5 ท่า กำจัดไขมันใต้คาง โบกมือลาเหนียงถาวร !

กำจัดไขมันใต้คางไขมันใต้คาง หรือที่เราเรียกกันว่าเหนียง เป็นสิ่งที่สาว ๆ จำนวนไม่น้อยรู้สึกว่ามันเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตอย่างมาก เพราะเหนียงทำให้แต่งหน้ายาก หรือจะถ่ายเซลฟี่มุมไหนก็ยังเห็นไขมันใต้คางอยู่ดี จนสุดท้ายต้องใช้แอพพลิเคชันเพื่อกลบเกลื่อนปัญหา และกลายเป็นคนที่ขาดความมั่นใจไปเลยก็มี แต่ไขมันใต้คางนั้นเกิดจากอะไร และ กำจัดไขมันใต้คาง ได้อย่างไรบ้าง เรามีวิธีมาแนะนำกันค่ะ 

ไขมันใต้คางคืออะไร ?

ไขมันใต้คาง หรือเหนียง (Turkey Neck) คือไขมันที่สะสมบริเวณใต้คาง จนทำให้มีลักษณะเป็นผิวหนังที่หย่อนคล้อยลงมาตั้งแต่บริเวณคางจนถึงลำคอ ซึ่งไขมันใต้คางนั้นเกิดขึ้นได้กับคนที่มีรูปร่างทุกแบบ ไม่ว่าจะอ้วน หรือผอม แถมบริเวณนี้ยังเป็นบริเวณที่กำจัดไขมันออกได้ยาก เนื่องจากไม่ค่อยมีท่าออกกำลังกายที่ กำจัดไขมันใต้คาง ได้โดยตรง และต่อให้ควบคุมอาหารก็ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าคางสองชั้นจะลดลงได้อย่างที่ใจต้องการ

เช็กอย่างไรว่าเรามีเหนียง ?

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่าการมีเหนียงไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในคนอ้วนเท่านั้น เพราะคนผอมก็สามารถมีไขมันใต้คางได้เหมือนกัน อีกทั้งยังเห็นได้ยาก ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีการสังเกตมากกว่าปกติ ซึ่งเราสามารถเช็กได้ว่าเรามีเหนียงหรือไม่ด้วยด้วยส่องกระจก โดยในขณะที่ส่องกระจกให้คุณลองก้มหน้าลงเล็กน้อย ซึ่งถ้าหากคุณมีไขมันสะสมที่ใต้คาง ก็สามารถเห็นคางซ้อนเป็นสองชั้นได้เลยทันที หรือถ้าอยากให้แน่ใจจะลองใช้มือหยิบเนื้อใต้คางดูด้วยก็จะทำให้เห็นได้ชัดค่ะ 

ทั้งนี้เมื่อเราทราบแล้วว่าเรากำลังมีไขมันใต้คาง สิ่งที่สามารถเริ่มทำได้เป็นอย่างแรกก็คือการหันมาควบคุมอาหาร โดยควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้ง น้ำตาล และไขมันในปริมาณที่มาก และควรรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย อย่าอดอาหารโดยเด็ดขาด เพราะถ้าหากคุณอดอาหารเพียงมือเดียว สิ่งที่ตามจะเลวร้ายกว่าการที่คุณมีเหนียงอีกล่ะค่ะ จากนั้นคุณก็อาจจะเริ่มมาออกกำลังกายกำจัดไขมันใต้คาง ซึ่งขอบอกว่าแต่ละท่าค่อนข้างง่าย และไม่เหนื่อยมากอีกด้วย ซึ่งท่าที่นิยมใช้เพื่อกำจัดไขมันใต้คางมีดังนี้ค่ะ 

5 ท่า กำจัดไขมันใต้คาง โบกมือลาเหนียงถาวร !

ท่าจูบอากาศ

ท่าจูบอากาศ เป็นท่าออกกำลังกายกล้ามเนื้อบริเวณคอและใต้คางที่ดี อีกทั้งยังสามารถช่วยให้เหนียงลดลงได้อีกด้วยค่ะ ซึ่งถ้าใครที่อยากลดเหนียงใต้คอ ก็ควรฝึกท่านี้ค่ะ 

วิธีฝึก 

  1. เริ่มจากการเงยหน้ามองขึ้นไปบนเพดาน แล้วทำปากจู๋เหมือนกำลังพยายามจะจูบเพดาน 
  2. เกร็งกล้ามเนื้อบริเวรใต้คางและกรอบหน้า ติดต่อกัน 15 ครั้ง จากนั้นกลับสูงท่าเดิม

ท่าดันกราม

ท่าดันกรามเป็นท่าออกกำลังกายที่คล้ายกับท่าจูบอากาศ โดยความแตกต่างของท่านี้คือจะใช้การดันกรามขึ้นด้านบนแทนการจูบค่ะ

วิธีฝึก

  1. เริ่มจากการเงยหน้าขึ้นมองเพดานก่อน แล้วเริ่มดันกรามและคางของเราขึ้นไปด้านหน้าให้รู้สึกตึงและเกร็ง 
  2. ค้างท่านี้ไว้ประมาณ 10 วินาที โดยในช่วงระยะเวลา 10 วินาทีนี้ ควรออกแรงเกร็งกล้ามเนื้อใต้คางให้มากที่สุดค่ะ
  3. ครบ 10 วินาทีแล้วกลับสู่ท่าเดิม ทำซ้ำจนครบ 10 ครั้ง

ท่าแลบลิ้น

การแลบลิ้นสามารถช่วยลดเหนียงได้ ซึ่งท่านี้จะช่วยให้เราเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณคอมากขึ้น ผลที่ได้ก็คือไขมันส่วนเกินจะค่อย ๆ ลดลงค่ะ 

วิธีฝึก 

  1. มองตรงไปด้านหน้าแล้วอ้าปากกว้างให้สุด จากนั้นแลบลิ้นออกมาให้ยาวที่สุด
  2. พยายามยืดลิ้นลงไปแตะคางให้ได้ ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ค่อยเก็บลิ้นแล้วปิดปากกลับมาในท่าเริ่มต้น 
  3. ทำซ้ำ 10 ครั้ง

ท่าหมุนคอติดอก

โดยปกติแล้วเราอาจจะหมุนคอเพื่อคลายความเมื่อยล้ากันอยู่แล้ว แต่ในครั้งนี้เรารองเพิ่มการบริหารกล้ามเนื้อใต้คางเข้าไปก็สามารถช่วยให้คุณลดเหนียงใต้คางได้อีกด้วยค่ะ 

วิธีฝึก

  1. ก้มหน้าลงให้คางติดอกแล้วเริ่มหมุนคอไปทางขวาช้า ๆ ค้างไว้ 5 วินาที
  2. เปลี่ยนข้างเป็นหมุนไปด้านซ้ายต่อแล้วค้างไว้ 5 วินาที
  3. กลับสู่ท่าเดิม ทำซ้ำ 30 ครั้ง

ท่าดันลิ้นแตะฟัน

การดันลิ้นแตะฟัน เป็นอีกท่าที่ช่วยลดเหนียงได้ เพราะระหว่างที่เราใช้ลิ้นดันที่ฟันล่าง บริเวณกล้ามเนื้อใต้คางของเราจะได้รับการบริหารกล้ามเนื้อไปด้วย ช่วยให้ไขมันใต้คางลดลงได้ค่ะ

วิธีฝึก

  1. มองตรงไปด้านหน้าอ้าปากกว้าง ๆ 
  2. เอาลิ้นดันด้านในของฟันล่างพร้อมกับหายใจเข้าช้า ๆ จากนั้นหายใจออกแล้วออกเสียง ‘อาาาาาา’ 
  3. ทำจนครบ 1 นาที ทั้งหมด 2 เซต 

นอกจากท่าออกกำลังกายกำจัดไขมันใต้คางแล้ว หากคุณต้องการวิธีที่รวดเร็วทันใจ ก็อาจต้องใช้การทำทรีตเม้นต์เข้าช่วยค่ะ ซึ่งในปัจจุบันก็มีหลายเทคโนโลยีที่สามารถช่วยกำจัดไขมันใต้คางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่

ไม่ออกกำลังกายแล้ว กำจัดไขมันใต้คาง ด้วยวิธีไหนดี ?

1. เทอร์มาจ (Thermage)

เทอร์มาจ คือเทคโนโลยียกกระชับ ด้วยเทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง (Radio Frequency : RF) ที่แปรเปลี่ยนคลื่นวิทยุให้เป็นพลังงานความร้อน โดยความร้อนจะลงไปในระดับชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ และช่วยให้คอลลาเจนมีความหยืดหยุ่นมากขึ้น ส่งผลให้ผิวที่หนังที่เคยหย่อนคล้อยยกกระชับขึ้น ผิวพรรณดูสุขภาพดี เปล่งปลั่ง สดใส ริ้วรอยต่าง ๆ จางลง ขณะเดียวกัน พลังงานความร้อนก็ยังส่งผลให้ไขมันที่สะสมอยู่ลดน้อยได้อีกด้วย ซึ่งส่วนมากจะอยู่บริเวณแก้มและเหนียง

เทอร์มาจ (Thermage) เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่มีไขมันสะสมใบหน้า ลำคอและลำตัวเยอะ เช่นแก้มห้อย มีเหนียง คางสองชั้น แขน ขาใหญ่ อยากสลายไขมัน ลดผิวเปลือกส้ม กระชับผิวให้แน่นขึ้น
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อยคล้อย มีริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูแก่ อยากยกระชับผิวให้กลับมาดูอ่อนกว่าวัยได้อีกครั้ง
  • ผู้ที่อยากบำรุงผิวในระยะยาว เนื่องจากเทอร์มาจสามารถกระตุ้นให้คอลลาเจนให้ทำงานดีขึ้น ซึ่งมีผลวิจัยยืนยันแล้วว่าการทำเทอร์มาจได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการทาครีมบำรุงอีกด้วย

2. อัลเทอร่า (Ulthera) 

อัลเทอร่า คือเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย และช่วยยกกระชับผิวด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์แบบเฉพาะเจาะจง (Focus Ultrasound) ซึ่งจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนจุดเล็ก ๆ โดยเครื่องอัลเทอร่าสามารถยิงพลังงานลงลึกสู่ใต้ชั้นผิวระดับ SMAS หรือชั้นผิวที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ทำให้ชั้นกล้ามเนื้อบริเวณนั้นเกิดการหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวยกกระชับได้ ไม่เพียงเท่านั้น การทำ อัลเทอร่ายังช่วยให้ไขมันบริเวณใต้คางลดลงได้ด้วยค่ะ 

อัลเทอร่า (Ulthera) เหมาะกับใครบ้าง

  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ไม่ตึงกระชับ หางตา หางคิ้วตก ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวหน้าดูแก่กว่าวัย
  • ผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด หรือใบหน้าสองข้างไม่เท่ากัน และไม่อยากเจ็บตัวในการผ่าตัดทำศัลยกรรมดึงหน้า
  • ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิว เนื่องจากอัลเทอร่าสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวพรรณกลับมาสุขภาพดี เรียบเนียนขึ้นได้

เทคโนโลยีสลายไขมันด้วยความเย็น CoolSculpting

CoolSculpting ทางเลือกใหม่ในการสลายไขมัน ด้วยการนำเอาเทคโนโลยีความเย็นที่ได้รับการพัฒนาจากงานวิจัยระดับโลก มาใช้ในการสลายไขมันในบริเวณที่กังวลโดยไม่ต้องเจ็บตัว ไม่ต้องผ่าตัด แถมยังไม่ต้องพักฟื้น ด้วยการส่งความเย็นในระดับอุณหภูมิ – 11 ถึง – 13 องศาเซลเซียส เข้าไปใต้ชั้นผิวหนังผ่าน Applicator ที่ออกมาแบบมาพิเศษ เพื่อทำให้เซลล์ไขมันบริเวณที่ทำตายลง จากนั้นร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดซากของเซลล์ไขมันที่ตายแล้วออกจากร่างกาย ทำให้ไขมันส่วนเกินบริเวณที่คุณกังวลลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เวลาเพียง 1 – 3 เดือนคุณก็จะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องออกกำลังกายหนัก ๆ หรืออดอาหารอีกต่อไป

ไม่เพียงเท่านั้น เพราะ CoolSculpting ยังเป็นเครื่องมือแรกและเครื่องเดียวในขณะนี้ที่ได้รับการรองจากสถาบันระดับโลกอย่าง U.S.FDA (Food and Drug Administration) และมีผลงานวิจัยที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้ใช้ในการลดไขมันในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลดีที่สุด เมื่อเทียบกับการกำจัดไขมันวิธีอื่น ๆ ค่ะ

การเตรียมตัวก่อนทำ CoolSculpting

นับเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งของ CoolSculpting เลยก็ว่าได้ที่ก่อนเข้ารับการทำนั้น ผู้เข้ารับบริการไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมาก เนื่องจากในการกำจัดไขมันด้วยความเย็นวิธีนี้ไม่ใช้การผ่าตัด แต่คล้ายกับการทำทรีตเมนต์ทั่วไป ดังนั้นผู้เข้ารับบริการสามารถรับประทานอาหาร และดื่มน้ำได้ตามปกติ

ขั้นตอนการทำ CoolSculpting เป็นอย่างไร ?

การกำจัดไขมันด้วย Coolsculpting เป็นวิธีที่สะดวก และเห็นผลจริงตามหลักการแพทย์ โดยไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน และไม่ต้องเตรียมตัวใดๆก่อนทำ ขั้นตอนของการทำ Coolsculpting เริ่มจาก

  1. รับคำปรึกษาจาก Coolsculpting Specialist ข้อห้ามในการทำมีน้อยมาก เช่น ในรายที่แพ้ความเย็นจัดๆ จะไม่สามารถทำได้ หรือผู้ที่มีการผ่าตัดในบริเวณที่ต้องการทำ Coolsculpting จะต้องเว้นระยะหลังผ่าตัด ประมาณ 6 เดือน แต่สามารถทำได้ในบริเวณอื่นๆ นอกจากนั้น ผู้ที่เป็นใส้เลื่อน ยังอยู่ในข้อห้ามของการทำ Coolsculpting บริเวณหน้าท้อง แต่ก็สามารถทำได้ในบริเวณอื่น
  2. ประเมินจุด เลือกขนาด Applicator ขั้นตอนนี้เป็นอีกขึ้นตอนสำคัญในการทำ Coolsculpting หุ่นจะสวยขึ้น เอวจะเว้า S ก็ด้วยขั้นตอนนี้เลย เพราะความเชี่ยวชาญของ Coolsculpting Specialist จะออกแบบการวาง Applicator ให้ได้ส่วนเว้า ส่วนโค้งตามต้องการ นอกจากนี้การเลือกขนาดหัวที่เหมาะสม ยังทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
  3. เริ่มวาง Applicator โดยประมาณ 10 นาทีแรก จะรู้สึกเย็นจัดในจุดที่ทำ จากนั้นจะเริ่มชาและรู้สึกคงที่ตลอด 35 นาที 
  4. นวดทันทีหลังทำ นาน 2 นาที ตามผลวิจัยเทียบผลลัพธ์ระหว่างนวด และไม่นวด ปรากฏว่า มีผลต่างกันถึง 68% แม้การนวดอาจทำให้รู้สึกไม่สบายผิวเล็กน้อย แต่เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ใน 2 นาที ที่จะทำให้ได้ประโยชน์สูงสุด 

สิ่งที่เกิดหลังจากทำ CoolSculpting

หลังจาก CoolSculpting แล้ว ประมาณสัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไปจะเริ่มเห็นผลความเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง เนื่องจากร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดเซลล์ไขมันตายลงจากการทำ CoolSculpting ออกจากร่างกาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 1 – 3 เดือน ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน 

3 เหตุผล กำจัดไขมันด้วยความเย็น ทำไมต้อง CoolSculpting เท่านั้น !

1. ได้รับการรับรองจากสถาบันระดับโลก

CoolSculpting คือเทคโนโลยีที่พัฒนามาจากการศึกษาวิจัยของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งนับว่าเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับระดับโลกและยังได้รับการรับรองจาก US FDA ในเรื่องของความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์จริง จึงมั่นใจได้ผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีประสิทธิภาพแน่นอน

2. มีการพัฒนาเทคโนโลยีอยู่เสมอ

CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีที่มีการคิดค้นพัฒนาอยู่เสมอ เพื่อช่วยแก้ปัญหาสัดส่วนได้ตรงจุดและตรงกับปัญหาของผู้เข้ารับบริการ โดยจะเห็นได้จากหัว Applicator ของ CoolSculpting ที่มีมากมายหลายแบบทำให้สามารถกำจัดไขมันส่วนเกินได้ตรงจุดมากที่สุด ไม่ว่าไขมันจะน้อยหรือมากก็สามารถจัดการได้อยู่หมัด

3. มีความปลอดภัยสูง

เรื่องความปลอดภัย CoolSculpting นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ถือว่ามีความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีให้มีเซนเซอร์ในการตรวจจับอุณหภูมิ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าในการทำ CoolSculpting จะไม่มีปัญหาการเบิร์นเย็น ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่อันตรายอย่างแน่นอนต่างจากเทคโนโลยีอื่นที่ยังไม่มีเซนเซอร์ตรวจจับความเย็นและทำให้เสี่ยงต่อการเบิร์นเย็นได้ง่ายกว่า

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ CoolSculpting

1. ใครทำ CoolSculpting ได้บ้าง ?

CoolSculpting เป็นวิธีการกำจัดไขมันที่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินเฉพาะส่วน ตั้งแต่บริเวณส่วนใหญ่ ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ไปจนถึงบริเวณเล็ก ๆ อย่าง ไขมันใต้คาง โดยในการทำ CoolSculpting เซลล์ไขมัน 20 – 30% จะใช้ด้วยความเย็นอุณหภูมิติดลบ 11 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 35 นาที ทำให้เซลล์ไขมันที่ไม่ชอบความเย็นจัดจะค่อย ๆ ถูกทำลาย และถูกกำจัดจากร่างกายผ่านระบบขับถ่าย ซึ่งจะสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนหลังจากทำ 2-3 เดือน ทั้งนี้การกำจัดไขมันด้วย CoolSculpting จะไม่ทำให้เกิดแผล และไม่ต้องพักฟื้น ต่างจากการดูดไขมัน หรือการผ่าตัดกำจัดไขมัน ที่มีบาดแผลและต้องพักฟื้นเป็นระยะเวลานาน

2. CoolSculpting ทำส่วนใดได้บ้าง ?

CoolSculpting เป็นการกำจัดไขมันด้วยความเย็นที่ปลอดภัย และออกแบบมาให้สามารถทำได้หลายส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ตั้งแต่พื้นที่เล็ก ๆ อย่างบริเวณใต้คาง ปีกเล็ก ๆ ที่ขอบชุดชั้นใน เหนือหัวเข่า จนไปถึงพื้นที่ใหญ่ ๆ อย่างปีกข้างขา สะโพก เอว หน้าท้อง โดยในการทำ CoolSculpting ผู้เชี่ยวชาญที่เอเพ็กซ์จะเป็นผู้ประเมินรูปร่างของผู้เข้ารับบริการเพื่อวางแผน และออกแบบรูปร่าง เพิ่มส่วนเว้าส่วนโค้งของรูปร่างให้เป็นที่พึ่งพอใจของผู้เข้ารับบริการ

3. CoolSculpting อ้วนมาก ๆ ทำได้ไหม

CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีที่สามารถกำจัดไขมันชั้นนอก หรือไขมันใต้ชั้นผิวหนังได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในจุดที่สามารถทำได้ จะช่วยกำจัดไขมันออกไปได้ถึง 20-30% แต่ในรายที่อ้วนมาก ๆ หรือมีภาวะไขมันในช่องท้องหรือไขมันแทรกตามอวัยวะ อาจต้องใช้การออกกำลังกาย หรือเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในการลดไขมัน ทั้งนี้หากไม่แน่ใจว่าตัวเองมีไขมันในร่างกายแบบใด ก็สามารถเข้ารับคำปรึกษา และรับคำแนะนำจาก CoolSculpting Specialist ได้ที่เอเพ็กซ์ทุกสาขา

4. CoolSculpting ทำกี่ครั้งถึงจะได้ผล

CoolSculpting เป็นเทคโนโลยีการกำจัดไขมัน ที่มีผลวิจัยจากนานาชาติ และผ่านการรับรองจาก US FDA จึงสามารถมั่นใจได้ในผลลัพธ์ และความปลอดภัย โดยในการทำแต่ละครั้ง จะสามารถกำจัดเซลล์ไขมันออกมาผ่านกระบวนการขับถ่ายของเสียตามธรรมชาติได้ถึง 20 – 30% และสามารถเห็นผลได้อย่างชัดเจนภายใน 2 – 3 เดือนหลังจากทำ CoolSculpting

อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกาย และควบคุมอาหารก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำควบคู่กันไปเพื่อเพื่อที่จะได้มีรูปร่างที่ดีในระยะยาว

5. CoolSculpting ขณะทำ เจ็บไหม มีบาดแผลหรือไม่

CoolSculpting เป็นการกำจัดไขมันที่มีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องผ่าตัด หรือเจาะผิวหนัง จึงทำให้ไม่มีอาการเจ็บ แต่ในช่วง 5 นาทีแรกของกระบวนอาจรู้สึกไม่สบายผิวเล็กน้อย เนื่องจากความแน่นของหัวเครื่องมือที่ค่อย ๆ ดูดบริเวณผิว หลังจากนั้นจะรู้สึกชาไปตลอดกระบวนการทำ และจะมีรอยช้ำเล็กน้อยหลังจากถอดเครื่องมือเท่านั้น นอกจากนี้ยังไม่ต้องพักฟื้นเหมือนการกำจัดไขมันเหมือนวิธีอื่น ๆ

6. CoolSculpting เจ็บไหม ?

CoolSculpting เป็นการกำจัดไขมันที่มีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องผ่าตัดหรือเจาะผิวหนัง จึงทำให้ไม่มีอาการเจ็บ และไม่มีบาดแผลหลงเหลือภายหลัง แต่ในช่วง 5 นาทีแรกของกระบวนอาจรู้สึกไม่สบายผิวเล็กน้อย เนื่องจากความแน่นของหัวเครื่องมือที่ค่อยๆ ดูดบริเวณผิว หลังจากนั้นจะรู้สึกชาไปตลอดกระบวนการทำ เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการผู้เข้ารับบริการอาจเกิดรอยช้ำเล็กน้อยหลังจากถอดเครื่องมือบริเวณที่ทำ CoolSculpting และจะค่อยๆ หายไปในเวลาต่อมา

CoolSculpting ทำไมต้องที่ APEX ?

  • มีเคสการทำ CoolSculpting สูงที่สุดในเอเชีย
  • เป็นแห่งแรกในประเทศไทยที่มีการทำ CoolSculpting
  • มีเคสการทำ CoolSculpting มากกว่า 10,000 เคสในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
  • มีการจัดฝึกอบรมเกี่ยวกับ CoolSculpting มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2017 – 2018
  • มีผู้เชี่ยวชาญทางด้าน CoolSculpting ที่มีประสบการณ์มามากกว่า 10 ปี

ผลลัพธ์ CoolSculpting จากผู้ใช้จริงที่คุณพิสูจน์ได้ !

นอกจากผลการรับรองจากสถาบันระดับโลกในเรื่องผลลัพธ์ และความปลอดภัยแล้ว เรายังมีตัวอย่างผู้เข้ารับบริการที่ทำ CoolSculpting จริง ๆ และให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจมาฝากกัน

เชฟป้อม – ม.ล.ขวัญทิพย์ เทวกุล 

‘เมื่อความรักในการทำอาหาร นำพาไขมันส่วนเกินมาให้ ตัวช่วยที่ดีที่สุดคือ CoolSculpting’

ในยุคนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักกับหญิงแกร่งคนเก่งอย่าง ‘เชฟป้อม’ หรือ ม.ล.ขวัญทิพย์ เทวกุล พิธีกรรายการอาหารชื่อดังคนนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเชฟป้อมเป็นคนหนึ่งที่หลงไหลและหลงรักในการทำอาหารอย่างมาก เชฟป้อมเผยว่า ในการทำอาหารสักจานจะต้องเอาใจใส่กับอาหารจานนั้น เพื่อให้อาหารจานนั้นมีคุณค่า และประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด และด้วยเพราะรับหน้าที่เป็นทั้งคนปรุงอาหาร และสอนการทำอาหาร จึงต้องมีการชิมอาหารทั้งที่ตัวเองทำ และคนอื่นทำอยู่เป็นประจำ นาน ๆ เข้าก็ทำให้เกิดไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รูปร่างที่เคยดูดีก็เปลี่ยนแปลงไป ด้วยเหตุนี้เชฟป้อมจึงตัดสินใจใช้ตัวช่วยอย่าง CoolSculpting มากำจัดส่วนเกินของร่างกาย แต่จะเป็นอย่างไรนั้น เราลองไปดูกันค่ะ

คุณหนิง – สายสวรรค์ ขยันยิ่ง 

‘CoolSculpting สะดวกใช้เวลาน้อย ไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ

คุณหนิง สายสวรรค์ ขยันยิ่ง ผู้ประกาศข่าวมากประสบการณ์ ด้วยงานผู้ประกาศและพิธีกรที่คิวแน่นมาก ทำให้เวลาที่จะได้ดูแลตัวเองน้อยลง จึงหาเทคโนโลยีที่ช่วยจัดการกับไขมันส่วนเกิน ซึ่ง CoolSculpting ที่ APEX ช่วยแก้ไขปัญหาไขมันส่วนเกินรอบเอวให้คุณหนิงได้ โดยคุณหนิงรู้สึกประทับใจกับการทำ CoolSculpting เป็นอย่างมาก เพราะใช้เวลาในการทำน้อยเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง ทำให้ไม่กระทบกับเวลาการทำงานแต่อย่างใด

คุณโอ๊ค – นิธินาฏ ราชนิยม

‘CoolSculpting ไม่เจ็บ แถมใช้เวลาไม่นาน’

คุณโอ๊ค – นิธินาฏ ราชนิยม อีกหนึ่งผู้ประกาศข่าวคนเก่ง เป็นอีกหนึ่งคนที่มีปัญหาเรื่องสัดส่วนโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง แต่ด้วยเพราะการงานที่รัดตัวทำให้ไม่มีเวลาที่จะจัดการกับความกังวลใจนี้ได้อย่างเต็มที่ จึงตัดสินใจให้เอเพ็กซ์ช่วยแก้ปัญหาที่มีด้วย CoolSculpting โดยคุณโอ๊คได้เผยว่ารู้สึกประทับใจมากตรงที่ใช้เวลาไม่นาน แถมยังไม่เจ็บอีกด้วยล่ะค่ะ

คุณเจก รัตนตั้งตระกูล 

‘CoolSculpting แค่เพียงสี่ขั้นตอนง่าย ๆ ก็มีรูปร่างที่ดีได้’

ใครว่าผู้ชายไม่เอาใจใส่เรื่องรูปร่าง ขอบอกว่าไม่จริงค่ะ เพราะ คุณเจก รัตนตั้งตระกูล นักข่าวหนุ่มคนนี้ที่แม้จะดูเหมือนมีรูปร่างที่ดูดีอยู่แล้ว แต่คุณเจกก็ยังคงมีความกังวลใจอยู่ไม่น้อย และด้วยเหตุนี้คุณเจกจึงตัดสินใจเข้ามาทำ CoolSculpting ที่เอเพ็กซ์ และด้วย 4 ขั้นตอนง่าย ๆ ของการทำ CoolSculpting ก็ทำให้คุณเจกกลับมามีรูปร่างที่ตัวเองพึงพอใจได้อีกครั้งค่ะ

ทำไมต้อง CoolSculpting ที่ APEX

CoolSculpting เป็นวิธีการลดสัดส่วนที่ทำให้คุณมีรูปร่างใหม่ได้โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเจาะหรือดูดไขมันเหมือนการลดสัดส่วนแบบเดิม ๆ แถมในขณะทำก็ไม่มีอาการบาดเจ็บอีกด้วยจึงทำให้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ต้องขอบอกเลยว่าไม่ใช่ทำที่ไหนก็เหมือนกัน เพราะถึงเป็นเทคโนโลยีเดียวกันถ้าผู้ให้บริการไม่มีความเชี่ยวชาญพอ ผลลัพธ์ก็ไม่เหมือนกันอย่างแน่นอนและนี่คือสิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ CoolSculpting ที่ APEX ซึ่งจะทำให้คุณเลือกมาสลายไขมันด้วยความเย็นที่เราอย่างไม่มีข้อสงสัยเพิ่มเติมเลย

1. เทคโนโลยีแท้ ทุกเครื่อง ทุกสาขา

ถ้าคิดจะสลายไขมันด้วยความเย็น ต้องเทคโนโลยี CoolSculpting ของแท้เท่านั้นถึงจะให้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ ซึ่งที่ APEX เรามี CoolSculpting เครื่องแท้ให้บริการในทุกสาขา เพื่อให้คุณได้รับบริการที่สะดวกสบายมากที่สุดและปลอดภัยมากที่สุด โดยไม่ต้องกังวลถึงผลข้างเคียงที่น่ากลัวจากเครื่องปลอมนั่นเอง

2. มี CoolSculpting Specialist ที่เชี่ยวชาญจริง

นอกจากเรื่องของเทคโนโลยีที่เราให้บริการ CoolSculpting ด้วยเครื่องแท้ทุกสาขาแล้ว เรายังมีทีมผู้เชี่ยวชาญอย่าง CoolSculpting Specialist ที่ผ่านการอบรมและฝึกฝนประสบการณ์อย่างสม่ำเสมอจนมีความเชี่ยวชาญในด้านการสลายไขมันด้วยความเย็น สามารถให้คำปรึกษาและออกแบบรูปร่างใหม่ที่สวยงามให้คุณได้อย่างมืออาชีพ

3. อยากทำบริเวณไหน ก็มี Applicator ตอบโจทย์

ตรงไหนหนีบได้ ตรงนั้นทำได้! ที่ APEX เรามีหัว Applicator ของ CoolSculpting ครบทุกแบบเพื่อให้คุณสามารถสลายไขมันในบริเวณที่มีปัญหาได้อย่างที่ต้องการ อยากลดสัดส่วน สลายไขมันส่วนเกิน แค่เพียงมาที่ APEX รับรองว่าส่วนไหนที่มีปัญหาจะได้รับการจัดการอย่างแน่นอน

และถ้าหากคุณอยากกำจัดไขมันใต้คางด้วย CoolSculpting และอยากให้ APEX เป็นผู้ดูแลแล้วล่ะก็ ที่ APEX เราก็มีผู้เชี่ยวชาญอย่าง CoolSculpting Specialist ที่ผ่านการอบรมและฝึกฝนฝีมืออย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีเครื่อง CoolSculpting พร้อมดูแลคุณในทุกสาขา เพื่อให้คุณกลับมามีความมั่นใจในรูปร่างได้อีกครั้งโดยไม่ต้องหวังพึ่งพาวิธีอันตราย หรือให้โชคช่วยอีกต่อไปค่ะ

 

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

Apex Profound Beauty

  • Bangkok : 066-3310-8000
  • Korat : 0888-7000-43
  • Phuket : 088-000-2100
  • Pattaya: 087-096-1234