โบท็อกซ์ ทำงานอย่างไร?
หลายคนมักคุ้นเคยหรือได้ยินคำว่า โบท็อกซ์ (Botox) จะต้องนึกถึงการฉีดหน้า เพื่อเสริมความงามก่อนเป็นอันดับแรก เพราะ โบท็อกซ์ ถือเป็นทรีตเมนต์ตัวแรกๆ ที่เข้ามาทำตลาดด้านความงามในประเทศไทยได้กว่า 20 ปี และด้วยความที่การฉีดโบท็อกซ์นั้นเห็นผลลัพธ์ได้ไว ไม่สร้างรอยแผลแบบการผ่าตัด ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น จึงได้รับความนิยมสูงมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะคุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชายต่างเปิดใจให้กับการฉีดโบท็อกซ์มากขึ้น
ผลลัพธ์การเสริมความงามด้วยโบท็อกซ์ หลายคนคงทราบกันดีว่ามันช่วยทั้งในเรื่องความหย่อนคล้อย ทำให้ใบหน้ากลับมาเต่งตึง ลดเลือนรอยเหี่ยวย่น ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ ตามบริเวณหน้าผาก หางตา ระหว่างคิ้ว ทั้งยังช่วยให้รูขุมขนเล็กลง ผิวดูละเอียดขึ้น หรือจะฉีดบริเวณกราม เพื่อให้หน้าเรียวเล็กและกรอบหน้าชัดหรือการฉีดบริเวณน่อง เพื่อลดน่องให้ขาเรียวสวยและยังมีการฉีดเพื่อลดเหงื่อที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อรอบต่อมเหงื่อทำงานน้อยลง ทำให้เหงื่อออกน้อยลงตามไปด้วยจึงส่งผลให้กลิ่นตัวลดลงและนี่คือประโยชน์คร่าวๆ ในการนำสาร Botulinum Toxin มาใช้สำหรับเสริมความงามนั่นเอง
แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ถูกสกัดขึ้นมาครั้งแรกเพื่อใช้ในทางการแพทย์กว่า 40 ปีมาแล้ว (ค.ศ. 1980) โดยการใช้โบทูลินั่มท็อกซินกับมนุษย์เป็นครั้งแรกในการรักษาอาการตาเหล่ ตาเขและตาปิดเกร็ง (การกะพริบตาแบบที่ควบคุมไม่ได้) ซึ่งหลังจากนั้นยังมีการศึกษาจนค้นพบว่า มันสามารถรักษาอาการต่างๆ ได้อีกมากมาย เช่น การหดเกร็งของกล้ามเนื้อ, การยับยั้งการหลั่งของเหงื่อและบรรเทาอาการเจ็บปวดหรืออักเสบของกล้ามเนื้อ เป็นต้น
Botulinum Toxin เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่ถูกสกัดจากเชื้อแบคทรีเรียคลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium Botulinum) ซึ่งมีด้วยกันถึง 7 ชนิด ตั้งแต่ Botulinum Toxin Type A จนถึง Botulinum Toxin Type G แต่ที่สามารถนำมาใช้ในการรักษาได้มีเพียงแค่ 2 ชนิดเท่านั้น คือ Botulinum Toxin Type A และ B
โดยสารโบทูลินั่มท็อกซิน มีหลายบริษัทที่ผลิตออกมาวางจำหน่าย ซึ่งในปัจจุบันจะมีอยู่ด้วยกันมากมายหลายยี่ห้อ โดยเป็นชนิด Type เช่น Botox (นิยมในอเมริกาและเอเชีย), Dysport (นิยมในฝั่งยุโรป) Xeomin นิยมในยุโรปและเอเชีย Neruonox (นิยมในเอเชีย) และชนิด Type B เช่น Myobloc
**ในประเทศไทยจะนิยมใช้ Botulinum Toxin Type A ยี่ห้อ Botox ของบริษัทยา Allergan ซึ่งมีการนำเข้าและขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาประเทศไทย (อย.) อย่างถูกต้องแล้ว
TMD รักษาได้ด้วย โบท็อกซ์
คุณอาจเคยได้ยินการใช้โบทูลินั่ม ท็อกซินหรือโบท็อกซ์ รักษาอาการตาเหล่ ตาเข การกระตุก หดเกร็งของกล้ามเนื้อกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังมีอีกกลุ่มอาการหนึ่งที่คนในปัจจุบันมักจะเป็นกันมาก ทั้งในประเทศไทยหรือต่างประเทศก็ตามที และหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามันสามารถรักษาได้ด้วยโบท็อกซ์ นั่นคือกลุ่มอาการที่เรียกว่า TMD
ถ้าคุณมีอาการอ้าปากแล้วเกิดเสียงดังลั่นออกมาหรือมีอาการปวดเวลาอ้าปากกว้างๆ คุณอาจจะกำลังมีภาวะTMD อยู่ก็ได้! TMD ย่อมาจาก Temporomandibular Joint Disorder คือ ภาวะความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร ซึ่งภาวะนี้จะทำให้เกิดความเจ็บปวดบริเวณข้อต่อขากรรไกร (Temporomandibular Joint: TMJ) รวมถึงบริเวณกล้ามเนื้อรอบๆ ขากรรไกรที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่งสาเหตุของอาการไม่ได้เป็นที่แน่ชัดนักเพราะอาจเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกันได้ ในการรักษาจึงต้องพิจารณาเป็นเคสๆ ไป
โดยส่วนมากที่แพทย์มักพบและวินิจฉัยจะเป็นจากการที่นอนกัดฟันแบบไม่รู้ตัว รวมถึงความเครียดที่มักจะทำให้เผลอกัดเค้นฟันบ่อยๆ การที่ฟันสบไม่เสมอกันหรือเกิดจากการจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐานทำให้เกิดภาวะ TMD ได้เช่นกัน
อาการที่มักจะพบเมื่อเกิดภาวะกล้ามเนื้อข้อต่อขากรรไกรอักเสบ หรือ ผิดปกติ
-
- เจ็บหรือปวดบริเวณขากรรไกร หรือ ข้อต่อขากรรไกรข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
- เวลาหาว หรือ อ้าปากกว้างๆ เกิดอาการเจ็บปวดขึ้นมา ทำให้เจ็บร้าวไปทั้งหน้า
- เวลาบดเคี้ยวอาหารชิ้นใหญ่หรือที่มีความแข็ง อาจจะทำได้อย่างยากลำบากมากกว่าปกติ
คนที่เป็นภาวะนี้ส่วนมาก อาการจะสามารถบรรเทาลงและหายไปเองได้ แต่ถ้าไม่หายแพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาด้วยวิธีการรักษาที่หลากหลายและอาจจะใช้มากกว่า 1 วิธีในการรักษาพร้อมกันในเบื้องต้นแพทย์จะใช้การรักษาแบบประคับประคองไปก่อน คือการใช้ยาแก้ปวด แก้อักเสบหรืออาจจะมีการใช้ยาคลายกังวลกับยาคลายกล้ามเนื้อร่วมด้วย
แต่หากวิธีการรักษาแบบประคับประคองยังไม่ได้ผลอีก แพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาอื่นๆ ร่วมด้วย ซึ่งสมัยก่อนจะมีเพียงวิธีการผ่าตัดขากรรไกรเพียงวิธีเดียวที่จะแก้อาการบริเวณ TMJ ได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นนาน อีกทั้งผู้ป่วยไม่สามารถเคี้ยวอาหารแข็งได้อีกเป็นเดือน และด้วยการพัฒนาของวงการแพทย์ จึงได้มีการนำโบท็อกซ์มาใช้รักษาอาการบริเวณ TMJ ซึ่งเป็นการฉีดโบท็อกซ์เข้าไปที่ข้อต่อ หรือกล้ามเนื้อโดยตรงรวมไปถึงการฉีดโบท็อกซ์บริเวณกรามยังสามารถรักษาอาการนอนกัดฟันได้อีกด้วย
โบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ถูกจัดอยู่ในกลุ่มยาประเภทยาคลายกล้ามเนื้อจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทคือจะเข้าไปสกัดกั้นการส่งกระแสประสาทบริเวณกล้ามเนื้อและลดการหลั่งสารแอซิติลโคลีน ซึ่งสารแอซิติลโคลีนนี้จะเป็นสารที่ทำหน้าที่สื่อประสาทเกี่ยวกับการรับความรู้สึกเจ็บปวด ร้อน หนาวต่างๆ เมื่อฉีดโบท็อกซ์เข้าไปในข้อต่อหรือกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรอักเสบ สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน จะเข้าไปยับยั้งสารสื่อประสาทอัตโนมัติหรือแอซิติลโคลีน ทำให้ลดการเจ็บปวด ลดการอักเสบ บรรเทาอาการ TMD ได้นั่นเอง
ข้อดีของการรักษาภาวะ TMD ด้วยการฉีดโบท็อกซ์
-
- ใช้เวลาน้อยในการรักษาน้อย เพียง 15 นาทีโดยประมาณ
- ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
- เห็นผลลัพธ์ไว ภายใน 5-12 วัน
- สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ
- อาจจะทำให้กรามเล็กลง หน้าดูเรียวขึ้นเป็นผลพลอยได้
แต่ทั้งนี้ การรักษาอาการกล้ามเนื้อข้อต่อขากรรไกรอักเสบ ด้วยการฉีด โบท็อกนั้น ต้องขึ้นอยู่การวินิจฉัยของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะกลุ่มอาการ TMD ค่อนข้างจะซับซ้อนและประกอบด้วยหลายปัจจัยอย่างที่กล่าวไปข้างต้น จึงควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการใช้โบท็อกซ์หรือสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน เพราะอาจเกิดข้อผิดพลาดส่งผลข้างเคียงทำให้ยิ้มหน้าเบี้ยว ปากปิดไม่สนิทหรือไม่สามารถควบคุมการเคี้ยวได้อย่างปกติ