ปลูกผมเทียม BioFiber คืออะไร? ข้อดีและข้อเสียที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจ

ปลูกผมเทียม BioFiber คืออะไร?

 

การปลูกผมเทียมด้วย BioFiber ก็คือการนำวัสดุสังเคราะห์ประเภท monacrylic, polyacrylic และ polyester ซึ่งก็คือพลาสติกนั่นเอง มีความอ่อนนุ่มคล้ายเส้นผม นำมาฝังลงไปในชั้นลึกของหนังศีรษะ เพื่อให้ได้เส้นผมในลักษณะเดียวกับเส้นผมจริง ซึ่งก่อนทำการปลูกก็จะต้องมีการทดสอบว่ามีการแพ้หรือไม่ เลือกสีและขนาดให้เข้ากับเส้นผมจริง ผู้ผลิตหลักๆ ในปัจจุบันก็มี 2 ค่ายคือ Biofibre จาก Medicap ประเทศอิตาลี เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 1996 และอีกรายคือ Nido corporation จากประเทศญี่ปุ่น เริ่มมีในปี 1999 อย่างไรก็ดีวัสดุ BioFiber ที่ใช้ในการปลูกผมทั้งหมดนี้ยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา ทั้งประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา แม้จะมีความพยายามที่จะขอรับการรับรองจาก U.S.FDA แต่ก็ถูกปฏิเสธ นอกจากนี้ในปี 1983 องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ถึงกับออกประกาศสั่งห้ามใช้วัสดุสังเคราะห์ Prosthetic Hair Fibers ในการปลูกผมอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมีผลข้างเคียงมาก

image

หลังจากนั้นบริษัทผู้ผลิตจึงได้ทำการตลาดใหม่ เน้นไปที่เป็นเส้นใยสังเคราะห์ใกล้เคียงกับธรรมชาติ เช่นเดียวกับผมจริงๆ ที่ทำจาก polyamide material (Biofibre CE0373) ซึ่งอ้างว่าสามารถฝังเข้าไปในหนังศีรษะได้อย่างปลอดภัย สามารถปลูกบนหนังศีรษะได้อย่างสะดวกและง่าย ด้วยเทคนิคการผูกปมแล้วฝังเข้าไปในหนังศีรษะด้วยเครื่องมือเล็กๆ คล้ายเข็ม สามารถเรียนรู้วิธีการปลูกได้อย่างรวดเร็วไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน ไม่ทำให้เลือดออก จึงได้ผลลัพธ์ที่ดูสวยงาม เป็นธรรมชาติ ในเวลาอันรวดเร็ว เหมาะกับการปลูกผมที่ไม่สามารถหารากผมของตัวเองที่จะนำมาปลูกใหม่ได้

แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงมากมายเกี่ยวกับวิธีการปลูกผมเทียมแบบนี้จากศัลยแพทย์ปลูกผม และ The National Center for Biotechnology Information (NCBI) ถึงผลข้างเคียงและอันตรายที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว ต่อไปนี้เป็นส่วนหนึ่งจากบทความที่ศัลยแพทย์ Konstantinos Anastassakis,  MD, PhD, Head & Neck surgeon, Hair Transplant surgeon ศัลยแพทย์ปลูกผมที่เป็นสมาชิกของ ISHRS (International Society of Hair Restoration Surgeons) แสดงความเห็นเกี่ยวกับการปลูกผมเทียมด้วยวัสดุสังเคราะห์นี้ว่า อย่าทำเด็ดขาด! เพราะอะไร? มาดูกันเลย

อะไรคือสาเหตุที่ไม่ได้รับการยอมรับจากศัลยแพทย์ปลูก NCBI และองค์การอาหารและยา

1. แค่แนวคิดในการนำวัสดุสังเคราะห์ที่ย่อยสลายไม่ได้ใส่เข้าไปในผิวหนังก็ผิดแล้ว

ต้องอย่าลืมว่าร่างกายของคนเราพร้อมที่จะปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมที่ใส่เข้าไปในร่างกายเสมอ และเมื่อวัสดุนั้นไม่สามารถย่อยสลายได้ก็ยิ่งเหมือนฝังระเบิดเวลาไว้ในร่างกาย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเกิดปัญหาขึ้น ซึ่งพบว่าผู้ที่ปลูกผมด้วยวิธีนี้อาจมีความพึงพอใจในระยะแรก แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป 5-10 ปีมักจะมีปัญหาตามมาทุกราย และไม่สามารถแก้ปัญหาได้ กลายเป็นแผลเป็น และต้องทนทุกข์ทรมาณกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่มีทางแก้ไข

2. โอกาสในการติดเชื้อและการอักเสบในชั้นใต้ผิวหนัง

เนื่องจากวิธีในการปลูกจะใช้เส้นใยสังเคราะห์ผูกปม จากนั้นจะนำไปฝังเข้าไปในชั้นลึกของหนังศีรษะ จึงเป็นการเปิดโอกาสให้แบคทีเรียที่อยู่ภายนอกเข้าสู่ชั้นลึกของผิวหนัง มีโอกาสให้เกิดการติดเชื้อที่รุนแรง ซึ่งถ้าเกิดขึ้นก็จะเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆ

image

ร่างกายของมนุษย์จะต่อต้านและขับไล่วัสดุแปลกปลอมนี้ออกไปจากร่างกายอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าขั้นตอนในการฝังจะดี หรือแม้ว่าวัสดุแปลกปลอมนั้นจะเลียนแบบมาใกล้เคียงกับธรรมชาติมาก แต่มีโอกาสที่จะเกิดการอักเสบได้ตลอดเวลา ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแน่นอนอย่างหนึ่งหลังการปลูกซึ่งแสดงถึงการปฏิเสธของร่างกายก็คืออาการคันศีรษะ ซึ่งไม่ว่าจะคันขนาดไหนก็ห้ามเกาหนังศีรษะเด็ดขาด คงเป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิดและทรมาณมากๆ เมื่อคิดว่าต้องเผชิญกับอาการคันศีรษะเป็นประจำ แต่ทำอะไรไม่ได้

3. เส้นใยผมเทียม BioFiber นี้ จะมีการแตกหักตลอดเวลา วันละ 2-6 เส้น ซึ่งคิดเป็น 10-30% ต่อปี

จึงต้องมีการปลูกเพิ่ม 10-30 % ทุกปี ต้องอย่าลืมว่าผมเทียมไม่ใช่รากผมจริงที่จะงอกผมใหม่ได้ ดังนั้นเส้นใยที่แตกหัก 10-30% ต่อปี ก็จะต้องมีการใส่เพิ่มอยู่เรื่อยๆ ทุกปี ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายหลังปลูกที่มีอยู่ตลอดเวลา แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ ผมที่หักหรือขาดไป ทิ้งปมที่เป็นสิ่งแปลกปลอมให้ฝังอยู่ใต้ผิวหนังตลอดไป ไม่ได้สลายหายไปไหน!

เมื่อเวลาผ่านไปหลายๆ ปีหนังศีรษะก็จะเต็มไปด้วยแผลเป็น ปมของใยสังเคราะห์จะถูกทิ้งฝังอยู่เต็มหนังศีรษะ ซึ่งสุดท้ายทางแก้ก็ทำได้เพียงใส่วิกผมเพื่อปกปิดตลอดไป และที่ร้ายไปกว่านั้นก็อาจก่อให้เกิมะเร็งผิวหนังตามมา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่แพทย์ในสมาคมศัลยแพทย์ปลูกผมหลายรายออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงไม่เห็นด้วยในวิธีการปลูกผมด้วยเส้นใยเทียมแบบนี้

โดยสรุปแล้วการปลูกผมเทียมด้วย BioFiber มีข้อดีคือ เป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาให้กับคนที่ต้องการปลูกผม และไม่มีรากผมของตัวเองเหลือพอที่จะใช้ปลูก สามารถทำให้กลับมามีผมที่ดูเป็นธรรมชาติได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็มีข้อพึงระวังค่อนข้างมากที่ต้องใช้การพิจารณาอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะผลในระยะยาว นอกจากนี้เส้นใยสังเคราะห์ใหม่ที่มีความใกล้เคียงกับธรรมชาติมากก็เพิ่งออกสู่ตลาดไม่เกิน 3 ปี ผลการศึกษาจึงยังมีไม่มากพอที่จะชี้ชัดถึงผลดีผลเสียในระยะยาว จึงอาจจะต้องติดตามผลการศึกษากันอีกระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผลข้างเคียงในระยะยาวจริงๆ

อ่านเพิ่มเติม https://www.quora.com/Is-biofibre-hair-transplant-effective

อ่านเพิ่มเติม http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3002411/

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

LINE : @apexhaircenter

 

อ่านต่อประสบการณ์ “ปลูกผมเปลี่ยนชีวิต”
ปลูกผม