มาแน่ ! Tabata เทรนด์ออกกำลังกายประจำปี 2023

TABATAหากว่ากันด้วยเรื่องออกกำลังกายแล้วละก็ หลาย ๆ คนคงได้ลองกันมามากมายหลายรูปแบบ เพื่อหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด ทั้งเงื่อนไขเวลาที่มีจำกัดในแต่ละวันรวมถึงแต่ละสัปดาห์ หรือกระทั่งเพื่อตอบโจทย์ความอยากออกนะ แต่ขอไม่นานมากได้หรือเปล่า ในบทความนี้เราจึงนำวิธีออกกำลังกายที่เรียกว่า ‘ทาบาตะ’ (Tabata) มาแนะนำกันค่ะ ซึ่งทาบาตะเป็นการเทรนแบบ HIIT (High-Intensity Interval Training) ใช้เวลาน้อยแต่เข้มข้น พอขึ้นชื่อว่าเข้มข้น ย่อมเหนื่อยมากอย่างแน่นอนค่ะ ดังนั้นใครที่ออกกำลังกายฝึกความคงทนร่างกายกันมาสักพักแล้ว และอยากเพิ่มความยากขึ้นอีกระดับ ทาบาตะเป็นอีกทางเลือกที่ดีทีเดียวค่ะ

ทำความรู้จักกับ Tabata กันก่อน

‘ทาบาตะ’ เป็นการออกกำลังกายแบบ HIIT (High-Intensity Interval Training) หรือลักษณะหนักสลับเบาในเวลาสั้น ๆ นั่นเอง โดยเป็นการเทรนแบบกำหนดเวลาสำหรับออกกำลังและเวลาสำหรับพักตายตัว ซึ่งใช้เวลาทั้งหมด 4 นาทีต่อ 1 เซต ในแต่ละเซตจะต้องออกกำลังกายหนัก ๆ 20 วินาที ต่อด้วยพัก 10 วินาที จากนั้นวนไปเรื่อย ๆ จนครบ 8 รอบ แม้ดูเหมือนใช้เวลาน้อยนิด ทว่าทาบาตะช่วยเบิร์นได้มากถึง 150 แคลอรี่ทีเดียวค่ะ ซึ่งในระยะ 20 วินาทีที่โฟกัสกับการออกกำลังกายหนัก ๆ จะเป็นการเร่งอัตราการเต้นของหัวใจ และขณะพักคือลดอัตราการเต้นของหัวใจลงมา โดยจะเป็นช่วงที่เกิดการเผาผลาญ ทั้งนี้คุณสามารถเลือกทำได้หลายเซตตามต้องการเลยค่ะ แต่ทั่วไปมักอยู่ที่ไม่เกิน 16 – 30 นาที

ทั้งนี้คุณสามารถเลือกวิธีออกกำลังกายได้ตามใจชอบ ทั้งการวิ่งเร็ว ปั่นจักรยาน กระโดดเชือก วิดพื้น กระโดดตบ หรืออื่น ๆ ถนัดแบบไหน เลือกแบบนั้น ขอเพียงในช่วง 20 วินาที เป็นการโฟกัสกับการออกกำลังกายแบบหนักจริง ๆ ซึ่งทาบาตะคือการเทรนที่มีความเข้มข้นสูงมาก จึงเหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายมาได้ระยะหนึ่งแล้ว และที่สำคัญต้องทำท่าออกกำลังกายชนิดต่าง ๆ ได้ถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บระหว่างเทรน และเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดตามเป้าหมายของทาบาตะค่ะ

โดยรูปแบบเทรนแบบทาบาตะนั้น เน้นที่การสลายไขมันเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก สลายไขมันส่วนเกิน ต้องการฝึกความคงทนของร่างกาย และเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่งนอกจากทาบาตะจะช่วยเผาผลาญในขณะฝึกแล้ว ยังจะเผาผลาญต่อเนื่องหลังเสร็จสิ้นอีกด้วยค่ะ

Tabata ควรเริ่มต้นอย่างไรดี ?

เนื่องจากทาบาตะคือการฝึกฝนที่เข้มข้นมาก ๆ ฉะนั้นหากใครไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน หรือเพิ่งเริ่มได้ไม่นาน และยังไม่แม่นกับท่าออกกำลังกายรูปแบบต่าง ๆ ควรหลีกเลี่ยงค่ะ เพราะอาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บในระหว่างนั้นได้ หรือถ้าใครเริ่มคุ้นชินกับการออกกำลังกายได้ระยะหนึ่งแล้ว และอยากลองเทรนแบบทาบาตะ อันดับแรกควรเริ่มจากระดับง่าย ๆ ก่อน ค่อย ๆ ฝึกฝน เตรียมความพร้อมให้ร่างกาย และตรวจสอบว่าร่างกายของคุณพร้อมสำหรับทาบาตะมากน้อยแค่ไหน ซึ่งอาจลองตามรูปแบบนี้ แล้วค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นค่ะ

  • ระดับง่าย ฝึก 10 วินาที พัก 20 วินาที 8 เซตต่อเนื่อง
  • ระดับกลาง ฝึก 15 วินาที พัก 15 วินาที 8 เซตต่อเนื่อง
  • ระดับยาก ฝึก 20 วินาที พัก 10 วินาที 8 เซตต่อเนื่อง

ประโยชน์ของ Tabata

  • เบิร์นไขมันได้มากถึง 150 แคลอรี่ ใน 4 นาที
  • ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • เพิ่มสมรรถภาพในการออกกำลังกาย และเพิ่มความคงทนของร่างกาย

ข้อควรระวังกับการฝึก Tabata

  1. ในระหว่างเทรนทาบาตะ หากคุณรู้สึกหน้ามืดตาลาย เวียนหัว คลื่นไส้ หูอื้อ หรือหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ให้หยุดฝึกทันทีค่ะ เพราะร่างกายส่งสัญญาณเตือนว่าการเทรนรูปแบบนี้หนักเกินไป และคุณยังไม่พร้อม
  2. ในระหว่างเทรนคุณต้องโฟกัสความหนักอย่างเต็มที่ทุกท่า ทุกรอบ และที่สำคัญการออกกำลังกายแต่ละท่าต้องถูกต้อง เพื่อเลี่ยงการบาดเจ็บและให้ได้ความเข้มข้นสูงสุด
  3. พึงจำไว้ว่าการออกกำลังแบบ HIIT หรือทาบาตะ เป็นรูปแบบความเข้มข้นสูง จึงไม่เหมาะกับการทำติดต่อกันทุกวันค่ะ เนื่องด้วยหลังการฝึกแบบนี้ ร่างกายต้องได้รับการฟื้นฟูอย่างน้อย 1-2 วัน ดังนั้นควรทำที่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งเท่านั้น ส่วนวันอื่นให้ใช้รูปแบบที่เบากว่า หรือเน้นไปที่การทำคาร์ดิโอแทนค่ะ
  4. สำหรับใครที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษากับเทรนเนอร์ หรือขอคำแนะนำจากแพทย์ก่อนจะปลอดภัยที่สุดค่ะ

หากใครเริ่มคันไม้คันมืออยากออกกำลังกายแบบทาบาตะกันแล้ว อย่าลืมว่าระหว่างเทรนต้องหมั่นใส่ใจสังเกตร่างกายกันให้ดี ๆ เพราะมีความแตกต่างอยู่ระหว่างการทะลวงขีดจำกัดใหม่ กับการหักโหมเกินจำเป็น ถ้าฝืนเกินไป ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเครียดออกมา แทนที่จะได้รับประโยชน์จากการออกกำลังกายค่ะ และหากเน้นทำเพื่อเป้าหมายลดน้ำหนัก การทำต่อเนื่องได้สัก 30 นาที จะยิ่งช่วยเผาผลาญไขมัน และกระชับสัดส่วนได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว ส่วนสำหรับมือใหม่พึงจำไว้เสมอว่า การออกท่าที่ถูกต้องสำคัญกว่าปริมาณนะคะ

แต่ถ้าใครรู้สึกว่าแค่ออกกำลังกาย สัดส่วนยังไม่ค่อยกระชับ หรือยังออกมาไม่ถูกใจสักเท่าไหร่ และกำลังมองหาเทคโนโลยีที่ปลอดภัย ปราศจากผลข้างเคียง ซึ่งช่วยให้มีรูปร่างและสัดส่วนตรงตามที่ต้องการมากที่สุด นวัตกรรมสลายไขมันด้วยความเย็นมอบผลลัพธ์นั้นให้คุณได้ค่ะ

สลายไขมันด้วยความเย็นได้อย่างไร

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า เทคโนโลยี CoolSculpting Elite ไม่ใช่การรักษาเพื่อลดน้ำหนักค่ะ เพราะวิธีนี้คือการทำให้เซลล์ไขมันตายลงถาวร และค่อย ๆ ถูกกลไกร่างกายกำจัดทิ้งผ่านทางตับ ทำให้ไขมันบริเวณที่ทำหายไป และส่งผลให้สัดส่วนกลับมาขยายใหญ่หรืออ้วนยากกว่าเดิม ต่างจากการควบคุมอาหาร หรือออกกำลังกายที่เป็นเพียงการลดขนาดเซลล์ไขมันให้เล็กลง ไม่ได้ถูกกำจัดทิ้ง ฉะนั้นเซลล์ไขมันจึงสามารถกลับมาขยายใหญ่ได้ง่าย หรือทำให้คุณกลับมาอ้วนได้อีกง่าย ๆ นั่นเองค่ะ

โดยกลไกการทำงานของ CoolSculpting Elite คือการส่งอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และใช้เวลาแช่แข็งเซลล์ไขมันตั้งแต่ 35 – 45 นาที โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเซลล์ข้างเคียงอื่น ๆ จากนั้นร่างกายจะกำจัดเซลล์ไขมันที่ตายแล้วผ่านกลไกธรรมชาติ โดยใช้เวลาตั้งแต่ 1 – 3 เดือน ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละบุคคล ทว่าในระยะนี้คุณจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนที่กระชับขึ้นค่ะ ซึ่งข้อดีใหญ่ ๆ ของการกำจัดไขมันด้วยความเย็นคือ ไม่ต้องเสี่ยงกับการเจ็บตัว เพราะไม่มีการผ่าตัดใด ๆ ฉะนั้นหลังทำการรักษาเสร็จสิ้น สามารถเดินทางกลับได้ทันทีค่ะ นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ไม่ชอบออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร ก็สามารถทำ CoolSculpting Elite ได้เช่นกัน เพียงแต่วิธีนี้อาจไม่เหมาะกับคนที่มีรูปร่างอ้วนมาก ๆ เพราะสลายได้เพียงไขมันชั้นนอกหรือใต้ผิวหนัง ดังนั้นผู้ที่มีไขมันสะสมมากภายในช่องท้อง หรือตามอวัยวะจะเห็นผลไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าต้องการทำ CoolSculpting Elite ต้องอาศัยการออกกำลังกายร่วมด้วยจึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนค่ะ หากคุณต้องการลองกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยความเย็นอย่างปลอดภัย ที่ APEX ยินดีให้คำแนะนำ และบริการอย่างมืออาชีพตลอดการรักษา เพื่อส่งมอบหุ่นสวยกระชับและคืนความมั่นใจแก่คุณค่ะ

 

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter