5 วิธีลดน้ำตาล แค่ลดหวาน ก็ลดอ้วนได้

วิธีลดน้ำตาล
ต้องยอมรับว่าการติดหวาน เป็นเรื่องที่แก้ได้ยาก แม้จะรู้แก่ใจว่าความหวาน คือปัจจัยหนึ่งที่ทำอ้วน แต่ด้วยรสชาติที่ทำให้มีความสุขที่ได้รับประทานก็ทำให้หลาย ๆ คนหักห้ามใจได้ยาก แต่รู้กันหรือไม่ว่าการรับประทานน้ำตาลมากเกินไปยังส่งผลเสียอีกมากมาย ไม่ว่าจะทำให้ผิวคุณเหี่ยว ดูแก่กว่าวัย ปัญหาสุขภาพช่องปาก ร่างกายอ่อนล้าง่าย ที่สำคัญอาจนำไปสู่ภาวะความดันโลหิตสูงและเบาหวานสุดอันตรายอีกต่างหาก ดังนั้นทางที่ดีคือควรลด ละ เลิก แต่จะทำอย่างไรที่ วิธีลดน้ำตาล จะให้ผลดีในระยะยาว และช่วยลดน้ำหนักได้ เรามีวิธีมาฝากค่ะ

1. แค่หวานน้อยลงอีกนิด

วิธีง่าย ๆ ที่รับรองว่าไม่โหดร้ายต่อสายหวาน ควรเริ่มต้นจากอาหารหรือเครื่องดื่มที่คุณดื่มเป็นประจำก่อน โดยเฉพาะบรรดาเครื่องดื่มที่สามารถเติมน้ำตาลเพิ่มได้ตามใจชอบอย่างชาหรือกาแฟ หลังจากนี้เพียงแค่คุณฝึกคิดฝึกพูดให้ติดปากเป็นประจำทุกครั้งที่สั่งเครื่องดื่มว่า “หวานน้อย” หรือ “ลดหวานครึ่งหนึ่ง” ทว่าหากชงเครื่องดื่มเองก็ควรค่อย ๆ กัดฟันลดปริมาณน้ำตาลทีละหน่อย หรือเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มปรุงสำเร็จ และแบบพร้อมดื่มที่ขึ้นบนฉลากว่ามีการลดปริมาณน้ำตาลลง หรืออาจตรวจสอบฉลากว่ามีน้ำตาลไม่เกิน 12-16 กรัมต่อปริมาณเครื่องดื่ม 200 มิลลิลิตรค่ะ

2. เลือกซื้อที่มีฉลากผลิตภัณฑ์ “ทางเลือกสุขภาพ”

บางครั้งการอ่านเปรียบเทียบข้อมูลสารอาหารและพลังงานบนฉลากเอง อาจยุ่งยากสับสนเกินไป โดยหนทางที่ง่ายกว่าคือให้คุณลองมองหาสัญลักษณ์โภชนาการ “ทางเลือกสุขภาพ” บนผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ค่ะ เพราะนั่นเป็นเครื่องยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการตรวจสอบว่ามีปริมาณน้ำตาล ไขมัน และโซเดียมในเกณฑ์ที่เหมาะสมเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ลองมองหาข้อความทำนอง น้ำตาลน้อยกว่า (Less / Low Sugar) ซึ่งหมายถึงอาหารชนิดนั้นมีการลดปริมาณน้ำตาลลงอย่างน้อย 25% จากสูตรปกติ หรือไม่มีน้ำตาลทราย (No Added Sugar) ที่ความหวานมาจากน้ำตาลธรรมชาติที่มีอยู่ในส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์นั้นนั่นเอง

3. ดื่มน้ำเปล่าให้มากขึ้น

หลายคนอาจติดนิสัยชอบดื่มน้ำหวานหรือน้ำอัดลมระหว่างมื้ออาหาร ฉะนั้นจากนี้ลองหักใจเปลี่ยนเป็นดื่มน้ำเปล่าแทนกันดูนะคะ นอกจากช่วยลดปริมาณน้ำตาลที่จะเข้าสู่ร่างกายแล้ว ยังถือว่าเก็บโควตาไว้ให้กับเครื่องดื่มแก้วโปรดในช่วงบ่ายหรือมื้อว่างระหว่างวันได้อีกด้วย

4. งดเพิ่มน้ำตาล

อาหารทุกจานที่นำมาเสิร์ฟย่อมผ่านการปรุงรสชาติเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นหากคุณชอบเติมน้ำตาลเพิ่มเองบ่อย ๆ ควรปรับเปลี่ยนด้วยการไม่ใส่เพิ่ม หรือใส่ให้น้อยที่สุด ทั้งนี้ลองลดปริมาณลงเรื่อย ๆ ในแต่ละครั้งดูค่ะ เมื่อทำต่อเนื่องคุณจะเริ่มคุ้นชินกับรสชาติที่อ่อนลง และเลิกติดกินหวานจนเกินไปเอง หรือหากปรุงอาหารเอง ลองเน้นใส่วัตถุดิบจากธรรมชาติที่มีความหวานในตัวอยู่แล้ว เช่น เพิ่มหอมหัวใหญ่ลงในผัดผัก หรือใส่ผักกับเนื้อสัตว์ในน้ำซุปเพื่อให้ได้ความหวานจากธรรมชาติก็ได้ค่ะ

5. เลือกผลไม้หวานน้อย แทนขนมยามบ่าย

ถ้าปกติคุณมักทานสารพัดขนมหวานในระหว่างวัน ลองสลับมาเลือกกินบรรดาผลไม้สดหวานน้อยอย่างมะละกอ แอปเปิลเขียว หรือฝรั่งแทนดูบ้าง รับรองมีแต่ได้ไม่มีเสียแน่นอนค่ะ เพราะในผลไม้มีน้ำตาลจากธรรมชาติ ทั้งยังช่วยให้อิ่มท้องได้ดีกว่า นอกจากนี้ผลไม้ยังอุดมด้วยวิตามิน เกลือแร่ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยให้ผิวพรรณของคุณเปล่งปลั่งสดใส แถมยังช่วยเรื่องการขับถ่ายอีกด้วย ทั้งนี้แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ แต่อย่าลืมว่าต้องทานในปริมาณที่พอเหมาะด้วยนะคะ

วิธีเหล่านี้เป็นเพียง วิธีลดน้ำตาล ที่จะให้คุณรับประทานหวานน้อยลงได้ แต่จะทำสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความอดทนของคุณ และความตั้งใจจริง ซึ่งถ้าสามารถทำได้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องติดหวานเลยล่ะค่ะ 

อย่างไรก็ตามการลดหวานเพียงอย่างเดียวอาจไม่ทำให้คุณได้สัดส่วนสวยสมใจ เพราะการออกกำลังกายก็สำคัญเช่นเดียวกัน ดังนั้นแม้หากคุณอยากลดน้ำตาลโดยไม่ต้องออกกำลังกาย ขณะเดียวกันก็อยากขจัดไขมันส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพควบคู่ไปด้วย ยังมีอีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้คุณได้ นั่นก็คือการสลายไขมันด้วยความเย็น หรือการทำ CoolSculpting นั่นเอง

CoolSculpting เป็นนวัตกรรมกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยความเย็น โดยที่คุณไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเสี่ยงเจ็บตัว ปราศจากผลข้างเคียง ทั้งยังไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ หลังทำเสร็จอีกด้วย โดยในการทำ CoolSculpting ผู้เชี่ยวชาญจะนำเครื่องที่มี Applicator ซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะติดกับผิวหนัง และส่งความเย็นที่อุณหภูมิ -11 ถึง -13 องศาเซลเซียสเข้าไปแช่แข็งเซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวหนังในบริเวณที่คุณต้องการ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 35-45 นาทีเท่านั้น และการทำแต่ละครั้งจะสามารถกำจัดไขมันออกจากร่างกายได้ 20-30% เลยทีเดียวค่ะ ทั้งนี้เซลล์ไขมันที่ได้รับความเย็นมาก ๆ จะตายลงและถูกกำจัดออกผ่านกลไกร่างกายตามธรรมชาติ ซึ่งจะใช้เวลาราว 1 – 3 เดือนเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ที่สำคัญ CoolSculpting ยังมีเครื่องมือหลากหลายแบบและขนาด จึงสามารถทำการสลายไขมันได้แทบทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหน้าท้อง สะโพก ต้นแขน ต้นขา หรือบริเวณเล็ก ๆ อย่างใต้คางก็ไม่มีปัญหาค่ะ

ซึ่งที่ APEX เรามีเทคโนโลยี CoolSculpting พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการสลายไขมันด้วยความเย็นพร้อมให้คำปรึกษา และบริการอย่างมืออาชีพเพื่อให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ

 

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter