เพราะจุดซ่อนเร้นของสาว ๆ ทั้งบอบบางซับซ้อน ด้วยเหตุนี้จึงมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดโรคได้ง่าย ซึ่ง เชื้อราในช่องคลอด คือหนึ่งในสิ่งที่สาว ๆ อาจต้องพบเจอ แม้ไม่นับว่าอันตรายมาก แต่เมื่อเป็นแล้วมักสร้างความลำบากไม่น้อย เพราะจะรู้สึกระคายเคืองและคันบริเวณจุดซ่อนเร้นอย่างรุนแรง ยิ่งเวลาต้องออกไปไหนมาไหน เมื่อคันขึ้นมาจะให้เกาก็ย่อมไม่ได้ โดยเชื้อราในช่องคลอดที่เกิดจากการอักเสบนี้ พบว่าผู้หญิง 3 ใน 4 อย่างน้อยมักหนีไม่พ้นต้องเป็นกันสักครั้งในชีวิต และจะมีจำนวน 5% ของคนที่เป็นโรคนี้แล้วกลับมาเป็นซ้ำ ๆ อีกด้วย
เชื้อราในช่องคลอด (Vaginal Candidiasis) คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อภายในช่องคลอด หรือบริเวณปากช่องคลอด ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองและคันอย่างรุนแรงค่ะ ซึ่งมีสาเหตุจากเชื้อราเพิ่มจำนวนผิดปกติ ทำให้ภายในช่องคลอดเสียสมดุลจนกลายเป็นการติดเชื้อ โดยเกิดได้จากหลายสายพันธุ์ ทั้งนี้ที่พบว่าเป็นสาเหตุมากที่สุดคือ เชื้อแคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida Albicans) ซึ่งเป็นเชื้อราในกลุ่มแคนดิดา (Candida)
โดยโรคนี้มักพบได้บ่อยถึงร้อยละ 40 ในผู้หญิง แต่พบได้น้อยในผู้หญิงวัยก่อนมีประจำเดือน และวัยหมดประจำเดือน ทั้งนี้พบมากในผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ และอาศัยอยู่ในภูมิประเทศที่อากาศร้อน ความชื้นสูง รวมถึงในผู้ที่ได้รับยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานานค่ะ
เชื้อราในช่องคลอด มีอาการอย่างไร ?
อาการของเชื้อราในช่องคลอด แบ่งออกได้เป็น 2 ระยะ คือระยะเริ่มแรก กับระยะรุนแรง ซึ่งจะมีความรุนแรงต่างกัน ดังนี้
ระยะแรก
– ตกขาวจะมีสีขาว หรือสีเหลืองเป็นก้อนคล้ายนมบูด
– มีกลิ่นเหม็น
– มีอาการระคายเคือง และอาการคัน
– มีอาการบวม หรือผื่นแดงบริเวณอวัยวะเพศ
ระยะรุนแรง
– มีอาการบวม แดง หรือคันอย่างรุนแรงจนทำให้เกิดแผล และเจ็บปวดบริเวณช่องคลอด
– แสบและระคายเคืองอย่างรุนแรง
– อาจรู้สึกแสบในช่องคลอดขณะปัสสาวะ
– ติดเชื้อรา 4 ครั้งหรือมากกว่าต่อปี
– ติดเชื้อราสายพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่แคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida Albicans)
เชื้อราในช่องคลอดป้องกันได้อย่างไร ?
- หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ เนื่องจากภาวะแพ้อาจส่งผลให้อาการของโรคแย่ลง
- หลีกเลี่ยงการสวมใส่กางเกงในที่รัดแน่นเกินไป
- กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยวที่มีจุลินทรีย์ เพื่อเพิ่มแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอด ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อราในช่องคลอดได้ดี
- ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นด้วยน้ำสะอาดเท่านั้น
- ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น
- เปลี่ยนผ้าอนามัยอย่างสม่ำเสมอขณะมีประจำเดือนเพื่อไม่ให้เกิดความอับชื้น
วิธีดูแลตัวเอง เมื่อมีอาการเชื้อราในช่องคลอด
- หลีกเลี่ยงใช้สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบริเวณช่องคลอด ควรใช้แค่น้ำสะอาดแทนค่ะ
- ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะอาจส่งผลให้การติดเชื้อแย่ลง
- หากรู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ควรใช้เจลหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักเพื่อช่วยลดการระคายเคือง
- ไม่ควรเกาหรือถูแรง ๆ บริเวณจุดซ่อนเร้น แต่ควรนั่งแช่ในน้ำอุ่นเพื่อบรรเทาอาการ หรือใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบบริเวณที่มีอาการค่ะ
เห็นได้ว่าโรคเชื้อราในช่องคลอดนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน ทว่าก็มีทั้งวิธีดูแล และป้องกันได้ด้วยตัวเองไม่ยาก ฉะนั้นหากสาว ๆ หมั่นดูแลตัวเองกันดี ๆ ปัญหาเชื้อรานี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ค่ะ แต่ถ้าใครมีอาการที่เหมือนติดเชื้อราในช่องคลอดเกิดขึ้นมาแล้ว หากไม่รุนแรงอาจหายเองได้ แต่ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาจะดีที่สุดค่ะ
ทั้งนี้ถ้าสาว ๆ คนไหนต้องการดูแลสุขภาพจุดซ่อนเร้นให้ดียิ่งขึ้นทั้งภายในและภายนอกอย่างปลอดภัย ไร้ความเสี่ยงและผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ เราขอแนะนำ Vaginal Lift เทคโนโลยีเลเซอร์รีแพร์ไร้แผลที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ และดูแลสุขภาพจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถช่วยให้ช่องคลอดและกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่หลวมหรือหย่อนคล้อยกลับมากระชับเหมือนใหม่ ทั้งยังทำให้ช่องคลอดกลับมาชุ่มชื้น ช่วยเพิ่มสารหล่อลื่นที่จะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกจากในช่องคลอดออกมาได้ดียิ่งขึ้น จึงลดปัญหาความอับชื้น และความเสี่ยงจากการติดเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
ที่สำคัญ Vaginal Lift ยังช่วยให้รูปลักษณ์จุดซ่อนเร้นภายนอกของสาว ๆ กลับมากระจ่างใสดูอ่อนเยาว์เสมือนย้อนวัยได้ในคราวเดียว ทั้งยังเป็นการทำเลเซอร์ที่ไม่ต้องผ่าตัด จึงปราศจากบาดแผล และไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นอีกด้วย ยิ่งกว่านั้นคุณยังสามารถรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ดังนั้นหากสาว ๆ คนไหนอยากดูแลจุดซ่อนเร้นให้ห่างไกลโรคเชื้อราในช่องคลอด ที่ APEX เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์สูง และเทคโนโลยี Vaginal Lift ไว้พร้อมรักษาและดูแลคุณอย่างมืออาชีพทุกขั้นตอนค่ะ