มีใครสงสัยไหมคะว่าแม้เราจะพยายามควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างไร เราก็ยังรู้สึกหิวและลดน้ำหนักไม่ลงสักที เพราะจริง ๆ แล้วการลดน้ำหนักให้สำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวกับฮอร์โมน “คอร์ติซอล” อีกด้วย ซึ่งฮอร์โมนคอร์ติซอลจะสำคัญกับการลดน้ำหนักอย่างไรไปอ่านกันเลย
ฮอร์โมน “คอร์ติซอล” คืออะไร
ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ “ฮอร์โมนแห่งความเครียด” เป็นฮอร์โมนที่สร้างจากต่อมหมวกไตและจะหลั่งออกมาเมื่อร่างกายเกิดความเครียดหรือความกดดัน ซึ่งจะส่งผลกับกระบวนการเผาผลาญพลังงาน การรักษาระดับความดันโลหิต และการปรับระดับน้ำตาลในเลือด จนเป็นสาเหตุทำให้เราหิวอยากกินอาหารมากขึ้น อาหารรสจัด ขนมหวานต่าง ๆ หรือฟาสต์ฟู้ด เมื่อเกิดความเครียดนั่นเอง
ฮอร์โมน “คอร์ติซอล” สำคัญกับการลดน้ำหนักอย่างไร
- โดยปกติแล้วคอร์ติซอลจะทำหน้าที่ช่วยเผาผลาญไขมันและพลังงานที่สะสมอยู่ในร่างกาย แต่ในกรณีที่ฮอร์โมนคอร์ติซอลหลั่งออกมามากเกินไป มันจะเผามวลกล้ามเนื้อของเราไปพร้อม ๆ กับไขมัน ส่งผลให้ร่างกายมีมวลกล้ามเนื้อน้อยลง ซึ่งกล้ามเนื้อถือเป็นเตาเผาพลังงานของร่างกาย ยิ่งร่างกายมีมวลกล้ามเนื้อมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งเผาผลาญไขมันในแต่ละวันได้มากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้คนที่มีมวลกล้ามเนื้อน้อยก็จะอ้วนง่ายกว่าคนปกตินั่นเอง
- การที่ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สมองสั่งการร่างกายให้พยายามหาน้ำตาลมาเติม กระตุ้นให้เรารู้สึกหิวโหยจนกินอาหารมากขึ้น ทำให้เรามีโอกาสเกิดการสะสมของไขมันมากขึ้นเช่นกัน ยิ่งหากเราเกิดความเครียดบ่อย ๆ เราก็มีโอกาสอ้วนขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว นอกจากนี้ ยังจะไปกระตุ้นให้เซลล์ในร่างกายมีการสะสมไขมันมากยิ่งขึ้น และเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์ไขมันมากขึ้น
ความเครียดขณะลดน้ำหนักเกิดจากอะไร
ในช่วงที่เรากำลังลดน้ำหนักอยู่นั้นมักจะมีพฤติกรรมหนึ่งที่หลาย ๆ คนทำโดยไม่รู้ตัว จนทำให้เกิดความเครียดขึ้นมาได้คือ “การกดดันตัวเอง” ว่าจะต้องลดน้ำหนักได้ตามที่ต้องการ หรือ ต้องลดน้ำหนักได้ตรงตามวิธีการหมดทุกอย่าง จนทำให้ร่างกายเกิดความเครียดโดยไม่รู้ตัวขึ้นมานั่นเอง ซึ่งความจริงแล้วการลดน้ำหนักที่ดีควรจะค่อยเป็นค่อยไป และไม่จำเป็นต้องทำตามวิธีการของคนอื่นทุกอย่าง เพราะความอดทน และปัจจัยอื่น ๆ ของเราไม่เหมือนกัน
ดังนั้น หากอยากมีรูปร่างที่ดีการรักษาสมดุลฮอร์โมนคอร์ติซอลจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากความเครียดนั้นหลีกเลี่ยงได้ยาก เรายังมีตัวช่วยลดน้ำหนักจากการเลียนแบบฮอร์โมนมาฝากกัน
ปากกา Slim Shape
เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุด เปปไทด์ลดหิว Liraglutide สารโปรตีนสกัดเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกจากลำไส้หลังการทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมองประมาณ 3-5 นาที
กลไกการออกฤทธิ์ของ Slim Shape
สมองส่วนกลาง : ทำให้รู้สึกไม่หิว อิ่มนาน ทนน้อย
กระเพาะอาหาร : ย่อยและดูดซึมได้นานขึ้น เพราะหลังทานอาหาร ลำไส้เล็กจะหลั่ง GLP-1 ออกมา เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมอง โดยจะออกฤทธิ์ 24 ชั่วโมง ทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน สามารถลดความหิวและความอยากอาหาร ทำให้ทานได้น้อยลง
ตับอ่อน : ผลิตฮอร์โมนอินซูลินดึงน้ำตาลเข้าเซลล์ Slim Shape ช่วยการหลั่งฮอร์โมนนี้มีคุณภาพดีขึ้น
ผลลัพธ์หลังการใช้ Slim Shape
สามารถเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่รู้สึกหิวน้อยลง สามารถควบคุมอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักถึง 80% เมื่อใช้ต่อเนื่องเพียง 4 เดือน น้ำหนักลดลง 5-10% นอกจากนี้ ยังสามารถลดไขมันในช่องท้อง (Visแeral Fat) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคแทรกซ้อนและอันตรายจากความอ้วน
Slim Shape เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือดัชนีทวลกาย BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30
- ผู้ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยยาลดน้ำหนักแล้วไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ หรือการทาน IF และต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง
- ผู้ที่อายุ 18 ปี ขึ้นไป
โยโย่ เอฟเฟค
เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย สามารถหยุดใช้ยาได้ทันที โดยจะไม่ทำให้เกิดอาการ “โยโย่ เอฟเฟค” เหมือนกับยาลดน้ำหนักแบบเดิม เพียงแต่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วจะมีความรู้สึกหิวเหมือนช่วงก่อนการเริ่มใช้ยา
ความปลอดภัย
ยาได้รับอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายเหมือนยาและอาหารเสริมลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ ตัวยาไม่ได้มีกลไกออกฤทธิ์รบกวนสารสื่อประสาท จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น ใจสั่น ก้าวร้าว ฝันร้าย ประสาทหลอน ตามมา
