เคล็ดลับหน้าเด็ก ของวัย 30+ ย้อนอายุผิวด้วย RADIESSE®

 

เคล็ดลับหน้าเด็ก-ของวัย-30+ RADIESSE

การดูแลผิวหน้าเป็นสิ่งสำคัญในทุกวัย แต่เมื่อคุณเข้าสู่วัย 30 ปีขึ้นไป การดูแลผิวหน้ากลับมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น ผิวของคุณอาจเริ่มแสดงอาการของการเสื่อมสภาพ เช่น ริ้วรอย ผิวหย่อน และสภาพผิวที่ไม่มีความกระชับเหมือนเดิม แต่ไม่ต้องห่วงเลยอีกต่อไป! เพราะวันนี้เพ็กซี่มีเคล็ดลับและวิธีการที่ช่วยให้คุณสามารถรักษาผิวหน้าในวัย 30 ปีขึ้นไปให้ดูอ่อนเยาว์และสดใส และ Radiesse ที่เป็นสารเติมเต็มกระตุ้นคอลลาเจนตัวใหม่ เป็นส่วนสำคัญในการย้อนอายุผิวหน้าของคุณได้ ถ้าอยากรู้แล้วว่าเป็นยังไง ไปอ่านกันได้เลยค่ะ

 

สารบัญ

ปัญหาผิวของวัย 30 ปีขึ้นไป

 

30+ พอเข้าสู่เลข 3 ปัญหาในชั้นผิวหนังแท้เริ่มมีมากขึ้นเพราะคอลลาเจน และ อิลาสตินถูกทำลายมากขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับผิวชั้นนอกสุดหรือชั้นหนังกำพร้ามีการผลัดตัวช้าลง ทำให้ผิวดูหยาบกร้านมากยิ่งขึ้น จึงเริ่มเห็นริ้วรอยและความหย่อนคล้อยได้ชัดเจนขึ้น

 

มาถึงวัย 40 ชั้นผิวเริ่มอ่อนแอมากขึ้น ปัญหาผิวได้ลงลึกไปถึงชั้นไขมันโดยมีการเสื่อมสลายไป ไม่หนาแน่นเหมือนในวัยเด็ก ทำให้ผิวเกิดการยุบตัว หรือที่เราบอกว่า Baby Fat หายไป นอกจากนี้ SMAS หรือ เนื้อเยื่อพังผืดที่อยู่ระหว่างชั้นไขมันและกล้ามเนื้อ ซึ่งทำหน้าที่โอบอุ้มผิวให้มีความกระชับได้รูป เริ่มเสื่อมสภาพและอ่อนแรง ทำให้การพยุงผิวแย่ลง รูปหน้าจึงเริ่มหย่อนคล้อย

 

50+ พอเข้าสู่วัยนี้ ปัญหาผิวได้ลงลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ริ้วรอยยิ่งลึก ผิวหนังเริ่มบางลง รูปหน้าเริ่มเปลี่ยน เพราะมีการหย่อนคล้อยมาก โครงสร้างของใบหน้าอย่างกระดูกเกิดการยุบตัวลงตามธรรมชาติ ทำให้บางคนเกิดมีรูปหน้าไม่สมส่วน บางส่วนดูตอบ หรือดูบุ๋มลงไป

 

 

เคล็ดลับหน้าเด็กที่เริ่มได้ด้วยตัวเอง

การดูแลตัวเอง เป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยรักษาผิวให้มีสุขภาพดี ทำให้หน้าเด็กและอ่อนกว่าวัย หมอมี 7 วิธี การดูแลตัวเองง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันมาแนะนำ

 

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

สำหรับคนที่อยากให้หน้าเด็กลง การรับประทานอาหารเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำได้ง่ายมากๆ ค่ะ ควรทานอาหารที่มีประโยชน์ ไขมันดีต่างๆ โอเมก้า 3 วิตามินที่ออกฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (กลุ่มวิตามินเอ อี ซี) และการรับประทานน้ำเปล่าอย่างเพียงพอในแต่ละวัน

 

 

5 อาหารชะลอวัย อยากหน้าเด็ก

 

 

5 อาหารชะลอวัย อยากหน้าเด็ก ต้องกินอะไรบ้าง?

  1. ผักใบเขียว มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงและไม่มีไขมัน ในผักใบเขียวจะมีสารพฤกษเคมีที่ช่วยป้องกันมะเร็ง มีกากใยสูง เหมาะกับการทานเพื่อช่วยลดน้ำหนัก ช่วยชะลอวัย และลดความเสี่ยงในการเกิดโรค
  2. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี แบล็กเบอรี ราสป์เบอร์รี และแครนเบอร์รี ช่วยให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์แข็งแรง
  3. โอเมก้า 3 เป็นสารอาหารที่ร่างกายขาดไม่ได้ แต่ไม่สามารถสร้างเองได้ครับ จึงต้องได้รับจากอาหารที่ทาน เช่น ปลาน้ำลึก อาหารทะเล งาดำ และรำข้าว ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ยืดอายุขัยและชะลอความชรา
  4. ธัญพืชประเภทถั่ว ประกอบไปด้วยวิตามินหลากหลาย และยังมีธาตุเหล็ก วิตามินบี โพแทสเซียม ไขมันอิ่มตัว สารต้านอนุมูลอิสระ และไขมันในถั่วเป็นไขมันดี (Monounsaturated Fat and Polyunsaturated Fat) ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้
  5. หอมและกระเทียม มีสารเควอซิติน (Quercetin) ที่ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย และ Allicin สารอัลลิซิน ซึ่งช่วยต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ

 

 

การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้หน้าเด็กได้ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นจะทำให้การไหลเวียนของเลือดเสื่อมประสิทธิภาพลง ทำให้ผิวไม่เปล่งปลั่ง การออกกำลังกายจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น เลือดสูบฉีด และกระตุ้นการเผาผลาญ แต่ก็ควรออกกำลังกายอย่างพอดี เช่น คาร์ดิโอ และอย่าหักโหมมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้ร่างกายรับภาระหนักและทำให้ใบหน้าดูโทรมได้เช่นกันค่ะ

 

 

สกินแคร์บำรุงผิวหน้า

ถ้าอยากหน้าเด็ก มีหลักการดูแลผิว 3 ข้อ ที่สำคัญครับ คือ ทำความสะอาด ดูแล ป้องกัน ซึ่งในการเลือกผลิตภัณฑ์ควรเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเองเพื่อประโยชน์สูงสุดโดยเฉพาะค่ะ

  1. การทำความสะอาดผิว ต้องเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการแพ้และระคายเคือง
  2. การบำรุง ควรใช้ครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิว และเลือกครีมที่ให้ความชุ่มชื้นเพียงพอ มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ, โคเอนไซม์คิวเท็น หรือสารต้านอนุมูลอิสระ และต้องทาเป็นประจำสม่ำเสมอ
  3. การปกป้องผิว แสงแดดเป็นตัวการทำร้ายเซลล์ผิวที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารป้องกันทั้งรังสี UVA UVB มี SPF มากกว่า 30 และ มีค่า PA +++ ขึ้นไป

 

 

พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยล้า มีรอยหมองคล้ำบนใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา นอกจากนี้ยังทำให้ผิวหย่อนคล้อย เริ่มมีริ้วรอย ดูแก่กว่าอายุ เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ อย่างเพียงพอ ดังนั้นถ้าอยากรักษาให้หน้าเด็กอ่อนเยาว์ เวลาที่เหมาะสมในการนอนหลับคือ 4 ทุ่ม หรือไม่เกินตี 2 เพราะร่างกายจะผลิตโกรทฮอร์โมน ซึ่งเป็นตัวเสริมสร้างโปรตีนและคอลลาเจนใต้ผิวหนัง กล้ามเนื้อ รวมถึงหลั่งสารต้านอนุมูลอิสระ

 

เคล็ดลับหน้าเด็กแบบเร่งด่วนด้วยวิธีทางการแพทย์

สำหรับใครที่คิดว่าการดูแลตัวเองแบบทั่วๆ ไปไม่เพียงพอ เพ็กซี่มีตัวช่วยตัวใหม่จะมาแนะนำ วิธีที่ช่วยให้หน้าดูเด็กลงโดยการพึ่งพาเทคโนโลยี ซึ่งที่จะมาแนะนำก็คือ Radiesse ซึ่งจะช่วยลดริ้วรอยที่เป็นจุดบ่งบอกอายุได้อย่างรวดเร็วและจะเห็นผลลัพธ์ได้ดีกว่าและชัดเจนกว่าทาครีมทั่วไปค่ะ

 

 

Regenerative Biostimulator

 

 

RADIESSE® เป็นสารเติมเต็มกระตุ้นที่ใช้สำหรับเสริมความยืดหยุ่นและลดริ้วรอยในผิวหน้า มันประกอบด้วยสารที่มีแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ หรือ ‘คาห้า’ (CaHA: Calcium Hydroxylapatite) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับการอนุมัติจาก FDA ในการปรับปรุงความเยื้องยืดของผิว การฉีด RADIESSE® จะช่วยให้ผิวดูดีขึ้นทันทีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว ผลิตภัณฑ์นี้มีความยืดหยุ่นดีและมีประสิทธิภาพในการลดริ้วรอย, ปรับรูปหน้า, และยกกระชับผิวหน้า

 

ย้อนผิวปังครั้งเดียวจบ! ข้อดีของ RADIESSE®

 

  • Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติผู้ใช้บริการจึงไม่ต้องกลัวว่า Radiesse จะเกิดการตกค้างหลงเหลืออยู่บริเวณใต้ชั้นผิวหนัง
  • Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้เนื่องจากได้รับการรับรองความน่าเชื่อถือจาก อย. ถึงกว่า 3 หน่วยงาน ทั้ง EU,US และ TH FDA และยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ US FDA 
  • Radiesse ยังถูกใช้งานโดยแพทย์ทั่วโลกมาแล้วนานกว่า 20 ปี และมีผลงานวิจัยรองรับในตัวผลิตภัณฑ์ Radiesse ถึงมากกว่า 250 ฉบับ ทั้งยังได้รับความนิยมจากทั่วทั้งโลกการันตีจากยอดใช้ 15 ล้านไซริงจากการใช้งานทั่วทั้งโลก
  • Radiesse ใช้ฉีดบริเวณใบหน้าส่วนกลาง (Middle Face) และใบหน้าส่วนล่าง (Lower Face) ร่วมทั้งส่วนอื่นๆ เช่น มือ หรือเนินอก โดยทำการรักษาโดยประมาณต่อหนึ่งครั้งประมาณ 30   นาทีถึง 60 นาทีขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา

 

Regenerative Biostimulator การกระตุ้นการสร้าง เส้นใยตาข่ายผิวใหม่

 

 

จุดเด่นของ RADIESSE®

  • Radiesse ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้งาน เนื่องจาก Radiesse มาในรูปแบบเจลที่อยู่ในสภาพพร้อมฉีด (Pre-filled syringe)
  • Radiesse ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมียอดขายกว่า 15 ล้านไซริงค์ทั่วทั้งโลก
  • Radiesse มีความปลอดภัยสูงมั่นใจได้ เนื่องจากแพทย์ทั่วโลกใช้ Radiesse ในการรักษากันมากนานกว่า 20 ปี ทั้งยังมีงานวิจัยรองรับอีกกว่า 250 ฉบับ
  • Radiesse วางใจได้เนื่องจาก Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการการันตี ถึง 3 อย. EU US และ TH FDA ทั้งยังได้ อย. ในด้านการฉีดมือโดยเฉพาะอีกด้วย
  • Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความชอบและความถูกใจจากผู้ใช้งานจริงถึง 90% จากผลสำรวจหลังการใช้ 1 ปี

 

 

RADIESSE มอบ 3 ผลลัพธ์ที่ยาวนาน

 

 

คุณสมบัติเด่นของ RADIESSE®

  • Strong Structural Skin เสริมความแข็งแรงถึงชุดโครงสร้างรอบเซลล์ผิว พร้อมเติมเต็มให้ผิวอิ่มฟู เป็นธรรมชาติ
  • Profound Rejuvenation ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนในเนื้อเยื่อผิวหนังให้ยืดหยุ่น กระชับ ลดริ้วรอย ลดความหย่อนคล้อยจากมลภาวะและความชรา
  • Cell Regenerative Stimulation กระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ใต้ผิวให้เต็มฟู กระจ่างใสและมีสุขภาพดี

 

 

บริเวณที่ควรทำการรักษาด้วย RADIESSE®

  • Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ริ้วรอยตื้นๆ บริเวณ ใบหน้า
  • Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาความเหี่ยวย่นบริเวณ หลังมือ
  • Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาในการปรับรูปหน้าให้ดูยกกระชับมากขึ้น
  • Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาเรื่องความเหี่ยวย่นบริเวณ คอ เนินอกสำหรับผู้หญิง
  • Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหารอยแผลเป็น ร่อง หรือหลุม ที่เกิดจากปัญหาผิว เช่นสิว
  • Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาร่องแก้มลึก หรือลดร่องน้ำหมาก
  • Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาริ้วรอย ที่อยู่เหนือบริเวณเหนือริมฝีปากบน

 

RADIESSE® กับ Sculptra ต่างกันอย่างไร?

 

RADIESSE® กับ Sculptra ต่างกันอย่างไร? RADIESSE® สารเติมเต็มที่ใช้สำหรับเสริมความยืดหยุ่นและลดริ้วรอยในผิวหน้า มันประกอบด้วยสารที่เรียกว่า Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับการอนุมัติจาก FDA เพื่อสร้างผลลัพธ์ทันทีและกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาวนานประมาณกว่า 2 ปี Sculptra เป็นสารเติมเต็มที่ใช้สาร poly-L-lactic acid (PLLA) เป็นส่วนประกอบหลัก โดย Sculptra ไม่ให้ผลลัพธ์ทันทีเหมือน RADIESSE® แต่มันทำงานโดยกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ผลลัพธ์ของ Sculptra จะเห็นได้ช้ากว่าแต่มีความทนทานและยืดหยุ่นมากยาวนานมากถึง 2 ปี

 

 

RADIESSE® สารเติมเต็มที่ใช้สำหรับเสริมความยืดหยุ่นและลดริ้วรอยในผิวหน้า มันประกอบด้วยสารที่เรียกว่า Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับการอนุมัติจาก FDA เพื่อสร้างผลลัพธ์ทันทีและกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาวนานประมาณกว่า 2 ปี

 

Sculptra เป็นสารเติมเต็มที่ใช้สาร poly-L-lactic acid (PLLA) เป็นส่วนประกอบหลัก โดย Sculptra ไม่ให้ผลลัพธ์ทันทีเหมือน RADIESSE® แต่มันทำงานโดยกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ผลลัพธ์ของ Sculptra จะเห็นได้ช้ากว่าแต่มีความทนทานและยืดหยุ่นมากยาวนานมากถึง 2 ปี

 

 

การเตรียมตัวก่อนทำ-RADIESSE_0 การดูแลตัวเองก่อนฉีด RADIESSE® ควรงดการรับประทานยาที่ก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด จำพวกยากลุ่ม NSAIDs หรือแอสไพริน หรืออาหารเสริมจำพวกกิงโกะ ควรแจ้งประวัติให้แพทย์ทราบโดยละเอียดว่ามีอาการแพ้อะไรหรือไม่ ควรงดสคลับผิว หรือใช้ยารวมทั้งครีมผลัดเซลล์ผิว เพื่อป้องกันการเกิดการอักเสบ หลังจากทำก่อนทำโปรแกรม Radiesse

 

 

การดูแลตัวเองก่อนฉีด RADIESSE®

  • ก่อนทำ Radiesse ควรงดการรับประทานยาที่ก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด จำพวกยากลุ่ม NSAIDs หรือแอสไพริน หรืออาหารเสริมจำพวกกิงโกะ
  • ก่อนทำ Radiesse  ควรแจ้งประวัติให้แพทย์ทราบโดยละเอียดว่ามีอาการแพ้อะไรหรือไม่
  • ก่อนทำ Radiesse ควรงดสคลับผิว หรือใช้ยารวมทั้งครีมผลัดเซลล์ผิว เพื่อป้องกันการเกิดการอักเสบ หลังจากทำก่อนทำ Radiesse 

 

 

การดูแลตัวเองหลังฉีด RADIESSE® ควรลดกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังหรือต้องออกแรงมากๆ ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดหรือการโดนความร้อนเป็นเวลาประมาณ 24 ชั่วโมงหลังการรักษา หลังทำจะมีรอยแดงหรืออาการบวม ไม่ควรออกแรงหรือโดนความร้อนในบริเวณนั้นจนกว่ารอยแดงและอาการบวมดังกล่าวจะหายไป

 

 

การดูแลตัวเองหลังทำการฉีด RADIESSE®

  • หลังทำการฉีด Radiesse ควรลดกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังหรือต้องออกแรงมากๆ
  • หลังทำการฉีด Radiesse ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดหรือการโดนความร้อนเป็นเวลาประมาณ 24 ชั่วโมงหลังการรักษา
  • หลังทำการฉีด Radiesse จะมีรอยแดงหรืออาการบวม ไม่ควรออกแรงหรือโดนความร้อนในบริเวณนั้นจนกว่ารอยแดงและอาการบวมดังกล่าวจะหายไป

 

RADIESSE® คงผลลัพธ์อยู่ใต้ผิวได้นานเท่า?

Radiesse สามารถคงผลลัพธ์ใต้ผิวได้นาน 2 ปี หรือนานกว่า ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา และร่างกายของแต่ละบุคคล

 

RADIESSE® เห็นผลลัพธ์หลังฉีดเมื่อใด?

หลังฉีด Radiesse จะเห็นผลหลังฉีดเรื่องริ้วรอยทันทีหลังทำ เนื่องจากปริมาณ เนื้อของตัวยาที่ทำการฉีดเข้าไป แต่ตัวยาจะค่อยๆ ออกฤทธิ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใต้ผิวในระยะยาว

 

 

RADIESSE-เหมาะกับใคร(1)_0 เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่น สุขภาพผิวไม่ดี ขาดการบำรุง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สภาพผิวแย่กว่าอายุที่ควรจะเป็น เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด ผู้ที่มีผิวหนังขาดความชุ่มชื้น หมองคล้ำ ผู้ที่มีใบหน้าขาดวอลลุ่ม เช่น ใต้ตาโหลลึก ขมับตอบ ใครก็ตามที่มีร่องลึกต่างๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นรอบปาก ผู้ที่มีผิวขาดวอลุ่ม จากการสูญเสียไขมันและคอลลาเจนตามร่างกาย เช่น หลังมือ และขมับ

 

 

RADIESSE® เหมาะกับใคร 

  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่น สุขภาพผิวไม่ดี ขาดการบำรุง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สภาพผิวแย่กว่าอายุที่ควรจะเป็น 
  • เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด
  • ผู้ที่มีผิวหนังขาดความชุ่มชื้น หมองคล้ำ
  • ผู้ที่มีใบหน้าขาดวอลุ่ม เช่น ใต้ตาโหลลึก ขมับตอบ
  • ใครก็ตามที่มีร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นรอบปาก
  • ผู้ที่มีผิวขาดวอลุ่ม จากการสูญเสียไขมันและคอลลาเจนตามร่างกาย เช่น หลังมือ และขมับ

 

ใครบ้างไม่เหมาะกับการฉีด RADIESSE® ?

Radiesse ไม่เหมาะกับบุคคลที่มีโรคเลือดออกง่าย

Radiesse ไม่เหมาะกับบุคคลที่แพ้ส่วนประกอบใดๆ ของผลิตภัณฑ์

Radiesse ไม่เหมาะกับบุคคลที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

Radiesse ไม่เหมาะกับบุคคลที่มีประวัติการแพ้อย่างรุนแรง

 

 

ข้อควรระวังในการใช้ RADIESSE® มีอะไรบ้าง?

  • ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่ฉีด สิวเป็นหนอง หรือเป็นแผลควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีด Radiesse 
  • หากต้องการฉีด Radiesse บริเวณริมฝีปากและบริเวณรอบดวงตาควรปรึกษาแพทย์ตามความเหมาะสมและควรใช้บริการแพทย์ที่มีฝีมือในการทำการฉีด
  • หากผู้เข้ารับบริการมีความจำเป็นต้องทำ X-rays หรือ CT Scans ควรแจ้งแพทย์ที่ทำการดูแลว่าได้รับการบริการ Radiesse มา
  • หากมีประวัติของโรคเริมควรแจ้งแพทย์ผู้เกี่ยวข้องการทำการฉีด Radiesse 
  • หากผู้เข้ารับบริการกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาจำพวกก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด อาทิ แอสไพริน วาร์ฟาริน อาจทำให้เกิดอาการเลือดออก หรือรอยช้ำหลังทำการฉีด Radiesse ได้ควรรับแจ้งแพทย์ให้ทราบ
  • หากมีประวัติเกิดแผลคีลอยด์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเช่นกัน

 

การดูแลผิวหน้าในวัย 30+ นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเป็นผิวที่คอลลาเจนผลิตได้น้อยลง ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนเหมือนแต่กิน นอกจากจะดูแลด้วย Routine ของตัวเองแล้วอย่างการดูแลผิวด้วยครีมบำรุง หรือ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว อีกหนึ่งเคล็ดลับที่เพ็กซี่อยากจะแนะนำให้ฉีด RADIESSE® เป็นอีกหนึ่งตัวที่ช่วยบำรุงผิวย้อนอายุผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และสดใส เพื่อให้ผิวหน้าสวยงามและมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นค่ะ

 

สนใจนัดจองคิวหรือปรึกษาเพิ่มเติม ทักก่อนสวยก่อนใครได้ที่ ✨✨ 

📞 085-​0000855

🟣 Line OA : @apexlifting  (มี @ นำหน้าด้วยนะคะ)

🟣 คลิก https://lin.ee/nxtKNtl

🟣 Facebook : Apex Profound Beauty

🟣 Inbox : https://www.facebook.com/ApexProfoundBeauty/inbox

🟣 IG : apexbeauty

APEX ของเรามีพร้อมทั้งเครื่องมือที่ทันสมัยและผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการนะคะ

 

 

 

#Apex #apexmedicalcenter #เอเพ็กซ์ #เอเพ็กเมดิคอลเซ็นเตอร์ #เสริมความงาม #คลินิกฉีดผิว #RADIESSE #RADIESSEที่แรกในไทย #RADIESSEต้องAPEX #RADIESSEต้องเอเพ็กซ์ #RADIESSE คืออะไร # biostimulator #ความอ่อนเยาว์ที่แท้จริง #ผิวกระชับ #ริ้วรอย #ความอ่อนเยาว์ #ผิวเด็ก #คอลลาเจน #ลดริ้วรอย #มือเหี่ยว #ความเหี่ยวย่น #ผิวแห้ง #ผิวหย่อนคล้อย #รูขุมขนกว้าง #ร่องแก้ม

 

#Apex #apexmedicalcenter #เอเพ็กซ์ #เอเพ็กเมดิคอลเซ็นเตอร์ #เสริมความงาม #คลินิกฉีดผิว #RADIESSE #RADIESSEที่แรกในไทย #RADIESSEต้องAPEX #RADIESSEต้องเอเพ็กซ์ #RADIESSE คืออะไร # biostimulator #ความอ่อนเยาว์ที่แท้จริง #ผิวกระชับ #ริ้วรอย #ความอ่อนเยาว์ #ผิวเด็ก #คอลลาเจน #ลดริ้วรอย #มือเหี่ยว #ความเหี่ยวย่น #ผิวแห้ง #ผิวหย่อนคล้อย #รูขุมขนกว้าง #ร่องแก้ม