แชร์แผ่นมาส์กสุดฮิต ใช้แล้วหน้าวีเชฟ

ดึงหน้าตึง

ปัจจุบันทรงหน้าวีเชฟเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะเป็นทรงที่เรียวสวย หน้าดูเล็ก ดูผอม ทำให้หลาย ๆ คนอยากได้รูปหน้าทรงวีเชฟ ในอดีตการที่จะได้รูปหน้าวีเชฟนั้น คงต้องพึ่งมือหมอเพื่อทำการ ดึงหน้าตึง แต่ปัจจุบัน มีอุปกรณ์มากมายจะทำให้หน้าวีเชฟได้ นั้นก็คือมาส์ก จะมีมาส์กแบบไหนบ้าง มาแชร์ให้ดูกันค่ะ 

 

  1. มาส์กหน้าวีเชฟ พร้อมการบำรุง เป็นแผ่นมาส์กมาในซองพร้อมกับเซรั่มเพื่อการบำรุง ซึ่งส่วนมากจะใส่ส่วนผสมที่ช่วยให้กระชับผิวหน้ามาด้วย เช่น Caffeine ช่วยในการเผาผลาญของผิว, Glaucine ช่วยในการยกกระชับ, คอลลาเจน ทำให้ผิวยืดหยุ่น สุขภาพดี โดยแผนมาส์กจะมีความยืดหยุ่น ใช้บริเวณกรอบหน้าถึงคาง โดยต้องใส่ไว้ประมาณ 60 – 90 นาที
    มาส์กลักษณะแบบนี้จะช่วยบำรุงบริเวณกรอบหน้าและคาง ซึ่งบางครั้งเราอาจบำรุงไม่ถึง ถ้าได้การมาส์กหน้าวีเชฟ พร้อมการบำรุงมาช่วยเสริม จะได้ทั้งบำรุงและกระชับกรอบหน้าพร้อมกัน นอกจากจะช่วยกระชับบริเวณกรอบหน้าแล้วก็ยังกระชับบริเวณเหนียงของเราได้ด้วย

 

  1. มาส์กแผ่น พร้อมอุปกรณ์มาส์กวีเชฟ มาส์กลักษณะนี้จะมาพร้อมกับอุปกรณ์ในการรัดใบหน้า มีรูปทรงเหมือนหมวก รัดพร้อมกับแผ่นบำรุงที่มีมาให้ โดยแผ่นมาส์กบำรุงจะมีส่วนผสมที่ช่วยในการเผาผลาญ ทำการละลายไขมันบริเวณกรอบหน้าและคาง
    วิธีใช้คือนำมาส์กแผ่นที่มีบำรุง วางบริเวณกรอบหน้าและคาง และใช้อุปกรณ์รัดหน้ามา ใส่ โดยมาส์กทิ้งไว้ประมาณ 40 – 60 นาที หน้าจะมีความวีเชฟขึ้นแล้ว

 

  1. มาส์กใบหน้า และคาง มาส์กลักษณะนี้ จะมาพร้อมกันใน 1 ซอง แต่จะแบ่งส่วนกัน โดยมาส์กบริเวณคาง จะมีลักษณะคล้าย ๆ กับแบบที่ 1 แต่มีความบางกว่า และมาส์กใบหน้า ซึ่งทั้งสองมีส่วนผสมที่ช่วยกระชับผิวหน้าคล้ายกัน นอกจากจะได้กระชับบริเวณกรอบหน้าและคาง ทำให้หน้าได้รูปวีเชฟแล้ว ยังช่วยกระชับริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าด้วย เช่นรอยบริเวณหน้าผาก รอยร่องแก้ม หรือรอยตีนกา มาส์กลักษณะแบบนี้ช่วยลดระยะเวลาในการมาส์กลง เพราะมาส์กลักษณะที่ 1 และ 2 เป็นการมาส์กเฉพาะคางเท่านั้นทำให้บริเวณหน้ายังไม่ได้รับการบำรุง อาจต้องมาส์กบำรุงใบหน้าอีกครั้ง แต่ถ้าเราได้มาส์กทั้งหน้าและคางพร้อมกัน จะไม่ต้องเสียเวลามาส์ก 2 รอบ นั่นเอง

 

มาส์กหน้าวีเชฟ ช่วยหน้าเรียวได้จริงไหม ?

การมาส์กหน้าวีเชฟสามารถช่วยได้จริง แต่ไม่ได้วีเชฟตลอดไป เพราะเป็นการรัดให้รูปหน้ายกขึ้น จึงทำให้ดูหน้าเรียววีเชฟขึ้น และช่วยลดรอยหย่อนคล้อยได้เล็กน้อย เพราะมีส่วนผสมต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผิวหน้ากระชับ ลดริ้วรอย ต่าง ๆ แต่ถ้าอยากมีรูปหน้าวีเชฟแบบไม่ต้องพึ่งมาส์ก เราก็มีวิธีอื่นแนะนำ อาจต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลายวิธี 

 

  1. การฉีด Botox ถือเป็นวิธีที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะง่าย เห็นผลเร็ว ไม่ต้องผ่าตัด โดย Botox จะไปทำให้กล้ามเนื้อกราม ทำให้หน้ากระชับ และเล็กลง ซึ่งการฉีด Botox จะเห็นผลประมาณ 1 เดือน และคงทนอยู่ประมาณ 6 – 8 เดือน อาจจะกลับมาเหมือนเดิม
    นอกจาก Botox สามารถฉีดบริเวณกรามได้แล้ว ยังสามารถฉีดบริเวณริ้วรอยอื่นได้ด้วย เช่น หน้าผาก รอยตีนกา  ริ้วรอยรอบบริเวณดวงตา ปาก

 

  1. ฉีด Filler การฉีด Filler เป็นการฉีดเพิ่มเติมเต็มในส่วนที่ต้องการ เช่น ฉีดบริเวณร่องแก้ม หน้าผาก ใต้ตา โดยวิธีทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น ควรฉีดบริเวณคางให้รูปคางยาวขึ้น เพื่อเข้ารับกับทรงกราม 

โดย Filler มี 3 ประเภทหลัก ๆ ด้วยกัน

  • Filler แบบชั่วคราว อยู่ได้ 6 เดือน – 2 ปี สามารถสลายตัวเองได้ตามธรรมชาติ มีความปลอดภัย เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
  • Filler แบบกึ่งถาวร สามารถอยู่ได้ 2 – 5 ปี มีความปลอดภัยรองลงมาจากแบบแรก และยังไม่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย เนื่องจากอาจจะมีผลข้างเคียง และแก้ไขได้ยาก
  • Filler แบบถาวร เป็นสารเติมเต็ม อยู่คงทนถาวร แต่ ! ไม่สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ เมื่อระยะเวลาผ่านไป ฟิลเลอร์อาจจะไหล หรือย้อย ทำให้ผิดรูป รูปทรงคางที่สวย อาจจะไม่สวยอีกต่อไป ถ้าต้องการแก้ไขนำฟิลเลอร์ประเภทที่ 3 ออก จะนำออกได้ยาก หรือถ้านำออกก็อาจยังตกค้างอยู่ในร่างกายเรา

 

  1. Meso Fat เมโสแฟตจะช่วยปรับรูปหน้าสำหรับผู้ที่มีไขมันบริเวณคาง หรือใต้คาง ทำให้หน้าวีเชฟขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันบริเวณคาง หรือใต้คาง นอกจากฉีดละลายไขมันบริเวณใต้คางแล้ว ยังสามารถฉีดบริเวณอื่นได้ เช่น แขน ต้นขา แก้ม และไขมันส่วนเกินบนใบหน้า จะเห็นผลหลังจากฉีดไปแล้ว 2 – 4 สัปดาห์ อยู่ได้ 2 เดือน สามารถฉีดซ้ำได้

 

4. ร้อยไหม การร้อยไหม คือการนำเส้นไหมทางการแพทย์ที่สามารถละลายเองได้ตามธรรมชาติ สามารถดึงใบหน้า ทำให้รูปหน้ากระชับ และดูวีเชฟขึ้นได้ เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการให้รูปหน้ากระชับ วีเชฟ แก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อย ช่วยลดริ้วรอย โดยไม่ต้องผ่าตัด และเห็นผลได้รวดเร็ว มีอายุอยู่ได้ 4 เดือน – 2 ปี ในช่วงเวลา 6 เดือน – 8 เดือน ไหมจะหลุดออก อาจทำให้ผิวหน้ากลับมาหย่อนคล้อยเหมือนเดิม

 

  1. การศัลยกรรมดึงหน้า ในปัจจุบันมีเทคนิคหลายแบบ โดยยกมา 2 แบบด้วยกัน คือ การผ่าตัดดึงหน้าแบบเดิม และ การผ่าตัดดึงหน้าส่องกล้อง

 

การผ่าตัดดึงหน้าตึงแบบเดิม


เป็นการผ่าตัดบริเวณหน้าหูไปจนถึงบริเวณท้ายทอย ทำให้อาจจะเห็นแผลได้ถ้าหากผู้ศัลยกรรมผมสั้น การผ่าตัดจะทำการเปิดผิวหนังเพื่อดึงยกกระชับใบหน้า หากผู้ศัลยกรรมมีไขมันส่วนเกิน ศัลยแพทย์จะทำการดูดไขมันออกก่อน เพราะเป็นต้นเหตุของการทำให้หน้าหย่อนคล้อย เมื่อดูดเรียบร้อย จึงทำการดึงผิวชั้น SMAS แล้วทำการตัดหนังส่วนเกินออกก่อน จึงเย็บเข้าหากัน อาจมีรอยแผลที่ใหญ่ และอาการเจ็บที่มากกว่าการผ่าตัดส่องกล้อง

 

ดึงหน้า

 

การผ่าตัดดึงหน้าส่องกล้อง


เป็นเทคนิคการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าจาก เกาหลี ที่นิยมเป็นอย่างมาก ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ทำให้แผลเล็ก สังเกตได้ยาก โดยการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าส่องกล้อง หรือเรียกว่า Endoscopic Endotine Face&Neck Lift จะทำการผ่าตัดลักษณะคล้ายกับการผ่าตัดดึงหน้าแบบเดิม คือการผ่าตัดบริเวณหน้าหูและหลังหู แต่จะไม่ผ่าตัดจนถึงบริเวณท้ายทอย ทำให้ไม่มีแผลที่สามารถสังเกตเห็นได้ โดยต้องใช้ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยกรรม ที่มีความเข้าอกเข้าใจในผู้ศัลยกรรม และให้ความสำคัญกับแผลที่อาจก่อให้เกิดการเสียความมั่นใจในผู้ศัลยกรรม การใช้เทคนิค Endoscopic Endotine จึงเหมาะกับผู้ศัลยกรรมที่ต้องการแผลเล็ก หรือสังเกตเห็นได้ยาก การผ่าตัดลักษณะนี้จะทำการดึงหน้าด้วยวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ แต่ยังคงทนอยู่ได้ยาวนาน 7 ปี เมื่ออายุมากขึ้นจะมีการหย่อนคล้อยกลับมา ซึ่งสามารถทำซ้ำได้ เพื่อชะลอความหย่อนคล้อยและล็อคความอ่อนเยาว์ไว้

 

ศัลยกรรมด้วยเทคนิค Endoscopic Endotine Face&Neck Lift ดีอย่างไร ?

ดึงหน้า

การศัลยกรรมด้วยเทคนิค Endoscopic Endotine Face&Neck Lift เป็นการศัลยกรรม ดึงหน้าตึง Face Lift ที่นิยมใน เกาหลี ซึ่งถ้าพูดถึงประเทศเกาหลีทุกคนก็คงจะนึกถึงประเทศที่หลาย ๆ คนอยากไปเพื่อทำศัลยกรรม เนื่องจากมีเทคนิคการศัลยกรรมที่ทันสมัยและมีความธรรมชาติ ผู้ศัลยกรรมหลายคนจึงนิยมบินไกลไปศัลยกรรมที่เกาหลี แต่ ปัจจุบัน APEX ได้นำเทคนิคนั้นมาไว้ที่ไทย ไม่จำเป็นต้องบินไกลไปถึงเกาหลี ก็สามารถทำศัลยกรรมด้วยเทคนิคเกาหลีได้ที่ APEX แล้ว ซึ่งการทำศัลยกรรมดึงหน้า Face Lift ด้วยเทคนิค Endoscopic Endotine Face&Neck Lift จะช่วยให้หน้าที่หย่อนคล้อย มีริ้วรอย กลับมาดูเต่งตึง เหมือนวัยรุ่นอีกครั้ง และให้ความธรรมชาติ โดยการผ่าตัดแบบ Endoscopic Endotine Face&Neck Lift จะทำการผ่าตัดบริเวณหน้าหูและหลังหูใช้เทคนิคส่องกล้องเข้าไปผ่าตัดดึงหน้าในส่วนที่ลึกที่สุด เพื่อให้การดึงหน้าอยู่ได้ยาวนานยิ่งขึ้น และการผ่าตัดแบบส่องกล้องทำให้เกิดแผลขนาดเล็ก สังเกตเห็นได้ยาก และเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือน วัสดุที่ใช้ในการผ่าตัดจะสลายหายไปตามธรรมชาติ ผู้ที่กังวลสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย หมดกังวลได้เลย 

 

การทำศัลยกรรม ดึงหน้าตึง Face lift เทคนิค Endoscopic Endotine Face&Neck Lift เหมาะกับผู้ที่ต้องการดึงกระชับใบหน้าและบริเวณคอ ซึ่งทำคู่กัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มีปัญหาล่องแก้มลึก แก้มหย่อนคล้อย ริ้วรอยบริเวณคอ และผู้ที่น้ำหนักลดหรือขึ้นรวดเร็วทำให้เกิดไขมันส่วนเกินที่ใบหน้า จึงต้องแก้ไขด้วยการดึงหน้า 

 

นอกจากการทำ Face Lift ด้วยเทคนิค Endoscopic Endotine Face&Neck Lift แล้วยังมี Endoscopic Endotine Brow Lift ซึ่งเป็นการดึงหน้าบริเวณคิ้วและหน้าผาก เป็นการแก้ไขปัญหา ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก โดยปรกติจะทำการฉีด Botox เพื่อแก้ไขจุดนี้กัน แต่อาจจะมีอายุเพียงไม่นานก็กลับมามีริ้วรอยเหมือนเดิม แต่การ Endoscopic Endotine Brow Lift จะทำให้ริ้วรอยหายไปได้นานกว่า สามารถอยู่ได้ 7 – 10 ปี และยังช่วยแก้ปัญหาส่วนอื่นด้วย เช่น ผู้ที่มีปัญหาคิ้วและตาชิดกัน หางตาตก ริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ซึ่งการผ่าตัดเทคนิค Endoscopic Endotine Brow Lift จะทำการผ่าตัดบริเวณเหนือหน้าผาก โดยใช้การส่องกล้อง จึงไม่เป็นแผลกว้าง ร่วมกับหมุดชนิดพิเศษที่ทำขึ้นเฉพาะใช้ในทางการแพทย์ สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงไม่มีวัสดุที่แปลกปลอมตกหล่นอยู่ในร่างกายแน่นอน การผ่าตัดด้วยการส่องกล้องจะทำให้แผลเล็ก และศัลยแพทย์จะทำการซ่อนแผลให้อยู่ในจุดที่สังเกตได้ยาก ผู้ที่กังวลเรื่องแผลเป็น สามารถวางใจได้แน่นอนค่ะ

 

ทำศัลยกรรม ดึงหน้าตึง Face Lift ด้วยเทคนิค Endoscopic Endotine Face&Neck Lift หรือ Brow lift จะช่วยแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ ที่อาจทำลายความมั่นใจของเรา เช่นริ้วรอย รอยเหี่ยวหย่น ความหย่อนคล้อย ซึ่งเราไม่สามารถหลีกหนีได้ เนื่องจากมีอายุมากขึ้น สิ่งเหล่านี้ตามมาเป็นเรื่องธรรมชาติ การทำศัลยกรรมดึงหน้า เทคนิค Endoscopic Endotine จึงมาช่วยทำให้ใบหน้าเราดูเด็กขึ้น สดใสขึ้น รูปหน้าเรียว ตาที่ดูตกก็ยกขึ้น คิ้วยก ริ้วรอยต่าง ๆ ที่ทำลายความมั่นใจ กลับมามั่นใจได้อีกครั้ง ซึ่งการทำศัลยกรรมดึงหน้า Endoscopic Endotine มีอายุคงทนยาวนาน 7 – 10 ปี จึงไม่ต้องทำหลายครั้ง ทำครั้งเดียวสามารถอยู่ได้ยาวนาน ผ่านไปแล้ว 10 ปี สามารถกลับมาทำอีกครั้งได้โดยไม่มีผลเสีย และเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่ไม่ตกค้างในร่างกาย สามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ

 

วิธีเตรียมตัวก่อนการทำศัลยกรรมดึงหน้า

 

– เข้าปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อปรึกษาและรับคำแนะนำ เพื่อให้การศัลยกรรมออกมาได้อย่างมีประสิทธิและตรงตามความต้องการของผู้ศัลยกรรมมากที่สุด

– แจ้งโรคประจำตัวและยาที่ต้องทานเป็นประจำ เพื่อให้ศัลยแพทย์สามารถเตรียมแผนการผ่าตัดที่เหมาะสมและมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อผู้ศัลยกรรม

– งดดื่มน้ำ และอาหารก่อนการผ่าตัด 6 – 8 ชั่วโมง เนื่องจากการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าใช้วิธีวางยาสลบ อาจเกิดการสำลักอาหาร จึงจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้เกิดการสำลักอาหารในระหว่างผ่าตัดศัลยกรรม

– งดรับประทานยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบ เนื่องจากยาในกลุ่ม แอสไพริน ที่มีส่วนช่วยให้เลือดไหลเวียน ทำให้เลือดแข็งตัวได้ช้า เพื่อการผ่าตัดที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยจึงควรงดรับประทาน

– งดรับประทานอาหารเสริมและวิตามิน สมุนไพรต่าง ๆ 1 – 2 สัปดาห์ เพราะอาจช่วยให้เลือดไหลเวียน หยุดช้าลง ควรงดเพื่อความปลอดภัยของผู้ศัลยกรรม

– งดดื่มแอลกอฮอล์และงดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์ แอลกอฮอล์และบุหรี่สามารถทำให้แผลศัลยกรรมอักเสบ ติดเชื้อ แผลหายช้า และการฟื้นฟูร่างกายช้าลง

– งดการแต่งหน้า ทำเล็บ อาจทำให้แผลติดเชื้อ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดบริเวณใบหน้า จึงควรงดเพื่อความปลอดภัยของผู้ศัลยกรรม

– หากผู้ศัลยกรรมอายุมากกว่า 50 ปีขึ่นไป อาจต้องมีการตรวจสุขภาพเพิ่มเติม เพื่อความปลอดภัยของผู้ศัลยกรรมระหว่างการผ่าตัด

 

วิธีดูแลตัวเองหลังจากทำการศัลยกรรมดึงหน้า Endoscopic Endotine

 

– ประคบเย็นบริเวณใบหน้าเพื่อลดอาการบวมช้ำ อย่างน้อย 2 – 3 วัน หลังจากวันผ่าตัดศัลยกรรม และประคบเย็นต่อเนือง 1 – 2 สัปดาห์ ในช่วงเวลากลางคืน

– งดรับประทานอาหาร หมัก ดอง เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบต่อแผลศัลยกรรม อาจทำให้แผลหายช้า

– งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เนื่องจากแอลกอฮอล์และบุหรี่ อาจจะทำให้แผลผ่าตัดอักเสบ หรือเสี่ยงติดเชื้อ

– รับประทานยาที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด เข้าพบหมอตามนัด เพื่อติดตามผล 

 

สำหรับผู้ที่ทำศัลยกรรมดึงหน้า Endoscopic Endotine Face&Neck Lift

 

– รัดใบหน้าด้วยผ้ารัดใบหน้า หลังจากการทำศัลยกรรมดึงหน้า 3 – 5 วันขึ้นไป เพื่อยกกระชับใบหน้าให้คงที่ และรัดผ้ารัดใบหน้าต่อเนืองเป็นเวลา 1 เดือน ในช่วงเวลากลางคืน

– รับประทานอาหารอ่อน เพื่อลดการกระทบการเทือน อย่างน้อย 1 – 2 สัปดาห์ เนื่องจากอาจส่งผลต่อแผลศัลยกรรม

 

การศัลยกรรมดึงหน้าเทคนิค Endoscopic Endotine Face&Neck Lift และ Endoscopic Endotine Brow Lift ต้องมีการปรึกษาและรับคำแนะนำก่อนการทำศัลยกรรม เพื่อการศัลยกรรมที่เหมาะสมและพึงพอใจต่อผู้ศัลยกรรมมากที่สุด APEX มีศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและคำแนะนำด้านการศัลยกรรมดึงหน้า และเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมห้องผ่าตัดที่ผ่านการรับรอง JCI จึงปลอดภัยแน่นอนค่ะ  

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ ดึงหน้าตึง Endotine

โทร : 0888-7000-39 , 0888-7000-16
LINE@ ID : @APEXSURGERY
หรือคลิก http://line.me/ti/p/%40apexsurgery