง ทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล

Cool Sculpting เป็นเทคโนโลยีการกำจัดไขมัน ที่มีผลวิจัยจากนานาชาติ และผ่านการรับรองจาก US FDA จึงสามารถมั่นใจได้ในผลลัพธ์ และความปลอดภัย โดยในการทำแต่ละครั้ง จะสามารถกำจัดเซลล์ไขมันออกมาผ่านกระบวนการขับถ่ายของเสียตามธรรมชาติได้ถึง 20 – 30% และสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนภายใน 2 – 3 เดือนหลังจากทำ CoolSculpting

และที่ APEX เพราะเราคือตัวจริงในด้านการทำ CoolSculpting ด้วยเคสการทำที่มากที่สุดในเอเชียพร้อมด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญอย่าง CoolSculpting Specialist ซึ่งพร้อมให้คำปรึกษา และช่วยออกแบบรูปร่างให้คุณใหม่ เพื่อให้คุณกลับมามีความมั่นใจอีกครั้ง บอกลาหน้าท้องหรือส่วนอื่นๆ ที่ย้วยกวนใจคุณ ให้เราช่วยดูแลรูปร่างด้วยการสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Apex Profound Beauty

  • Bangkok : 066-3310-8000
  • Korat : 0888-7000-43
  • Phuket : 088-000-2100
  • Pattaya: 087-096-1234