หน้าโทรม ไม่รู้ตัว! ใส่แมสก์ทุกวัน ทำผิวพังได้

หน้าโทรมยุคโควิดแบบนี้ ไอเท็มป้องกันตัวอย่างหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งจำเป็นมาก ทุกคนน่าจะใส่แมสก์กันมาเกือบ 2 ปีได้ นอกจากจะกังวลเกี่ยวกับโรคระบาดแล้ว ยังมีอีกสิ่งที่หลาย ๆ คนน่าจะกังวลไม่แพ้กัน คือ เรื่องของผิวหน้า ที่ต้องใส่แมสก์ตลอดเวลา จนทำให้ผิวหน้าพังแบบไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสิว หน้าโทรม ผิวแห้งหยาบกร้านขึ้น ดังนั้นเพื่อยังคงสภาพผิวหน้าให้ดูสุขภาพดีได้เหมือนเดิม เราจึงต้องป้องกันและบำรุงผิวเป็นพิเศษ แต่จะมีวิธีอะไรบ้างที่ช่วยบำรุงผิว จากการใส่แมสก์ทุกวันได้ ในบทความนี้มีคำตอบค่ะ

ใส่แมสก์ทุกวัน ทำผิวพังได้!

แน่นอนว่าช่วงนี้ทุกคนต้องใส่แมสก์แทบจะตลอดเวลาเป็นประจำทุกวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อต้องใส่แมสก์นานขนาดนี้ ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มมีปัญหาผิวหน้าตามมามากมาย เช่น

ปัญหาสิว : ด้วยสภาพอากาศในไทยมื่อเราต้องใส่แมสก์ตลอดทั้งวัน มักจะเกิดความร้อนสะสม เหงื่ออกและอับชื้นได้ ส่งผลให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียมากกว่าปกติ ผิวอักเสบ ผิวอุดตัน จนเกิดเป็นปัญหาสิวได้ง่ายขึ้น

ปัญหาริ้วรอย : หลายคนใส่แมสก์ที่ขนาดไม่พอดีกับใบหน้า เล็กหรือคับมากเกินไป ทำให้เกิดการกดทับ เกิดรอยแดง เป็นเวลานานทั้งวัน พอนานวันเข้าอาจจะทำให้ใบหน้าเกิดเป็นริ้วรอยเล็ก ๆ ได้

ผิวหยาบกร้าน : ในระหว่างวัน บางคนอาจจะต้องถอดแมสก์ออกบ้าง เพื่อทานอาหาร หรือเปลี่ยนแมสก์ใหม่ ซึ่งการถอดแมสก์เข้าออกบ่อย ๆ จะทำให้ผิวเกิดการเสียดสี ถูไปกับใบหน้า โดยเฉพาะแมสก์ที่มีความแข็ง ไม่อ่อนนุ่ม ทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และเริ่มหยาบกร้านมากขึ้น ส่งผลให้ หน้าโทรม ไม่สดใสได้

ผิวคล้ำเสีย : การใส่แมสก์ ทำให้บางคนเริ่มขี้เกียจแต่งหน้า รวมถึงการทาครีมกันแดดด้วย เพราะคิดว่าแมสก์ปิดใบหน้าไปกว่าครึ่งนึงแล้ว ไม่ต้องทากันแดดก็ได้ แต่จริง ๆ แล้วแมสก์ไม่สามารถป้องกันผิวจากรังสียูวี ในแสงแดดได้ จึงทำให้ผิวเกิดปัญหาผิวคล้ำเสียจากแสงแดดได้ง่ายมากขึ้น

ปัญหาไขมันสะสม : ใส่แมสก์ทุกวันจนชิน ทำให้ใบหน้ากลม กรอบหน้าหายแบบไม่รู้ตัว เนื่องจากมีแมสก์ปิดบังใบหน้าอยู่ ทำให้เราสนใจใบหน้าตัวเองน้อยลง จนอาจจะเผลอทานอาหารเยอะขึ้น และเกิดเป็นไขมันสะสมบริเวณใบหน้าได้นั่นเอง

 

ใส่แมสก์ หน้าพัง

 

วิธีป้องกันและบำรุงผิว จากการใส่แมสก์

วิธีป้องกันผิว จากการใส่แมสก์

ไม่ใส่แมสก์ซ้ำ : ควรเปลี่ยนแมสก์ใหม่ทุกวัน เพื่อความสะอาด ปลอดภัย เพราะนอกจากเชื้อโรคแล้วยังเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ทำให้ผิวหน้าเกิดปัญหาสิวตามมาได้

เลือกใส่แมสก์ที่พอดีกับใบหน้า : ไม่หลวมหรือรัดแน่นเกินไป เพราะจะทำให้เกิดรอยกดทับบนใบหน้าได้ นานวันเข้าก็จะเกิดเป็นริ้วรอยได้

ลดการถอดแมสก์บ่อย ๆ : เพราะจะทำให้เกิดการเสียดสีกับใบหน้าได้ ซึ่งผลเสียต่อผิว ผิวเกิดอาการระคายเคือง จนถึงผิวแห้งหยาบกร้านขึ้นได้

 

วิธีบำรุงผิว เมื่อต้องใส่แมสก์

รีบล้างหน้าให้สะอาด : เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว ควรรีบทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด อย่างอ่อนโยน เพราะทั้งวันผ่านสิ่งสกปรกมามาก แถมยังต้องใส่แมสก์ที่อาจจะอับชื้นได้อีกด้วย เพื่อเป็นการลดโอกาสการเกิดสิวอุดตัน

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว : บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น และแข็งแรงอยู่เสมอ จะได้เกิดปัญหาผิวได้ยากขึ้น

อย่าลืมทาครีมกันแดด : แม้ว่าจะใส่แมสก์ปกปิดใบหน้า แต่เราก็ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันรังสียูวีจากแสงแดด ตัวการร้ายที่ทำลายผิวหน้าให้เสื่อมโทรมลง

 

ดูแลผิว

 

ดูแลผิวอย่างล้ำลึก ด้วย Thermage

ใส่แมสก์ติดต่อกันทุกวันมาเกือบ 2 ปี ผิวหน้าของหลาย ๆ คนอาจจะเสื่อมโทรมลง จนเกิดปัญหาผิวหน้าตามมามากมาย อย่างที่เราได้กล่าวไปข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาสิว ริ้วรอย ผิวหยาบกร้าน โดยสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ ว่าผิวเริ่มเสื่อมโทรม คอลลาเจนใต้ชั้นผิวน้อยลง จากตอนเราถอดแมสก์แล้วหน้าเป็นรอย ใช้เวลานานกว่ารอยแมสก์นั้นจะหายไป ซึ่งถ้าใครเป็นแบบนี้แสดงว่าผิวต้องได้รับการบำรุงและกระตุ้นเซลล์ผิวแล้วค่ะ ซึ่งการป้องกันและดูแลผิวหน้าเมื่อต้องใส่แมสก์อย่างที่เราได้แนะนำไปก็อาจจะดูแลผิวได้แค่ชั้นนอก ดังนั้นสำหรับใครที่อยากแก้ปัญหาผิวหน้าอย่างล้ำลึก และรวดเร็ว  ต้องให้ เทอร์มาจ (Thermage) เป็นตัวช่วยเลยค่ะ 

เทอร์มาจ Thermage

หลายคนอาจจะคิดว่าเทอร์มาจ คือ เครื่องมือยกกระชับใบหน้า ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย แบบที่ไม่ต้องผ่าตัดเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วเทอร์มาจ ยังเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาเปล่งปลั่ง สุขภาพดีมากขึ้น ผิวนุ่มดูฟูขึ้น แถมยังช่วยลดเลือนริ้วรอย ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย 

 

เทอร์มาจ

 

เนื่องจากเทอร์มาจ (Thermage) เป็นเครื่องมือยกกระชับผิวเพียงหนึ่งเดียว ที่สามารถปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency หรือ RF) ไปยังชั้นผิวระดับ Dermis ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ของคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งพลังงานนี้เมื่อถูกปล่อยไปยังชั้นผิวแล้ว จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เข้าไปกระตุ้นให้เส้นใยคอลลาเจนเกิดการหดตัว มีเกลียวที่ตึงขึ้น จนเกิดเป็นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ขึ้นมา ส่งผลให้สามารถยึดเกาะกับผิวได้ดีมากขึ้น ผิวหน้าจึงดูกระชับแน่น ริ้วรอยลดเลือนลง สภาพผิวได้รับการฟื้นฟูให้ดูสุขภาพดี เรียบเนียน ดูเปล่งปลั่ง ใบหน้าอ่อนเยาว์ลง นอกจากนั้นพลังงานความร้อนยังสามารถช่วยลดไขมันสะสมได้อีกด้วย ใบหน้าจึงดูเล็กลง โดยเฉพาะบริเวณแก้ม และเหนียงใต้คาง

เทอร์มาจ Thermage ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

ปัญหาผิวหย่อนคล้อย : สำหรับคนที่จับแก้มแล้วรู้สึกว่าผิวไม่แน่นเหมือนเดิม การคืนตัวของผิวแย่ลง แก้มห้อย หรือปัญหาเปลือกตา หางคิ้วตก อยากให้ผิวกลับมายกกระชับ เต่งตึงขึ้นอีกครั้ง โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดดึงหน้า

ปัญหาไขมันสะสม : สำหรับคนที่ใบหน้าบวม หน้าอ้วนกลม กรอบหน้าไม่ชัด มีไขมันสะสมเยอะบริเวณแก้ม ใต้คางหรือเหนียง พลังงานความร้อนของเทอร์มาจจะช่วยสลายไขมันสะสม ช่วยให้ใบหน้าเล็กลง กรอบหน้าชัดขึ้น 

ปัญหาริ้วรอย : สำหรับคนที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ ทั่วใบหน้า ต้องการให้ใบหน้ากลับมาเรียบเนียน เต่งตึง ริ้วรอยลดเลือนลง ให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ใบหน้าเด็กลงอีกครั้ง

ปัญหาผิว : สำหรับคนที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวหน้า โดยเฉพาะผู้ที่อายุเพิ่มมากขึ้น แล้วเซลล์ผิวต่าง ๆ เริ่มเสื่อมลง อย่างคอลลาเจนและอิลาสตินที่เป็นต้นตอของปัญหาผิวเสื่อมโทรม อีกทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด มลภาวะ หรือในปัจจุบันที่ต้องใส่แมสก์ทุกวันก็ยิ่งทำให้เกิดปัญหาผิวหน้าได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งผิวแห้ง หยาบกร้าน ซึ่งการทำเทอร์มาจสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่ ส่งผลให้ผิวกลับมายืดหยุ่น สุขภาพดีขึ้น ดูเปล่งปลั่ง อีกทั้งยังแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ให้ดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

 

Thermage

ผลลัพธ์ของเทอร์มาจ Thermage อยู่ได้นานแค่ไหน

ผลลัพธ์ของการทำเทอร์มาจสามารถอยู่ได้นานกว่า 1-2 ปีเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่ปัจจัยในเรื่องของอายุ สภาพผิวเดิมของเรา บวกกับการดูแลตัวเองหลังจากทำเทอร์มาจไปแล้วด้วยนะคะ ดังนั้นเราควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่สามารถอยู่ได้นานมากขึ้น

 โดยหลังจากทำเทอร์มาจเสร็จ คนไข้จะสังเกตได้ทันทีว่าใบหน้าดูยกกระชับทันทีประมาณ 15-20% และหลังจากที่ผ่านไป 1-3 เดือน เราจะเห็นผลลัพธ์ทั้งหมดได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากผิวได้รับการกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินอย่างต่อเนื่อง

 

เทอร์มาจ Thermage ดีกว่าเครื่องมืออื่นอย่างไร

  • การทำเทอร์มาจเรียกได้ว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาผิวได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลตัวเอง หรืออยากได้ผลลัพธ์อย่างทันใจ ที่สามารถดูแลปัญหาผิวได้อย่างล้ำลึกถึงต้นตอของปัญหา แถมยังเป็นวิธีที่ไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตตามปกติได้ทันทีหลังทำเสร็จ

 

  • ทำเทอร์มาจเพียงแค่ครั้งเดียว แต่ได้ผลลัพธ์ที่ได้ยาวนานประมาณ 1-2 ปีเลยทีเดียว ทำให้ไม่ต้องกลับมาทำซ้ำหลายครั้ง เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลามาคลินิกเสริมความงามบ่อย ๆ

 

  • หัวทิปปล่อยพลังงานของเทอร์มาจออกแบบให้มีขนาดที่แตกต่างกัน 3 ขนาด คือหัวทิปสำหรับตา (Eyes Tip) , หัวทิปสำหรับหน้า (Face Tip) , หัวทิปสำหรับลำตัว (Body Tip) เพื่อความเหมาะสมกับการทำในแต่ละบริเวณ

หัวเทอร์มาจทิปแมสก์ยังคงเป็นอุปกรณ์ที่เราต้องใส่เพื่อป้องกันตัวของเราเองไปอีกนาน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับผิวหน้า อย่าลืมปกป้องและบำรุงผิวหน้าให้มากขึ้นด้วยนะคะ แต่ถ้าใครอยากได้รับการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก ตัวช่วยอย่างเทอร์มาจ Thermage ที่เราได้แนะนำกันไปนั่น ถือว่าเป็นวิธีที่ดีมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว นอกจากจะช่วยยกผิวหน้า ให้กระชับขึ้นได้แล้ว ยังช่วยลดไขมันสะสม กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวยืดหยุ่น ดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดีขึ้น แถมริ้วรอยลดลง เรียกได้ว่าทำเทอร์มาจเพียงแค่อย่างเดียว แต่ได้รับการบำรุงและแก้ไขผิวหน้าครบทุกปัญหาอย่างล้ำลึกเลยทีเดียว

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเข้ามาได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) เอเพ็กซ์ของเรายินดีให้บริการคุณด้วยมาตรฐานสากล พร้อมผลิตภัณฑ์ เครื่องมือต่างๆ รวมถึงทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้คุณได้มั่นใจถึงเรื่องผลลัพธ์และความเป็นธรรมชาติอย่างที่ต้องการ