เปิดทริค!! ลดหน้าท้องล่างยังไงให้ได้ผล

ใครเคยเป็นกันบ้าง ที่ภายนอกดูผอมเพียว หรือเป็นคนที่ดูไม่มีไขมันส่วนเกิน แต่ภายใต้เสื้อและกางเกงเอวสูงนั้นกลับซ่อนพุงย้อยๆ เอาไว้ โดยเฉพาะบริเวณท้องล่างเจ้าปัญหา ไม่ว่าจะลดน้ำหนักอย่างไรพุง หรือหน้าท้องก็ไม่ลดลงเลย เพราะการลดหน้าท้องล่างนี้ให้ได้ผลต้องอาศัยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยนั่นเอง

พุงหน้าท้องล่าง เป็นพุงที่มีลักษณะหน้าท้องด้านบนแบนราบเรียบปกติ แต่หน้าท้องด้านล่างป่องย้อย เหมือนกับท้องของลูกหมาตัวน้อยๆ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการกินอาหารที่มีน้ำตาลสูงและกินขนมหวานมากจนเกินไป จนร่างกายไม่สามารถเผาผลาญเป็นพลังานได้หมด ร่างกายจึงเปลี่ยนน้ำตาลนี้เป็นไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน ไปเก็บตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย

 

การควบคุมอาหาร

  1. ลดน้ำตาล

น้ำตาลเป็นแหล่งพลังงานที่จำเป็นต่อร่างกาย และสามารถเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินได้ก็จริง แต่หากบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากเกินกว่าความจำเป็นของร่างกายในแต่ละวัน จนเผาผลาญเป็นพลังงานได้ไม่หมด น้ำตาลนั้นก็เปลี่ยนรูปเป็นไขมันไปสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย

ดังนั้นหากต้องการจะลดหน้าท้องล่างต้องจำกัดปริมาณน้ำตาล โดยปริมาณน้ำตาลที่ควรบริโภคต่อวันคือ เพศหญิงน้อยกว่า 100 แคลอรี่ (ุ6 ช้อนชา หรือ 25 กรัม) ต่อวัน และเพศชายน้อยกว่า 150 แคลอรี่ (9 ช้อนชา หรือ 36 กรัม) ต่อวัน และให้หลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสชาติหวาน เนื่องจากผลไม้ที่มีรสชาติหวานจะมีน้ำตาลสูงตามไปด้วย

สารให้ความหวานจากธรรมชาติ

แต่หากเป็นคนที่ติดรสชาติหวาน จนหักดิบขาดน้ำตาลไม่ได้ ให้เปลี่ยนน้ำตาลทรายปกติเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติแทน เช่น ความหวานที่ได้จากหญ้าหวาน ซึ่งเป็นพืชชนิดหนึ่งคล้ายกะเพรา เมื่อกินแบบไม่ผ่านกรรมวิธีใดจะให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 25 เท่า และเมื่อผ่านกระบวนการสกัดจะให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 200-300 เท่าเลยทีเดียว นอกจากนี้แม้กินในปริมาณที่มากก็จะไม่อ้วน เนื่องจากไม่มีแคลอรี่ หรือแคลอรี่เป็น 0 นั่นเอง

  1. หลีกเลี่ยงหรืองดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีปริมาณแคลอรี่ที่สูงมาก อีกทั้งร่างกายยังเลือกเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้กลายเป็นพลังงานไปใช้ก่อนสลายไขมัน ทำให้กรดไขมันที่ยังไม่ถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานเกิดการสะสมในร่างกาย การงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จึงเป็นวิธีการลดหน้าท้องล่างได้นั่นเอง

  1. อาหารที่ช่วยลดหน้าท้องล่างได้

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ และองุ่น มีงานวิจัยพบว่าผลไม้ดังกล่าวสามารถช่วยเผาผลาญไขมันในช่องท้อง ช่วยลดหน้าท้องล่าง สามารถป้องกันโรคหัวใจ และมีสารต้านอนุมูลอิสระทำให้ผิวสวยอีกด้วย 

ชาเขียว ผลวิจัยเผยว่าสารคาเทชินในชาเขียว มีส่วนช่วยเร่งการเผาผลาญของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณช่องท้อง นอกจากนี้ในชาเขียวยังมีสารคาเฟอีนที่สามารถช่วยเผาผลาญไขมัน ลดหน้าท้องล่าง เหมือนกับสารคาเทชิน ทำให้การบริโภคชาเขียว 1 แก้ว ได้ตัวช่วยลดหน้าท้องล่างถึง 2 ตัวเลยทีเดียว

พืชตระกูลถั่ว เป็นพืชที่ประกอบไปด้วยแป้งที่ทนต่อการย่อยด้วยเอนไซม์ เมื่อผ่านกระบวนการย่อย แป้งจะไม่เปลี่ยนเป็นน้ำตาล และถูกขับออกนอกร่างกายโดยไม่ถูกดูดซึม เมื่อไม่เกิดน้ำตาลก็จะไม่เสี่ยงต่อการมีไขมันส่วนเกินนั่นเอง

นมไขมันต่ำ หรือไม่มีไขมัน ประโยชน์ของนมนอกจากแคลเซียม “แคลเซียม” ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงแล้ว  นมยังสามารถทำให้รู้สึกอิ่มท้อง และยังส่วนประกอบของโปรตีนที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ ซค่งกล้ามเนื้อนี้เองจะสามารถช่วยเร่งกาเผาผลาญได้อีกด้วย ทำให้การดื่มนมสามารถลดหน้าท้องล่างได้ แต่สิ่งที่ควรระวัง คือ นมที่ดื่มนั้นควรเป็นนมที่มีไขมันต่ำ หรือไม่มีไขมัน เพื่อไม่ให้ร่างกายอ้วนจากไขมันที่สูงนั่นเอง โดยแนะนำให้ดื่มประมาณ 600 มิลลิลิตรต่อวัน

โพแทสเซียม สามารถช่วยลดภาวะการบวมน้ำได้ เนื่องจากโพสแทสเซียมจะช่วยนำน้ำที่ออกมานอกเซลล์ กลับเข้าไปในเซลล์ดังเดิม ทำให้สามารถลดหน้าท้องล่างที่เกิดจากการบวมได้อีกด้วย โดยอาหารที่มีโพแทสเซียมประกอบไปด้วย อโวคาโด กล้วย น้ำส้ม ผัมขม มันเทศ เป็นต้น

 

การออกกำลังกาย

ผู้ที่ต้องการลดหน้าท้องล่าง ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละประมาณ 30 นาที อย่างน้อย 5 วัน/สัปดาห์ โดยสามารถเลือกการออกกำลังกายตามความถนัดส่วนตัวได้เลย เช่น

  • ท่าแพลงก์ (Plank) เป็นท่าออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมและสามารถลดหน้าท้องล่างได้เป็นอย่างดี  โดยเริ่มจากการนอนคว่ำ งอข้อศอก ดันแขนขึ้น ให้ศอกตั้งฉากกับพื้น ยกและเกร็งลำตัวให้เป็นเส้นตรง พร้อมทั้งใช้ปลายเท้าดันพื้น คงท่านี้ไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
  • การชกมวย ช่วยสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องและสามารถลดหน้าท้องล่างได้
  • ท่าครั้นช์จักรยาน (Bicycle Crunches) เป็นการออกกำลังกายที่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องโดยตรง ทำได้โดยนอนราบไปกับพื้น ประสานมือไว้หลังท้ายทอย ยกเข่าขวาขึ้นมาทาบอก พร้อมบิดตัวและยกศอกซ้ายขึ้นมาหาเข่าขวา ทำสลับข้างซ้ายขวาต่อไปเรื่อยๆ โดยควรปฏิบัติทั้งหมด 1-3 เซต เซตละ 12-16 ครั้ง

 

Emsculpt เทคโนโลยีที่สามารถลดหน้าท้องล่างได้ ด้วยการทำงานของเทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง High-In Tensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) ส่งพลังงานเข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อ และไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเกิดการหดเกร็งถึง 20,000 ครั้งต่อการทำทรีทเมนท์ 30 นาที เทียบเท่ากับการยกเวทหนักๆ แล้วทำ Sit up ไปด้วยพร้อมๆ กัน 20,000 ครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงเราแทบจะไม่สามารถออกกำลังกายแบบนี้ได้เลย 

ทั้งนี้การหดตัวของกล้ามเนื้อจะสามารถสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่ ทำให้มีขนาดใหญ่และแข็งแรงขึ้น สามารถสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มจำนวนกล้ามเนื้อให้ทนทานแข็งแรงและอยู่ได้นานขึ้น ส่งผลให้รูปร่างกระชับ มีกล้ามเนื้อหน้าท้องและซิกแพค พร้อมๆ กับการเผาผลาญไขมันและการทำลายเซลล์ไขมัน 

ต้องทำบ่อยแค่ไหน ต้องพักฟื้นหรือไม่

Emsculpt  ควรทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เหมือนกับการออกกำลังกายปกติ และสามารถทำทรีตเมนต์เพียง 4-6 ครั้งเท่านั้นจะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว ที่สำคัญไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

***ผลการวิจัย แสดงถึงความพึงพอใจต่อการรักษามากถึง 96% และโดยเฉลี่ยมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 16% และไขมันลดลง 19%

APEX SLIM ประสบการณ์กว่า 25 ปี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่อง EmSculpt จากประเทศอังกฤษด้วยเทคโนโลยี HIFEM นวัตกรรมแรกและนวัตกรรมเดียวที่มีงานวิจัยมากที่สุดถึง 20 งานวิจัยว่ารองรับ Build Muscle & Claim Fat

 

👉ปรึกษาลดน้ำหนักและสัดส่วน ทักแชท

𝐂𝐎𝐍𝐓𝐀𝐂𝐓 𝐔𝐒

𝐓𝐞𝐥 : 095-102-8585

𝐋𝐢𝐧𝐞 : https://line.me/ti/p/%40APEXslim

𝐅𝐚𝐜𝐞𝐛𝐨𝐨𝐤: https://www.facebook.com/ApexSlim

𝐖𝐞𝐛𝐬𝐢𝐭𝐞 : https://www.apexslim.com/