เคลียร์ “ฝ้าเลือด” ผิวไม่ช้ำ หน้าไม่ไหม้ ทำต่อเนื่องได้ ไม่ต้องพักฟื้น

    ใครมีปัญหาหน้ามีรอยจ้ำแดงๆ เป็นวงหรือมีลักษณะเป็นแผ่นปื้นบ้าง? หลายคนอาจจะเข้าใจว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นบนใบหนน้าเรานั้นเป็นเอฟเฟคจากการแพ้ครีม หรือเป็นโรคผิวหนังชนิดอื่นๆ แต่แท้จริงแล้ว หากลองสังเกตให้ดี อาจจะพบว่ารอยแดงบนใบหน้า ไม่ใช่รอยธรรมดา แต่เป็นแผ่น “ฝ้าเลือด” ก็เป็นได้

    ฝ้าเลือดเกิดขึ้นได้กับผิวแบบไหนบ้าง ?

    ฝ้าเลือด (Vascular melasma หรือ Telangiectetic melasma) ส่วนมากฝ้าชนิดนี้จะพบได้บ่อยในเพศหญิงตั้งแต่ช่วงอายุ 20 – 50 ปีขึ้นไป มากกว่าเพศชายสูงถึง 80% ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เป็นและเห็นได้ชัดเจนมากที่สุด จะเป็นบุคคลที่ผิวหน้าแดงง่ายเมื่อถูกความร้อนจากแสงแดด เนื่องจากผิวมีความบอบบาง นอกจากเรื่องของแสงแดดและสารเคมีแล้ว ยังเกิดขึ้นได้ง่ายกับผู้ที่มีฮอร์โมนไม่ค่อยปกติ ต้องใช้ยาอื่นๆ รักษาร่างกาย ทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมานั่นเอง

    ลักษณะของฝ้าเลือด VS ฝ้าธรรมดา แตกต่างกันอย่างไร ?

    ฝ้าเลือด

    มีลักษณะเป็นรอยแดงคล้ายเส้นเลือด มีสีแดงปนน้ำตาล เป็นรอยปื้นๆ มีสีชมพู สีแดง จนไปถึงสีดำ จัดเป็นฝ้าที่รักษายากมากกว่าฝ้าปกติ เนื่องจากหลายสาเหตุที่ส่งผลให้เส้นเลือดฝอยแตกและมีเลือดกระจุกบริเวณพังผืดใต้ผิวหนังชั้นลึก ทำให้ในบางคน ไม่สามารถรักษาได้จากการทาครีมเพียงอย่างเดียว

    ฝ้าธรรมดา

    มีลักษณะเป็นแผ่นปื้นๆ เป็นสีน้ำตาลหรือเทาที่มีเฉดสีตั้งแต่อ่อนไปจนถึงเข้มมาก ขึ้นอยู่ว่าฝ้าที่เกิดนั้น เกิดบริเวณผิวหนังชั้นไหน และลึกแค่ไหน ซึ่งจะแบ่งออกไปได้อีกหลายชนิด เช่น ฝ้าแดด ฝ้าลึก ฝ้าตื้น เป็นต้น เป็นฝ้าที่รักษาไม่ยากเท่าไหร่ แต่ถ้าผิวบอบบางเกินไป ก็อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยตรงการตัดสินใจรักษา

    สาเหตุของการเกิดฝ้าเลือด

    เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนผิวหน้า ที่เกิดจากการรับประทานยาคุม ยากันชัก ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การลอกผิวด้วยสารเคมี ตามสถาบันความงาม หรือซื้อครีมลอกผิวมาใช้เอง นอกจากนี้สารเคมีที่อยู่ในเครื่องสำอางก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดฝ้าเลือดโดยที่เราไม่รู้ตัวได้เช่นกัน

    รักษาฝ้าเลือดยังไงให้ได้ผิวสวยใสและแข็งแรง

    1.หยุดใช้ครีมที่ทำให้ผิวบอบบาง เช่น ครีมทาหน้าจำพวกที่มีสารไฮโดรคิวโน และสารเสตียรอย หรือที่เข้าใจกันว่าชื่อ “ครีมหน้าขาว” ตามท้องตลาดที่ไม่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อปัญหาผิวเสียอีกหลากหลายรูปแบบที่จะตามมา

    2.ทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพราะครีมกันแดดสำคัญมากสำหรับผิวหน้าของบุคคลทุกเพศ เนื่องจากแสง UV จากแดดนั้นมีความรุนแรงต่อสภาพผิว นอกจากนี้ยังมีแสงอื่นๆ ที่เราอาจจะไม่รู้ว่าแสงพวกนี้ก็ส่งผลเสียต่อผิวเราได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแสงจากจอคอมพิวเตอร์ จอมือถือ และความร้อนจากหลอดไฟที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเรานั่นเอง

    3.ทานยาฟอกเลือด ปรับธาตุและสมดุลในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพรจีนหรือยาไทย ก็สามารถใช้ในการรักษาฝ้าที่มีต้นเหตุมาจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกายได้ โดยยาเหล่านี้จะช่วยปรับธาตุในร่างกายให้สมดุลขึ้น ช่วยฟอกเลือด เพื่อขับสารพิษในร่างกาย ทำให้เลือดสะอาดขึ้นได้ จึงส่งผลให้รอยฝ้าเลือดนั้น จะค่อยๆ จางลงไปเอง แต่ค่อนข้างใช้เวลานานมาก และที่สำคัญควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญโดยตรงก่อนรับประทานยาทุกชนิด

    4.เลือกใช้สกินแคร์รักษาฝ้าที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิว มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ไปพร้อมๆ กับการบำรุงเซลล์ผิว เช่น กลุ่มแคโรทีนอยด์ Vitamin C, E เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผิวพัง และสารสกัดจากธรรมชาติเหล่านี้นั้น จะช่วยปลอบประโลมผิวหนังที่บอบบาง สามารถปรับสีผิวโดยรอบที่เกิดเป็นแผ่นฝ้าให้ค่อยๆ กระจ่างใสขึ้นได้เป็นอย่างดี แต่ก็ใช้เวลานานเช่นกัน

    5.เลเซอร์ผิวหน้าเฉพาะบริเวณที่เกิดฝ้าด้วยโปรแกรมที่ไม่ทำร้ายสภาพผิว และไม่ก่อให้เกิดปัญหาผิวไหม้ตามมาทีหลัง ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและทำการรักษาอย่างถูกวิธีก่อน เพราะการใช้เลเซอร์ในการรักษาฝ้าเลือดนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งทางลัดที่ช่วยทำให้เห็นผลได้อย่างรวดเร็ว แต่ถ้าหากไม่เลือกให้ดี จากแค่เป็นฝ้าเลือด อาจจะกลายเป็นผิวหน้าพังยับเยินไปเลยก็ได้

    ฝ้าเลือด หายยาก แต่หายได้ แค่มาที่ Apex Medical Center

    เพราะที่นี่มี Melasma 3D Technology เคลียร์ฝ้าระดับรางวัล “Luminary Excellence” อันดับ 1 เทคโนโลยีล่าสุดในการกำจัดเม็ดสี ซึ่งสามารถยิงเลเซอร์เข้าไปได้ลึกถึงใต้ผิวหนังชั้นในด้วยพลังงานสูงสุด เพื่อเข้าไปช่วยทำลายเส้นเลือดฝอยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดภาวะฝ้าเลือดและฝ้าซ้ำซ้อนได้ โดยไม่ทำร้ายเซลล์ผิว ไม่ทำให้ผิวหน้าไหม้จากการทำเลเซอร์ พร้อมช่วยกระตุ้นการผลัดผิวใหม่ ให้ใบหน้าเนียนนุ่ม กระจ่างใส รอยฝ้าแลดูจางลง และทำอย่างต่อเนื่องได้เพื่อเป็นการฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง

    เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ล่าสุดในการกำจัดเม็ดสีที่ APEX CLEAR เคลียร์รอยฝ้าแบบ 3 มิติ เพื่อผิวกระจ่างใส

    👉 กำจัดเม็ดสีได้ล้ำลึก ลบรอยฝ้าหนาได้ทุกชนิด

    👉 ลดการขยายตัวของเส้นเลือดฝอย ไม่เกิดฝ้าซ้ำซ้อน

    👉 ฟื้นฟู พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนใหม่เพื่อผิวกระจ่างใส

    🏆 รางวัล “Luminary Excellence” อันดับ 1 เทคโนโลยีล่าสุดในการกำจัดเม็ดสีส่วนเกินที่ทำให้เกิดฝ้าหนา 

    APEX CLEAR “เคลียร์ทุกเรื่องผิว”

    📣 สอบถามหรือปรึกษาปัญหาผิวได้เลยค่ะ

    📲 Line@ https://lin.ee/wB4l0p0 หรือ @apexclear

    #ApexClear #apexclearดูแลครบจบเรื่องหน้าพัง

    #apexclearเคลียร์ทุกเรื่องผิว #เลเซอร์ลดเม็ดสี #เลเซอร์ฝ้า #เลเซอร์เคลียร์ฝ้า #ฝ้าหนา  #Melasma  #เทคโนโลกำจัดเม็ดสี #รางวัลอันดับหนึ่ง