คาร์ดิโอเป็นการออกกำลังกายที่สามารถช่วยเรื่องการเผาผลาญแคลอรีได้อย่างดี เมื่อการเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น ก็จะช่วยทำให้เราหุ่นดี ไร้ไขมันส่วนเกินได้ ซึ่งการออกกำลังกายด้วยคาร์ดิโอนั้น ไม่จำเป็นต้องไปเสียตังออกกำลังกายกันถึงฟิตเนส เพียงทำที่บ้านก้ได้เช่นกัน
- ท่ากระโดดตบ (Jumping jacks)
ท่ากระโดดตบแยกขาในนวิชาพลศึกษาของเรานั่นเอง ทำง่าย ๆ เผาผลาญได้ดี และสามารถเพิ่มความคล่องตัวและสร้างกล้ามเนื้อไหล่ได้ โดยเริ่มจากการยืนเท้าชิด แขนสองข้างแนบลำตัว กระโดดขึ้นและลง โดยแยกเท้าให้ห่างกว่าความกว้างของไหล่เพียงเล็กน้อย ในขณะที่กระโดดกางขาออก ให้ยกแขนสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ แล้วกระโดดกลับมายืนยังท่าเริ่มต้น
- เดินย่ำอยู่กับที่ (Walking or marching in place)
เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ต้องไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ และสามารถทำได้ในพื้นที่ขนาดเล็ก ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อและเพิ่มความคล่องตัวของสะโพก โดยเริ่มจากการยืนตรง ยกเท้าขวาและซ้ายสลับกัน โดยพยายามยกเท้าให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้ารู้สึกทรงตัวไม่ได้ ให้ยืนข้างกำแพงหรือเคาน์เตอร์เพื่อช่วยจับ ทำประมาณ 20 ครั้งแล้วพัก หรือ 1 นาที พัก และทำซ้ำ 3 ชุด
- กระโดดเชือก (Jump rope)
กระโดดเชือกช่วยสร้างความแข็งรงให้กระดูกและช่วเผาผลาญไขมัน โดยข้อควรระวังของการกระโดดเชือกคือ เป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูง ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ตั้งครรภ์ หรือหลังคลอดใหม่ โดนเริ่มจาการจับเชือก ยืนลำตัวตรง หลังตรง เท้าชิดเข้าหากัน แขนแนบลำตัว
ถือเชือกกระโดด พาดไว้ด้านหลัง ใช้ข้อมือสะบัดเชือกมาด้านหน้า กระโดดขึ้นสะบัดเชือกลอดเท้าไปด้านหลัง กระโดดขึ้นลงบนปลายเท้า
- ท่าปีนเขา (Mountain climbers)
โดยเริ่มจากการทำท่าแพลงค์ โดยวางมือและปลายเท้าลงบนพื้น ยืดหลังให้ตรง ยกเข่าสลับซ้ายขวามาที่หน้าอกอย่างรวดเร็ว พยายามทำให้เป็นจังหวะเพื่อให้ง่ายขึ้น จะช่วยทำให้ร่างกายส่วนบนและแกนกลางลำตัวแข็งแรง ทำ 30 วินาที และพัก 30 วินาที ทำซ้ำ 3 ชุด
- จัมพ์สคว็อต (Jump squats)
ยืนแยกเท้าเท่าระดับความกว้างของหัวไหล่ และงอเข่าลงทำท่าสคว็อต โดยยืดหลังให้ตรง ทิ้งน้ำหนักตัวไปด้านทางหลัง อกผาย และมองตรงไปข้างหน้า ลดตัวลงจนก้นอยู่ต่ำกว่าระดับหัวเข่า จากนั้นกระโดดขึ้นโดยใช้แรงส่งจากส้นเท้า และกระโดดให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อทิ้งตัวลง ให้ลดแรงกระแทกด้วยการงอเข่าและทำท่าเดิมต่อทันที
- เดิน (Walking)
การเดินเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ที่ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและกล้ามเนื้อ ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้อย่างดี ยิ่งเราเดินเร็ว อัตราการเต้นของหัวใจของคุณก็จะสูงขึ้น และแคลอรี่ที่เผาผลาญได้ก็จะมากขึ้นเท่านั้น โดยเริ่มจากการพยายามเดินอย่างรวดเร็วเป็นเวลา 1 นาที แล้วเดินช้าลงเป็นเวลา 4 นาที เมื่อรู้สึกว่าทำได้แล้วให้เพิ่มนาทีเดินเร็วมากขึ้นเป็นเวลา 2 นาที และพักฟื้นเป็นเวลา 3 นาที จากนั้นเดินอย่างรวดเร็วเป็นเวลาสามนาที พักฟื้นเป็นเวลาสองนาที ไปเรื่อย ๆ
การออกกำลังกายนั้นต้องค่อย ๆ ทำ เพื่อไม่ให้ร่างกายรู้สึกล้าจนไม่อยากทำ ดังนั้น หากเราอยากให้ร่างกายเผาผลาญไขมันส่วนเกินได้ดีขึ้น อาจจะใช้ตัวช่วยเผาผลาญไขมันและสร้างกล้ามเนื้อกันดีกว่า
Emsculpt ตัวช่วยสร้างกล้ามเนื้อ สร้างซิกแพค ไม่ต้องออกกำลังกาย
เทคโนโลยีหนึ่งเดียวในปัจจุบันที่สามารถกำจัดไขมันควบคู่กับการสร้างกล้ามเนื้อ ทำงานโดยการใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง High-In Tensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) ส่งพลังงานเข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อ และไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเกิดการหดเกร็งถึง 20,000 ครั้งต่อการทำทรีทเมนท์ 30 นาที เทียบเท่ากับการยกเวทหนัก ๆ แล้วทำ Sit up ไปด้วยพร้อม ๆ กัน 20,000 ครั้ง
ทั้งนี้การหดตัวของกล้ามเนื้อจะสามารถสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่ ทำให้มีขนาดใหญ่และแข็งแรงขึ้น สามารถสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มจำนวนกล้ามเนื้อให้ทนทานแข็งแรงและทำให้กล้ามเนื้อกลับมาชิดกันมากขึ้น ส่งผลให้รูปร่างกระชับ มีกล้ามเนื้อหน้าท้องและซิกแพค พร้อม ๆ กับการเผาผลาญไขมันและการทำลายเซลล์ไขมัน
ต้องทำบ่อยแค่ไหน ต้องพักฟื้นหรือไม่
Emsculpt ควรทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เหมือนกับการออกกำลังกายปกติ และสามารถทำทรีทเมนท์เพียง 4-6 ครั้งเท่านั้น ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว ที่สำคัญไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
*** ผลการวิจัย แสดงถึงความพึงพอใจต่อการรักษามากถึง 96% และโดยเฉลี่ยมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 16% และไขมันลดลง 19%
APEX SLIM ประสบการณ์กว่า 25 ปี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเครื่อง Emsculpt ได้รับการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัย จากองค์กรอาหารและยาของประเทศอมเริกา (US FDA Approved ย่อมาจาก Food and Drug Administration) ซึ่งเรามีเครื่อง Emsculpt มากที่สุดในประเทศไทย และมีประสบการณ์ทำเคสมากที่สุดเช่นกัน