การทดสอบภูมิแพ้ด้วย Patch Test ทำอย่างไร?

อย่างที่หลายๆ คนทราบดีว่า สารก่อภูมิแพ้ คือ สิ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการแพ้ และไวต่อสารเหล่านั้น ซึ่งอาจจะเกิดจากการสูดดมผ่านทางเดินหายใจ สัมผัสทางผิวหนัง หรืออาจจะผ่านทางระบบทางเดินอาหาร เมื่อสารก่อภูมิแพ้สัมผัสกับเยื่อบุของร่างกายตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ร่างกายจะปล่อยสารที่เรียกว่า “ฮิสตามีน” ออกมา ทำให้เกิดอาการะคายเคือง และอาการอื่นๆ ตามมา ฉะนั้นการที่เราจะทราบว่า เราแพ้อะไรบ้าง? ก็จะทำให้เรารู้ว่าจะต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้เราแพ้ ซึ่งในทางการแพทย์ก็มีวิธีการทดสอบง่ายๆ โดยใช้แผ่น Patch Test เพื่อทำการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง

อาการผื่นคัน,อาการผื่นแพ้,ผื่นคัน,ผื่นแพ้,รักษาผื่นแพ้,รักษาผื่นคัน,skin patch test,ภูมิแพ้,อาการภูมิแพ้,รักษาภูมิแพ้

Skin Patch Test การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังทำอย่างไร ?

การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง ด้วย Patch test นั้น แพทย์จะแนะนำให้ทำในกรณีที่สงสัยว่าจะมีการแพ้ชนิดที่เป็นผื่นสัมผัส เช่น แพ้พลาสเตอร์ แพ้ถุงมือ แพ้เครื่องประดับ ซึ่งเป็นการทดสอบที่สามารถอธิบายได้ง่าย จะทดสอบโดยการนำสารที่สงสัยไปปิดทดสอบที่ผิวหนัง แล้วอ่านผลภายใน 48-72 ชั่วโมง


น้ำยาสารก่อภูมิแพ้ที่ใช้ทดสอบประกอบด้วยอะไรบ้าง?

น้ำยาที่ใช้ในการทดสอบ มีทั้งสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น รังแคของสัตว์อย่างสุนัข แมว แมลงสาบ เชื้อราชนิดต่างๆ เกสรพืช หญ้า และสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นอาหาร เช่น นมวัว ไข่ ถั่ว อาหารทะเล โดยคุณหมอจะเลือกใช้ชนิดของน้ำยาในปริมาณที่แตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละคน ขึ้นอยู่กับประวัติอาการและอายุของผู้ป่วย เช่น ในเด็กทารก จะเน้นที่สารก่อภูมิแพ้จำพวกอาหารมากกว่าสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เพราะเด็กเล็กจะยังไม่ค่อยได้สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ในอากาศมากนัก


สามารถทดสอบได้ตั้งแต่อายุเท่าใด?

การทำ Skin test ทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังนั้นสามารถทำทดสอบได้ทุกเพศทุกวัย แต่มักนิยมทำตั้งแต่เด็กที่อายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป เพราะเด็กเล็กกว่านี้อาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่แน่ชัดจากการตรวจ เพราะความไวของผิวหนังยังน้อย แต่ก็มีผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน ที่แสดงอาการภูมิแพ้ออกมาอย่างชัดเจน อาจทำการทดสอบแล้วให้ผลเป็นบวกได้ ดังนั้นการตัดสินใจในการทำทดสอบที่วัยใด คุณพ่อคุณแม่จึงควรปรึกษาคุณหมอและร่วมกันตัดสินใจ

กลุ่มผู้ป่วยที่ไม่เหมาะกับการทำ Skin Test?

การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังอาจไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยบางราย ได้แก่ ผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนัง และมีผื่นแพ้ในบริเวณที่ใช้ทำการทดสอบ หรือมีปฏิกริยาทางผิวหนังง่ายผิดปกติ ผู้ที่ไม่สามารถงดยาแก้แพ้ได้ และผู้มีโอกาสเกิดปฏิกริยารุนแรงจากสารก่อภูมิแพ้ ในผู้ป่วยเหล่านี้คุณหมอจะพิจารณาใช้การตรวจเลือด เพื่อการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้แทนค่ะ

การเตรียมตัวการทำการทดสอบสารก่อภูมิแพ้ Skin Test

เมื่อคุณหมอนัดมาทำทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังเรียบร้อยแล้ว ผู้ป่วยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ควรปฏิบัติตัวดังนี้

  1. งดรับประทานยาแก้แพ้ แก้ไข้หวัดทุกชนิด อย่างน้อย 5 วัน ก่อนทำการทดสอบ มิฉะนั้นผลอาจผิดพลาดได้
  2. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไม่มีอาการป่วยหรือเป็นไข้ เพราะอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกริยาแพ้รุนแรงหลังการทดสอบได้
  3. หากมีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาใดเป็นประจำ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทำการทดสอบเสมอนะคะ

จริงอยู่ที่อาการผื่นแพ้นั้นอาจจะรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่ก็สามารถทำให้ดีขึ้นได้หลายวิธีด้วยกัน เช่น การให้วิตามินทางเส้นเลือด (IV Drip) เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย การฉายแสง Therabeam สามารถแก้อาการแพ้ คัน ได้ด้วยเทคโลโลยี โดยไม่ต้องพึ่งสเตียรอยด์

สำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือยังไม่มั่นใจว่าตัวเองนั้นกำลังพบปัญหาดังกล่าว แนะนำว่าควรเข้าพบแพทย์และตรวจผื่นแพ้สัมผัส เพื่อที่จะทราบว่าเราแพ้อะไรบ้าง เป็นการป้องกันและหลีกเลี่ยง ไม่เสี่ยงกับอาการผื่นคัน ผื่นแพ้ ชีวิตดีขึ้นอีกเยอะค่ะ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม