สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้หลายๆ คน เลือกที่จะกินยาแก้แพ้ให้มันจบๆ ไปแทนการรักษาอย่างถูกวิธี ทำกันเป็นวัฏจักร ที่เริ่มมีอาการแพ้เมื่อไหร่ก็เพียงแค่หยิบยามาทาน แต่ไม่เคยตรวจหาเลยว่าจริงๆ แล้วตัวเองแพ้อะไรบ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วการทานยา ถือว่าเป็นการรักษาที่ปลายเหตุ เพราะยาที่ทานนั้นจะทำได้เพียงแค่บรรเทาอาการเท่านั้น
ผื่นแพ้เกิดจากอะไร?
โรคผื่นแพ้สัมผัส คือ โรคผื่นผิวหนังที่ก่อให้เกิดการอักเสบและอาการคัน โดยเป็นปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายที่มีต่อสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือสารก่อภูมิแพ้ต่อผิวหนัง
ใช้ของเดิมนี้มาตั้งนานแล้วทำไมพึ่งมีอาการแพ้?
การสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ครั้งแรกๆ นั้นจะยังไม่เกิดอาการผื่นแพ้สัมผัส แต่จะเป็นการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้เกิดการรู้จักและจดจำสารนั้นๆ ไว้ ครั้งต่อๆ ไปเมื่อสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ก็จะเกิดปฏิกิริยาผื่นแพ้สัมผัสขึ้น ผิวของคนเราสามารถแพ้สารก่อภูมิแพ้ได้หลายชนิด ปัจจุบันได้มีการรายงานรายชื่อสารที่ทำให้เกิดผื่นแพ้สัมผัสไว้ถึงประมาณ 3,700 รายการ ซึ่งผื่นแพ้สัมผัสมักพบบริเวณใบหน้า มือ เท้า เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ได้บ่อยที่สุด แต่ก็สามารถเกิดได้กับผิวหนังทุกบริเวณ ตัวอย่างเช่น ผื่นแพ้สัมผัสบริเวณรอบตา ที่เกิดจากการแพ้เครื่องสำอางทาตา ผื่นแพ้สัมผัสที่ริมฝีปาก จากการแพ้ลิปสติก เป็นต้น
อาการของผื่นแพ้สัมผัส
อาการจะขึ้นอยู่กับระยะของโรค โดยโรคระยะเริ่มแรกนั้นผิวหนังที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้จะมีผื่นแดง คัน ผิวหนังบวมคัน ต่อมาจะเป็นตุ่มน้ำใส จากนั้นอาการบวมจะลดลง ตุ่มน้ำแตกออกจนแห้ง กลายเป็นผื่นที่ตกสะเก็ด สุดท้ายหากกลายเป็นผื่นแพ้สัมผัสเรื้อรัง ผิวหนังส่วนที่เป็นผื่นจะหนาขึ้น แห้ง คันและเป็นสะเก็ด
การวินิจฉัยโรคภูมิแพ้
ทั้งการแพ้อาหาร จมูกอักเสบจากภูมิแพ้ โรคหืด และผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบ นอกจากการซักถามประวัติ และการตรวจร่างกายที่เข้ากันได้กับโรคแล้ว ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจเพิ่มเติมด้วยการทดสอบภูมิแพ้ หรือที่เรียกว่า Skin test ซึ่งการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง จะทำให้ทราบได้ว่าแพ้สิ่งใด เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้อย่างถูกต้อง การทดสอบนั้นสามารถทำได้ 2 วิธี คือ การทดสอบทางผิวหนัง (Skin test) และ การตรวจเลือดหาค่า Specific IgE ต่อสารก่อภูมิแพ้
Skin test การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังทำอย่างไร?
การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังที่ใช้ในการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้ มักใช้วิธี “การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังด้วยการสะกิด” (Skin prick test) ทำได้โดยการหยดน้ำยาที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ลงบนผิวหนังของผู้ป่วย จากนั้นจึงใช้เข็มสะกิดลงไปเบาๆ หรือใช้แท่งพลาสติกปลายแหลม (Duotip) จุ่มน้ำยาที่จะทดสอบแล้วนำมาสะกิดที่ผิวหนังของผู้ป่วย ตำแหน่งของผิวหนังที่ทำจะเป็นบริเวณท้องแขน สำหรับผู้ใหญ่และเด็กโต หรือทำที่หลัง สำหรับเด็กเล็กที่ไม่ค่อยร่วมมือ จากนั้นจะรออ่านผล 15-20 นาทีหลังทำ หากผู้ป่วยแพ้สารใดก็จะเกิดปฎิกิริยาเป็นตุ่มนูนแดงในตำแหน่งที่ตรงกับทดสอบสารก่อภูมิแพ้นั้น
น้ำยาสารก่อภูมิแพ้ที่ใช้ทดสอบประกอบด้วยสารก่อภูมิแพ้อะไรบ้าง?
โดยน้ำยาที่ใช้ในการทดสอบมีทั้งสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น รังแคของสัตว์อย่างสุนัข แมว แมลงสาบ เชื้อราชนิดต่างๆ เกสรพืช หญ้า และสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นอาหาร เช่น นมวัว ไข่ ถั่ว อาหารทะเล โดยคุณหมอจะเลือกใช้ชนิดของน้ำยาในปริมาณที่แตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละคน ขึ้นอยู่กับประวัติอาการและอายุของผู้ป่วย เช่น ในเด็กทารก จะเน้นที่สารก่อภูมิแพ้จำพวกอาหารมากกว่าสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เพราะเด็กเล็กจะยังไม่ค่อยได้สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในอากาศมากนัก
สามารถทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังได้ตั้งแต่อายุเท่าไร?
การทำ Skin test ทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังนั้นสามารถทำทดสอบได้ทุกเพศทุกวัย แต่มักนิยมทำตั้งแต่เด็กที่อายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป เพราะเด็กเล็กกว่านี้อาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่แน่ชัดจากการตรวจ เพราะความไวของผิวหนังยังน้อย แต่ก็มีผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน ที่แสดงอาการภูมิแพ้ออกมาอย่างชัดเจน อาจทำการทดสอบแล้วให้ผลเป็นบวกได้ ดังนั้นการตัดสินใจในการทำทดสอบที่วัยใด คุณพ่อคุณแม่จึงควรปรึกษาคุณหมอและร่วมกันตัดสินใจ
การทำ Skin test อาจไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยกลุ่มใดบ้าง?
การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังอาจไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยบางราย ได้แก่ ผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนัง และมีผื่นแพ้ในบริเวณที่ใช้ทำการทดสอบ หรือมีปฏิกริยาทางผิวหนังง่ายผิดปกติ ผู้ที่ไม่สามารถงดยาแก้แพ้ได้ และผู้มีโอกาสเกิดปฏิกริยารุนแรงจากสารก่อภูมิแพ้ ในผู้ป่วยเหล่านี้คุณหมอจะพิจารณาใช้การตรวจเลือด เพื่อการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้แทนค่ะ
รับชมคลิปวิดีโอ
การเตรียมตัวทำ Skin test ต้องทำอย่างไรบ้าง?
เมื่อคุณหมอนัดมาทำทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังเรียบร้อยแล้ว ผู้ป่วยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ควรปฏิบัติตัวดังนี้
- งดรับประทานยาแก้แพ้ แก้ไข้หวัดทุกชนิด อย่างน้อย 5 วัน ก่อนทำการทดสอบ มิฉะนั้นผลอาจผิดพลาดได้
- รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไม่มีอาการป่วยหรือเป็นไข้ เพราะอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกริยาแพ้รุนแรงหลังการทดสอบได้
- หากมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาใดเป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการทดสอบเสมอนะคะ
จริงอยู่ที่อาการผื่นแพ้นั้นอาจจะรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่ก็สามารถทำให้ดีขึ้นได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น การให้วิตามินทางเส้นเลือด (IV Drip) เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย การฉายแสง Therabeam สามารถแก้อาการแพ้ คัน ได้ด้วยเทคโลโลยี โดยไม่ต้องพึ่งสเตียรอยด์
สำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือยังไม่มั่นใจว่าตัวเองนั้นกำลังพบปัญหาดังกล่าว แนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์และตรวจผื่นแพ้สัมผัส เพื่อที่จะทราบว่าเราแพ้อะไรบ้าง เป็นการป้องกันและหลีกเลี่ยง ไม่เสี่ยงกับอาการผื่นคัน ผื่นแพ้ ชีวิตดีขึ้นอีกเยอะค่ะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- สำหรับใครที่อยากขอรับคำปรึกษา สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 085-0000-855
- Line : @apexmedicalcenter
- Smartphone : http://line.me/ti/p/%40apexmedicalcenter
- Desktop : http://m.me/apexprofoundbeauty