4 สาเหตุ ที่ทำให้เกิดอาการปัสสาวะเล็ด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และการแก้ไข

อาการปัสสาวะเล็ด หรือการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ มักไม่ค่อยมีคนสนใจหรือไม่ได้รับการกล่าวถึงมากนัก อาจเพราะเป็นเรื่องน่าอาย และผู้ประสบปัญหาก็มักเก็บปัญหาไว้เงียบๆ ไม่อยากให้ใครรู้

ปัญหาปัสสาวะเล็ดเกิดกับผู้หญิงจำนวนหลายล้านคน และไม่ใช่เฉพาะผู้สูงอายุเท่านั้น จากงานวิจัยล่าสุดที่ตีพิมพ์ใน THE JOURNAL FEMALE PELVIC MEDICINE & RECONSTRUCTIVE SURGERY พบว่าผู้หญิงที่อยู่ในวัย 19-30ปี ถึง 10.3% เคยมีประสบการณ์ของการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือปัสสาวะเล็ด

 image

การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และอาการปัสสาวะเล็ด (Urinary incontinence) ส่วนใหญ่ที่พบมีอยู่ 2 ชนิด คือ

Urge Incontinence คือ การที่ผู้ป่วยไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้นานพอ เมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะ ก็จะปล่อยออกหมดทันที ทำให้เข้าห้องน้ำไม่ทัน

Stress Incontinence เป็นการอาการปัสสาวะเล็ด หรือปัสสาวะออกมาในจำนวนเล็กน้อย เมื่อไอ จาม หัวเราะ กระโดด ยกน้ำหนัก ออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่เพิ่มความดันหน้าท้อง เช่นการเป่าลูกโป่ง

เมื่อรวมอาการปัสสาวะไม่อยู่ทั้ง 2 ชนิด ในกลุ่มผู้หญิงทั้งหมด ไม่น่าเชื่อว่ามีจำนวนผู้หญิงมากถึงราว 40% ทั่วโลก ที่ต้องเคยมีประสบการณ์ปัสสาวะเล็ดในการดำเนินชีวิตประจำวัน ข้อมูลน่าตกใจแบบนี้คงต้องมาดูสาเหตุและวิธีแก้ไขกันแล้วค่ะ

4 สาเหตุ ที่ทำให้เกิดการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

1. กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง (Weak pelvic muscles)

โดยปกติแล้ท่อปัสสาวะจะปิดสนิทมาก ไม่ว่าจะมีแรงดันในช่องท้องมากอย่างไร ก็จะไม่ทำให้เกิดปัสสาวะเล็ดออกมาได้ Stress Incontinence หรืออาการปัสสาวะเล็ดที่เกิดจากกล้ามเนื้อในบริเวณอุ้งเชิงกรานมีการยืด หย่อนยานและอ่อนแรง หูรูดท่อปัสสาวะซึ่งอยู่ในกล้ามเนื้อส่วนนี้ด้วยก็เลยพลอยอ่อนแรงไปด้วย ไม่มีความแข็งแรงเพียงพอ เกิดการเปิดออก ปล่อยให้ปัสสาวะเล็ดออกมา เมื่อเกิดแรงดันในช่องท้อง อาการกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรงนี้อาจเกิดจากการคลอดบุตรหลายคน อายุที่มากขึ้นหรือแม้แต่กรรมพันธุ์

image

การแก้ไข

Kegels Exercise หรือการฝึกขมิบช่องคลอดนั่นเอง เป็นการบริหารช่องคลอด เพื่อการกระชับวงล้อมช่องคลอดให้แข็งแรง การบริหารที่ถูกจะต้องขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน จนรู้สึกว่าบริเวณปากช่องคลอดถูกดึงเข้าไปภายใน ไม่ใช่เพียงการขมิบก้นหรือแขม่วหน้าท้องเท่านั้น ควรทำวันละ 500-1,000 ครั้ง หรือถ้าทำได้มากกว่านั้นก็ยิ่งดี การขมิบช่องคลอดถือว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพและประหยัดสุด ส่วนการผ่าตัดทำสาวหรือรีแพร์นั้นไม่ได้แก้ปัญหานี้เลยนะคะ เพราะไม่ได้ช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น

ล่าสุดมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยแก้ปัญหากล้ามเนื้อช่องคลอดหย่อนยาน โดยไม่ต้องผ่าตัด เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ผิวที่ช่วยในการกระชับช่องคลอดและแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ด โดยใช้เวลาในการรักษาเพียง 10 นาที เป็นพลังงานเลเซอร์ 30 w CO2 ที่พัฒนาให้เหมาะกับการใช้งานในบริเวณเนื้อเยื่อช่องคลอด โดยจะส่งพลังงานเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ภายในบริเวณเนื้อเยื่อโดยรอบ ตลอดจนแนวลึกของช่องคลอด ซึ่งจะทำให้เกิดการหดเล็กลงของผนังช่องคลอด เพิ่มความแข็งแรง กระชับตึง ลดอาการแห้งของช่องคลอด ซึ่งแก้ปัญหาช่องคลอดหลวมได้ถึง 80-90%

(อ่านเพิ่ม เรื่องเทคโนโลยีกระชับช่องคลอด ที่นี่)

2. กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรง

โดยปกติแล้วแม้กระเพาะปัสสาวะจะเต็มแล้ว ก็จะไม่มีการปล่อยปัสสาวะออกมา ถ้าเรายังไม่พร้อมที่จะปัสสาวะ แต่สำหรับคนที่มีปัญหา Urge Incontinence แล้ว แม้จะยังไม่อยากปล่อยก็กลั้นไม่อยู่

image

การแก้ไข

Kegels Exercise หรือการฝึกขมิบช่องคลอด ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาปัสสาวะเล็ดจากสาเหตุนี้ด้วยเช่นกัน การฝึกขมิบช่องคลอดเป็นประจำทุกวัน วันละ 500-1,000 ครั้ง สามารถช่วยแก้อาการปัสาวะเล็ดจากทั้งกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะอ่อนแรง และกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรงได้ ดังนั้นการฝึกขมิบช่องคลอดไว้ตั้งแต่ยังไม่มีปัญหาหรือมีปัญหาไม่มาก จะยิ่งได้ผลดีมากขึ้น อย่าปล่อยให้กล้ามเนื้อหย่อนยานมากๆ แล้วค่อยเริ่มทำ เพราะอาจได้ผลไม่ทันการ

image

3. ความอ้วน

จากการงานวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Journal of Urology พบว่าทุก 5 หน่วย BMI ที่เพิ่มขึ้น จะทำให้มีโอกาสเสี่ยงมีอาการปัสสาวะเล็ด หรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่เพิ่มขึ้น 20-70 % ผู้ทำการวิจัยบอกว่า ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นนั้นอาจมีผลกระทบ ทำให้เกิดการเพิ่มแรงบีบต่อกระเพาะปัสสาวะมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งมีผลทำให้เกิดการเล็ดของปัสสาวะได้บ่อยๆ รวมถึงน้ำหนักตัวที่มากขึ้น อาจทำให้เกิดการยืดขยายของกล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานมากไป เช่นเดียวกับคนที่ตั้งครรภ์ ทำให้กล้านเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานเกิดอาการหย่อนยาน ไม่แข็งแรง

การแก้ไข

แก้ไขได้โดยการลดน้ำหนัก จากงานวิจัยพบว่าผู้หญิงที่น้ำหนักลดลง สามารถลดอาการปัสสาวะเล็ดได้ถึง 65% ใน 1 ปี นอกจากนั้นก็คือการขมิบช่องคลอด ซึ่งถือว่าเป็นการบริหารที่ช่วยแก้ปัญหากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรงได้ดีที่สุด

4. การรับประทานอาหาร

นอกเหนือจากปัจจัยอื่นๆ แล้ว อาหารที่รับประทานก็มีผลอย่างมากต่อกระเพาะปัสสาวะอย่างปฏิเสธไม่ได้ อาหาร 4 C คือ citrus, carbonated drinks, caffeine, และ chocolate ก่อให้เกิดความระคายเคืองกับกระเพาะปัสสาวะทั้งสิ้น

  • Citrus คือ ผลไม้ตระกูลส้มทั้งหลาย 
  • Carbonated drinks คือ เครื่องดื่มพวกน้ำอัดลมทุกชนิด 
  • Caffeine คือ พวกชา กาแฟ 
  • Chocolate คือ อาหารที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลต
การแก้ไข

เพียงลดและเลิกอาหารข้างต้นที่กล่าวมา หลายๆ คนคิดว่าพูดง่ายแต่ทำยากมาก แต่ก็ต้องพยายาม สร้างนิสัยใหม่ๆ เลือกทานของที่เป็นประโยชน์ อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ก็ควรงดหรือทานแต่น้อย

4 ท่าบริหาร ที่ช่วยบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

 

image
ท่าที่ 1

 

 

image
ท่าที่ 2
image
ท่าที่ 3
image
ท่าที่ 4

VAGINAL LIFT กระชับช่องคลอด แก้ปัญหาปัสสาวะเล็ด

image

 

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเลเซอร์ผิวที่สามารถช่วยในการกระชับช่องคลอด เพื่อคืนความสาวและแก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ดได้ โดยใช้ระยะเวลาเพียงสั้นๆ ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้เป็นการนำพลังงานเลเซอร์ 30 w CO2 ที่พัฒนาให้เหมาะกับการใช้งานในบริเวณเนื้อเยื่อช่องคลอด โดยจะส่งพลังงานเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ภายในบริเวณเนื้อเยื่อโดยรอบ และตลอดแนวลึกของช่องคลอด ซึ่งจะทำให้เกิดการหดเล็กลงของผนังช่องคลอด สร้างความแข็งแรง กระชับตึง อาการช่องคลอดแห้งลดลง ซึ่งแก้ปัญหาช่องคลอดหลวมได้ถึง 80-90% จึงหมดปัญหาปัสสาวะเล็ดและหลวมได้อย่างเห็นผล ซึ่งการทำรีแพร์นั้นไม่สามารถทำได้ สามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ จำนวนครั้งที่แนะนำ คือ 1-3 ครั้ง ในทุกๆ 4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหา เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ช่องคลอดกลับมากระชับ เป็นสาวอีกครั้งโดยไม่ต้องผ่าตัด

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

LINE : @apexwomen

รับส่วนลด 50% Vaginal Lift

กระชับจุดซ่อนเร้น แก้ไขปัญหาปัสสาวะเล็ด

อ่านต่อประสบการณ์ “ปลูกผมเปลี่ยนชีวิต”
ปลูกผม