ปัจจุบันการทำศัลยกรรม เสริมหน้าอก ได้รับความนิยมจากสาวๆ ทั่วโลกรวมไปถึงประเทศไทย ซึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก ทำให้การเสริมหน้าอกง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และดูธรรมชาติเสมือนหน้าอกจริงมากยิ่งขึ้น การเสริมหน้าอกปัจจุบันแบ่งออกเป็น 3 วิธีหลักๆ คือ การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน, การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง, การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนร่วมกับไขมันตัวเอง (Hybrid Y Line)
วัสดุและประเภทการ เสริมหน้าอก
- ซิลิโคน
- ไขมันตัวเอง
- ซิลิโคน + ไขมันตัวเอง
ยี่ห้อของซิลิโคนที่เลือกใช้
สำหรับยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจาก อย.สหรัฐอเมริกา (US FDA) และ อย.ไทย ในปัจจุบันมี 4 ยี่ห้อ คือ Mentor, Allergan, Silimed และ Motiva ซึ่งการที่จะผ่านการรับรองได้ต้องทำการศึกษาวิจัยเรื่องความปลอดภัยในระยะยาวอย่างละเอียด ผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอก หากใช้ซิลิโคนที่ผ่านการรับรองจึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย
ผิวของซิลิโคน
1. ซิลิโคนผิวเรียบ
2. ซิลิโคนผิวทราย
ข้อแตกต่างของซิลิโคนทั้งสองแบบ
- ซิลิโคนแบบผิวเรียบจะเกิดริ้วบนผิวน้อยกว่า มีความนิ่มคล้ายหน้าอกธรรมชาติ
- ซิลิโคนผิวทรายจะมีความหนืดที่จะสามารถยึดกับเนื้อเยื่อได้มากกว่า ซึ่งจะทำให้ตำแหน่งของเต้านมนั้นไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ
ซึ่งการเสริมหน้าอกให้สวยไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่เพียงผิวของซิลิโคน แต่จะขึ้นอยู่กับเทคนิคทางการแพทย์มากกว่า
รูปทรงของซิลิโคน
1. รูปทรงกลม
2. รูปทรงหยดน้ำ
ในกรณีรูปทรงของหน้าอก หากจะให้ทำแล้วออกมาเป็นในลักษณะแบบไหน ต้องได้รับการพิจารณาทรงหน้าอกเดิมจากศัลยแพทย์ด้วย
วิธีการใส่ซิลิโคน
- เหนือกล้ามเนื้อ (Subglandular)
- ใต้กล้ามเนื้อ (Submuscular)
-
ใต้กล้ามเนื้อบางส่วน (Dual Plane)
ทั้ง 2 วิธีจะมีข้อดีแตกต่างกันไป การใส่ซิลิโคนบนกล้ามเนื้อจะทำให้หน้าอกนิ่ม เป็นทรงธรรมชาติได้เร็วกว่าการใส่ใต้กล้ามเนื้อ แต่ในส่วนของการใส่ซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อจะลดโอกาสการหย่อนคล้อยของหน้าอกลง ทำให้หน้าอกดูเต่งตึง แต่จะต้องทำการนวดหลังทำบ่อยครั้งกว่าการใส่ซิลิโคนแบบใต้กล้ามเนื้อบางส่วนหรือ Dual Plane ซึ่งเป็นการนำจุดเด่นของการใส่ซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อและใต้กล้ามเนื้อเข้าด้วยกัน ทำให้ได้สัมผัสหน้าอกที่ธรรมชาติและการพักฟื้นที่รวดเร็วกว่า
ซึ่งทั้ง 3 วิธีนี้ ต้องได้รับการพิจารณาจากฐานอกเดิมโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง
การเก็บแผลหลังจากการผ่าตัด
- แผลบริเวณปานนมจะมีความเป็นธรรมชาติ แต่มีข้อจำกัดเรื่องขนาดของซิลิโคนไม่สามารถใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่ได้
- แผลบริเวณใต้ราวนมเป็นตำแหน่งที่ศัลยแพทย์วางซิลิโคนได้สวยงามที่สุด สามารถเลือกใส่ซิลิโคนไซส์ใหญ่ได้
- แผลบริเวณใต้รักแร้แผลจะซ่อนอยู่บริเวณรอยพับใต้รักแร้ สามารถใส่ซิลิโคนได้ใหญ่กว่าแผลบริเวณปานนม แต่ในระยะการพักฟื้นจะนานกว่าบริเวณปานนมและใต้ราวนม เนื่องจากผิวหนังเกิดการบาดเจ็บจากการเลาะโพรงมากกว่า
แต่ในส่วนของขนาดของแผลและแผลเป็น จะขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังทำ เทคนิคการผ่าตัด และฝีมือศัลยแพทย์
การผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก
- ตำแหน่งที่จะใส่ถุงเต้านมเทียม อาจจะอยู่ใต้กล้ามเนื้อหน้าอกหรือเหนือกล้ามเนื้อ ซึ่งแพทย์จะอธิบายให้ทราบถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละตำแหน่ง
- แพทย์จะแนะนำคุณสมบัติของถุงเต้านมเทียม (ซิลิโคน) ข้อดี ข้อเสียและขนาดของซิลิโคนให้แก่คนไข้
- เมื่อได้ตัดสินเลือกชนิด, ขนาดของเต้านมเทียม, ตำแหน่งที่จะใส่, ตำแหน่งที่จะผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว แพทย์จึงจะเริ่มการผ่าตัด
การดูแลหลังจากการผ่าตัด เสริมหน้าอก
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของพยาบาลอย่างเคร่งครัด
- ทำความสะอาดร่างกายด้วยการเช็ดตัว เมื่อ 1 สัปดาห์ผ่านไป แผลจะแห้งและสามารถอาบน้ำได้ตามปกติ โดยไม่ต้องทำแผลเองเลยจนกว่าจะมาตรวจซ้ำตามแพทย์นัด
- ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักในช่วง 1 เดือนแรก
- พันผ้าพันแผลตามที่แพทย์ได้พันให้ในระดับที่หายใจออกเป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์
- งดใส่ยกทรงที่มีโครงเหล็กเป็นเวลา 2 สัปดาห์ อาจเปลี่ยนเป็นยกทรงแบบ Sport Bra ได้
- นวดหน้าอกตามที่แพทย์แนะนำ ต้องนวดต่อเนื่องทุกวันวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาทีเป็นเวลา 6 เดือน หลังจาก 6 เดือนไปแล้วให้นวดวันเว้นวัน
- เข้าพบแพทย์ตามใบนัด หากพบอาการผิดปกติใดๆ ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบทันที
เสริมหน้าอกที่ไหนดี
การเสริมหน้าอกให้สวยงาม เป็นธรรมชาติ ปลอดภัย ต้องคำนึงถึงสถานพยาบาลที่ได้รับมาตรฐาน มีการจดทะเบียนที่ถูกต้อง ศัลยแพทย์ผู้เสริมหน้าอกควรเป็นศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทางที่ได้การยอมรับจากสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย ซิลิโคนที่ใช้ควรได้มาตรฐาน มีเลขการผลิตและใบรับประกันให้กับผู้รับการเสริมหน้าอก
รีวิวเสริมหน้าอก
การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง
เสริมหน้าอก ด้วยเซลล์ไขมันเสริมหน้าอก ให้ความรู้สึกที่เหมือนจริงและเป็นธรรมชาติมากขึ้น การเสริมหน้าอกด้วย เซลล์ไขมันจะได้ผลดีมากขึ้นหากนำไขมันของตนเองมาใช้ เพราะไขมันตัวเองไม่สิ่งแปลกปลอมนอกร่างกาย ทำให้ไม่มีอาการต่อต้านและยังให้เนื้อสัมผัสที่นิ่มและรูปทรงธรรมชาติ นอกจากนั่นไขมันที่ดูดออกมายังเป็นไขมันส่วนเกิน ทำให้ลดการสะสมของไขมันส่วนเกินของร่างกายในบริเวณที่เราไม่ต้องการได้ เช่น หน้าท้อง ต้นขา เป็นต้นและควรปรึกษากับแพทย์ของคลินิกที่มีประสบการณ์ในการออกแบบรูปร่าง เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ
ความแตกต่างระหว่างการเสริมทรวงอกด้วยวิธี Normal Fat – Transfer และ การใช้เทคโนโลยี Fat Cell
การทำ Normal Fat Transfer เมื่อเราดูดไขมันออกมาจะได้ทั้งส่วนของไขมัน, เซลล์, เลือด, ผังผืด ผสมในไขมันที่ดูดออกมา ทำให้อัตราการรอดของเซลล์ไขมันมีน้อยมมาก จึงได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีในการคัดแยกสเต็มเซลล์ไขมันด้วยเอนไซม์และกระบวนทาง Biomechanic โดยอาจใช้ร่วมกับ Growth Factor เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและอัตราการรอดของสเต็มเซลล์ไขมัน
ระยะเวลาการคงอยู่ของหน้าอกเมื่อฉีดไขมันตัวเอง
การฉีดไขมันหน้าอก เซลล์ไขมันเปรียบเสมือนสิ่งมีชีวิต (Viable tissue) ที่ปลูกถ่ายย้ายส่วนหนึ่งไปยังส่วนหนึ่ง ผลลัพธ์ที่ได้จึงอยู่เป็นธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสารสังเคราะห์ที่เราเรียกว่า Filler หรือ การเสริมเต้านมด้วยซิลิโคนแบบทั่วไป
เสริมหน้าอกด้วยเซลล์ไขมัน เหมาะสำหรับใครบ้าง
- ผุ้ที่ต้องการปรับสัดส่วน ลดส่วนเกิน มาเพิ่มขนาดหน้าอก
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกโดยที่ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ
- ผู้ที่ไม่มีเวลาพักฟื้น
- ผู้ที่ไม่ต้องการแผลเป็นหลังจากผ่าตัด
- ผู้ที่กลัวการผ่าตัด
- ผู้ที่ไม่ต้องการให้หน้าอกเป็นก้อนแข็ง
- ผู้ที่เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนมาแล้วและต้องการปรับให้ดูธรรมชาติมากขึ้น
- ผู้ที่คลอดบุตร มีปัญหาหน้าอกคล้อย
- ผู้ที่ไม่เวลาดูแลจากการนวดป้องกันพังผืดเกาะซิลิโคน
ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยเซลล์ไขมัน
- ไม่มีรอยแผลเป็นจากการผ่าตัดเป็น มีเพียงแค่รอยเข็มฉีดเท่านั้น
- การบาดเจ็บของเนื้อเยื่อน้อยกว่าการเสริมซิลิโคน
- เป็นการลดไขมันตัวเองในบริเวณที่ไม่ต้องการไปพร้อมกัน
- ไม่ต้องมีสิ่งแปลกปลอมใส่ในร่างกาย
- ไขมันที่ฉีดสามารถอยู่ไปได้ตลอดไม่มีหมดอายุ
- ไม่มีปัญหาเรื่องพังผืดเกาะและหดรัด
การเตรียมตัวก่อนเสริมหน้าอก
- ขั้นตอนการเตรียมตัวเหมือนการเตรียมตัวการทำศัลยกรรมแบบทั่วไป โดยแพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกายรวมไปถึงประวัติการใช้ยา การแพ้ยา แนะนำให้งดวิตามินหรืออาหารเสริมก่อนประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนผ่าตัด-หลังผ่าตัด
- การเสริมเต้านม หรือการเพิ่มขนาดด้วยการดูดไขมันตัวเอง ไม่สามารถทำให้รูปร่างของคุณเพรียวกระชับมากขึ้นได้ เนื่องจากเป็นการดูดไขมันในปริมาณที่ไม่มากนักในแต่ละจุดแล้วนำมาสกัดเป็นสเต็มเซลล์ไขมันเท่านั้น
การพักฟื้นหลังการ เสริมหน้าอกด้วยเซลล์ไขมัน
- หลังการรักษา คนไข้สามารถกลับไปทำกิจกรรมทั่วไปได้ตามปกติ ควรหลีกเลี่ยงการอบซาว์น่าหรือการออกกำลังกายและนวดตัวหนักๆ ในบริเวณที่ทำ 2 เดือน
- ผิวหนังบริเวณที่ทำอาจมีอาการบวม ควรใส่ชุดกระชับที่เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์เท่านั้น เพื่อช่วยลดอาการบวม และช่วยในการกระชับผิว เมื่อผิวเข้าที่แล้วจะรู้สึกได้ทันทีถึงสัดส่วนที่กระชับมากขึ้น
การดูแลหลังเสริมหน้าอก
- งดกินยา กลุ่มแอสไพลิน วิตามิน ประมาณ 2-4 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์หรือของมึนเมา ประมาณ 2-4 สัปดาห์
- ช่วงแรกหลังรับการรักษาไม่ควรให้แผลโดนน้ำ เนื่องจากอาจเกิดการติดเชื้อได้
- ช่วงแรกจะมีอาการบวมและช้ำ แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
- งดกินของหมักดอง ของสแลง ประมาณ 2-4 สัปดาห์
- งดออกกำลังกายและเข้าซาวน์น่า ประมาณ 2-4 สัปดาห์
- ควรเข้ามาพบแพทย์เป็นระยะๆ เพื่อให้แพทย์ได้ดูอาการอย่างต่อเนื่อง
อ่าน ทำไมต้องเสริมหน้าอกที่ Apex : เสริมหน้าอก ที่เอเพ็กซ์ หน้าอกสวย ปลอดภัย สัมผัสเสมือนจริง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร : 0888-7000-39 , 0888-7000-16
[email protected] ID : @APEXSURGERY
หรือคลิก HTTP://LINE.ME/TI/P/%40APEXSURGERY

Telephone No.0888-7000-39