รู้จัก CLA ตัวช่วยที่ดีที่สุด เพื่อเบิร์นไขมัน

เบิร์นไขมันส่วนเกินที่ทำให้เรามีพุง ไขมันรอบเอว เนื้อปลิ้นข้างรักแร้ มีหลากหลายวิธี แต่วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ CLA ที่เขาว่าเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดเพื่อเบิร์นไขมัน ซึ่ง CLA จะคืออะไร สามารถเบิร์นไขมันได้อย่างไร และเป็นตัวช่วยเบิร์นไขมันที่ดีที่สุดจริงไหม ไปดูกันเลย

 

CLA คืออะไร

ซีแอลเอ (CLA) ย่อมาจาก Conjugated Linoleic Acid ทางเลือกใหม่ในการลดไขมันส่วนเกินและกระชับสัดส่วน เนื่องจากเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ เป็นกรดไขมันธรรมชาติที่พบในไขมันนม เกิดจากแบคทีเรียในระบบย่อยอาหารของวัวย่อยสลายกรดไลโนเลอิคที่วัวกินเข้าไป, เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อจิงโจ้, ไข่, และน้ำมันดอกคำฝอย โดย CLA ที่เข้มข้นมักอยู่ในน้ำมันเมล็ดทานตะวัน 

Close-up of sun flower.

 

โดยปัจจุบันก็มี CLA ที่สกัดมาในรูปแบบอาหารเสริม ซึ่งจากการวิจัยพบว่าการกินอาหารเสริมที่มีสารสกัด CLA จากธรรมชาติ โดยควรกิน CLA ให้ได้วันละประมาณ 3,400 มิลลิกรัม หรือประมาณ 3-6 แคปซูลต่อวัน พร้อมอาหารต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน และเน้นรับประทานอาหารจำพวกผักและผลไม้ ลดปริมาณการทานแป้งและน้ำตาลให้น้อยลง ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ได้ผลดียิ่งขึ้น

 

CLA สามารถเบิร์นไขมันได้อย่างไร 

CLA เป็นที่ยอมรับและนิยมใช้ทั้งในอเมริกาและยุโรป มีผลการวิจัยที่ระบุว่าในผู้ที่น้ำหนักเกินมาตรฐานว่าสามารถลดสัดส่วนของสะโพกและรอบเอวได้จริง ทั้งยังลดมวลไขมันในผู้มีภาวะอ้วนได้อีกด้วย

 

3 กลไกการทำงานของ CLA ที่เบิร์นไขมันได้เหนือกว่า

1. สลายไขมันส่วนเกิน เร่งการเผาผลาญ

CLA จะเข้าไปส่งสัญญาณว่าร่างกายยังได้รับไขมันที่ดีเข้ามาอยู่ จึงสามารถนำไขมันที่สะสมไว้เพื่อออกมาหมุนเวียนเป็นพลังงานต่อไปได้ โดย CLA จะนำไขมันเข้าสู่เซลล์เพื่อเผาผลาญให้เกิดเป็นพลังงาน ส่งผลให้เบิร์นไขมันสะสมในร่างกายได้ โดยจากการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับ CLA ติดต่อกัน 3 เดือน สามารถลดไขมันได้ประมาณ 1.5 ปอนด์ เมื่อถึง 6 เดือนกลุ่มที่ได้รับ CLA จะลดไขมันได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่ได้กินประมาณ 5.6% และลดไขมันได้ประมาณ 3.3 ปอนด์

 

2. กระชับกล้ามเนื้อ 

ในช่วงลดไขมันร่างกายจะมีไขมันที่พร้อมใช้งาน จึงสลายกล้ามเนื้อออกมาใช้ได้น้อยลง เมื่อสลายออกไปน้อย ก็จะเท่ากับสามารถรักษากล้ามเนื้อได้ โดย CLA จะมีส่วนช่วยในการลดอาการอักเสบและจะช่วยนำพากลูโคสเข้าสู่เซลล์เพื่อเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อและสามารถเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้นั่นเอง โดยเราสามารถกิน CLA ได้แม้จะไม่ได้อยู่ในช่วงที่ลดไขมันแล้วเพื่อช่วยลดการสลายกล้ามเนื้อได้อีกทางหนึ่ง  

 

3. ช่วยด้านสุขภาพ

CLA อาจช่วยลดไขมันสะสมในร่างกายและเพิ่มการทำงานของภูมิคุ้มกัน ช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งช่วยเรื่องระบบเลือดและหัวใจ ช่วยเรื่องความดันโลหิต และค่าเลือดต่าง ๆ ชะลอการเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 และเพื่อการสร้างเสริมความแข็งแรงของกระดูก

 

ผลข้างเคียงของ CLA 

CLA อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง อย่างปวดท้อง ท้องร่วง คลื่นไส้ เหนื่อยล้า ปวดศีรษะ และปวดหลังได้

 

อย่างไรก็ตาม แม้ CLA จะสามารถเป็นช่วยตัวช่วยที่ดีในการเบิร์นไขมัน แต่ก็มีผลข้างเคียงเช่นกัน ซึ่งเราควรจะกินในปริมาณที่เหมาะสม หรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะดีที่สุด นอกจากนี้ หากใครต้องการใช้ตัวช่วยเพื่อเบิร์นไขมันโดยไม่อยากกังวลว่าจะกินในปริมาณเท่าไหร่ดี และต้องกินนานแค่ไหน เรามีตัวช่วยเบิร์นไขมันที่เห็นผลเร็วมาฝากกัน

 

IV Drip สูตร Weight Loss 

ตัวช่วยในการลดน้ำหนักสุดเข้มข้น เหมาะสำหรับสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนักแบบเร่งด่วน สามารถใช้ควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร โดยสูตรนี้จะช่วยควบคุมความหิว ลดความอยากอาหาร โดยไม่ต้องอดอาหาร และไม่เสียมวลกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ดูสดชื่น และไม่โทรม ไม่เสียสุขภาพ ด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์นี้ 

 

Vitamin B Complex : ช่วยลดภาวะเครียด เพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ ช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน หากขาดจะทำให้เกิดการเหนื่อยล้า ความหงุดหงิด สมาธิไม่ดี มีความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า

Vitamin C : ช่วยให้ร่างกายนำไขมันมาใช้ประโยชน์ ลดความเหนื่อยล้า ออกกำลังกายได้ง่ายขึ้น ช่วยการทำงานของต่อมหมวกไต ลดความเครียดและความเหนื่อยล้า 

Lipotropic : ช่วยสลายไข เปลี่ยนไขมันสะสมไปเป็นพลังงานส่งเสริมการสร้างกล้ามเนื้อ

Vitamin B 12 : เป็นขุมพลังสำหรับร่างกาย ช่วยสร้าง DNA เส้นประสาท และเซลล์เม็ดเลือด ระบบเผาผลาญไม่สามารถทำงานได้หากไม่มีวิตามิน Vitamin B 12 หากขาดจะทำให้อ่อนเพลียเหนื่อยล้า

L-carnitine : ช่วยการเผาผลาญ สลายไขมันส่วนเกิน (ไตรกลีเซอร์ไรด์) ในเลือด ทำให้การเผาผลาญกลูโคสดีขึ้น ช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการอัตราการเผาผลาญ ช่วยลดน้ำหนัก

 

ทำไม IV Weight loss ให้ผลดีกว่าการวิตามินและยา

การรับวิตามินและสารอาหารผ่านทางสายน้ำเกลือ หรือ IV Drip นั้น ร่างกายจะสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็ว และดูดซึมได้ถึง 100% ในขณะที่การกินหรือการทา ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้เพียง 0-10% เท่านั้น จึงไม่ได้ช่วยฟื้นฟู หรือแก้ปัญหาร่างกายได้อย่างที่ต้องการ 

 

ในขณะที่การให้สารอาหารและวิตามินที่ร่างกายต้องการผ่านทาง IV จะทำให้สารอาหารและวิตามินเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วและสามารถแทรกซึมเข้าสู่ระดับเซลล์ จึงสามารถเห็นผลในการรักษาได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว นอกจากนี้สารอาหารต่าง ๆ อย่างกรดอะมิโนแอซิดและวิตามินหลายชนิด เมื่อต้องผ่านเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร ก็อาจจะทำให้เกิดแก๊สหรืออาการปวดกระเพราะ และอีกหลาย ๆ ปัญหาตามมา ในขณะที่ทำการให้สารอาหารผ่านทาง IV จะไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงเหล่านั้น 

 

👉ปรึกษาลดน้ำหนักและสัดส่วนทักแชท

𝐂𝐎𝐍𝐓𝐀𝐂𝐓 𝐔𝐒

𝐓𝐞𝐥 : 080-5000-123

𝐋𝐢𝐧𝐞 : https://line.me/ti/p/%40APEXslim

𝐅𝐚𝐜𝐞𝐛𝐨𝐨𝐤: https://www.facebook.com/ApexSlim

𝐖𝐞𝐛𝐬𝐢𝐭𝐞 : https://www.apexslim.com/