เมื่ออายุมากขึ้นหลายคนก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิว ทำไมจึงเกิดริ้วรอยบนใบหน้า? แล้วจะเริ่มต้นดูแลริ้วรอยบนใบหน้าอย่างไร ปัจจุบันศาสตร์และศิลป์ทางการแพทย์ สามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึกบนใบหน้า ได้อย่างไม่ยุ่งยาก และดูดีเป็นธรรมชาติ ดูอ่อนเยาว์ ใช้เวลาไม่มาก ไม่ต้องผ่าตัด มีวิธีไหนบ้างมาดูกันเลย
1. โบท็อกซ์ มหัศจรรย์ในการกำจัดริ้วรอย
โบท็อกซ์เป็นชื่อที่รู้จักอย่างแพร่หลาย เป็นสารที่มีผลในการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อในบริเวณที่มีริ้วรอยต่างๆสามารถจัดการกับริ้วรอยลึก ที่เกิดจากกล้ามเนื้อ เช่น รอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว หรือรอยย่นที่หน้าผาก ที่ทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า ไม่สดใส ให้กลับมาสวย ไร้ริ้วรอยได้แบบทันใจ ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง ก็สวยออกงานได้ จึงนับเป็นวิธีแก้ปัญหาริ้วรอยยอดนิยมที่ยังไม่มีอะไรมาเทียบชั้นได้
แต่ก็มีข้อพึงระวังในการฉีด คือ ในปัจจุบันเริ่มมีโบท็อกซ์ที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อ.ย.ออกมาเป็นจำนวนมาก เพราะมีราคาถูกแต่ไม่มีใครยืนยันได้ถึงมาตรฐานและคุณภาพ ซึ่งก็เป็นความเสี่ยงอย่างมาก อาจทำให้เกิดการแพ้ หรือการดื้อยา ซึ่งจะทำให้ใช้โบท็อกซ์ไม่ได้ผลไปอีกเลย นับว่าไม่คุ้มที่จะลองจริงๆ นอกจากนี้ก็ควรเลือกฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและคลีนิคที่มีชื่อเสียงเพื่อจะได้มั่นใจว่าโบท๊อกซ์ที่ใช้เป็นของแท้แน่นอนและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีความเข้าใจโครงสร้างภายในของผิวหน้า ย่อมทำใหได้ผลในการฉีดที่ดูดีและเป็นธรรมชาติมากกว่า
2. Filler เติมเต็มริ้วรอยร่องลึก
โดยจะเน้นฉีดเติมเต็มริ้วรอยลึกบริเวณร่องแก้ม ร่องลึกใต้ตา ร่องน้ำตา ร่องแก้ม มุมปาก และเสริมปรับรูปหน้าในตำแหน่งที่ต้องการให้นูนเด่น เช่น จมูก ขมับ หน้าผาก คาง ริมฝีปากหรือโหนกแก้ม ริ้วรอยชนิดนี้เกิดจากคอลลาเจนที่หายไปอาจจะด้วยอายุที่มากขึ้น ก็จำเป็นต้องให้สารเติมเต็มหรือที่เรียกอีกอย่างว่าฟิลเลอร์นั่นเอง
ฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็ม เป็นชื่อเรียกโดยรวมของการฉีดสารสังเคราะห์ที่เลียนแบบธรรมชาติ ฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย และใช้ในคลีนิคชั้นนำที่มีชื่อเสียง จะเป็นสารเลียนแบบโปรตีนธรรมชาติในร่างกาย ที่ชื่อว่า “ไฮยาลูโรนิค แอซิด” (hyaluronic acid, HA) เรียกสั้นๆ ว่า“ไฮย่า” มีความปลอดภัยสูง มีการรับรองจาก อย.
สิ่งที่ต้องพึงระวังก็คือ ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นแบบถาวรเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นซิลิโคน เม็ดพลาสติก หรือพวกน้ำมันพาราฟิน เพราะอันตรายและมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย เพียงแต่ว่าจะปรากฏผลช้าหรือเร็วเท่านั้น อาจเกิดอาการแพ้แบบเฉียบพลันหรือในระยะยาวก็อาจจะเกิดเป็นก้อนหรือไหล และอักเสบได้ ถือว่าผิดกฏหมายและ อ.ย.ไม่รับรอง
นอกจากนี้ เช่นเดียวกับโบท๊อกซ์ ในปัจจุบัน มีไฮยา ที่ไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก อ.ย.ออกมาเป็นจำนวนมาก แม้มีราคาถูกแต่ไม่มีการรับรองมาตรฐานและคุณภาพ
3. Deep Hya (Nano Prime) หรือ Deep Fractional RF
Deep Hya คือ นวัตกรรมในการรักษาผิวพรรณด้วยเทคโนโลยี Fractional RF Needle โดยจะส่งพลังงานRF หรือคลื่นวิทยุความถี่สูงไปกระตุ้น 3 องค์ประกอบสำคัญของผิวในครั้งเดียว โดยจะทำการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสตินและไฮยาลูโรนิค เอซิดไปพร้อมๆ กัน โดยเครื่องจะส่งพลังงานเป็นระยะๆ ในอุณหภูมิคงที่ด้วยเทคโนโลยี Fractional RF Needle ทำให้พลังงานลงสู่คอลลาเจนและอีลาสตินที่เราต้องการฟื้นฟูโดยตรงโดยไม่เกิดการสูญเสียพลังงานไประหว่างชั้นผิวและไม่ทำลายกรดไฮยาลูรอนิคและเซลล์ผิวส่วนอื่นๆ แต่จะส่งผลให้ริ้วรอย หลุมแผลต่างๆ เจือจางหายไป ทั้งยังช่วยฟื้นฟูริ้วรอยให้ลดน้อยลง ทำให้ผิวมีความตึงกระชับมากขึ้น Deep Hya ใช้เวลาในการทำประมาณ 30 นาที 3-5 ครั้งและควรพบแพทย์เดือนละครั้ง เพื่อให้ได้ผลต่อเนื่อง
4. PRP (Platelet Rich Plasma) สร้างฟิลเลอร์จากเซลล์ตัวเอง
PRP คือ วิธีการลดริ้วรอยโดยใช้กรรมวิธีทาง Biotechnology โดยการนำเอาเลือดของคนไข้จำนวนเล็กน้อยมาผ่านขบวนการเพื่อคัดแยกเกล็ดเลือด ซึ่งมีคุณสมบัติในการซ่อมแซมเซลล์ตามธรรมชาติ เมื่อเกิดบาดแผลทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ และสร้างคอลลาเจนอย่างรวดเร็ว PRP จึงเป็นสารน้ำในเลือดที่มีเกล็ดเลือดจำนวนมาก เป็นที่มาของชื่อ platelet rich plasma หรือ PRP นั่นเอง
เมื่อได้สารน้ำที่เต็มไปด้วยเกล็ดเลือดจำนวนมาก พร้อมสำหรับการซ่อมสร้างเซลล์ภายใน ก็จะนำมาฉีดกลับเข้าไปในคนไข้ เพื่อลดเลือนริ้วรอยและเติมเต็มผิวที่เป็นร่องลึกทำให้เกิดการฟื้นฟูคอลลาเจนจากภายใน ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่จำนวนมากด้วยตัวเอง ทำให้ริ้วรอยและร่องลึก ค่อยๆ เติมเต็มจากภายใน ด้วยกลไกการสร้างเซลล์ตามธรรมชาติของร่างกายซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นการสร้าง “ฟิลเลอร์” จากเซลล์ของตัวเองก็ได้
5. Skin Booster เพิ่มสารน้ำให้กับผิว ผิวเปล่งประกายไร้ริ้วรอย
Skin Booster คือ การเพิ่มสารน้ำให้กับผิวที่แห้งกร้านเต็มไปด้วยริ้วรอยให้กลับมาดูมีน้ำมีนวล เปล่งปลั่ง แน่นเนียน เมื่อผิวมีอายุมากขึ้นก็เหมือนเซลล์อื่นๆ ในธรรมชาติย่อมจะซีดเซียว หมดอายุ มีริ้วรอย และแห้งกร้าน คนส่วนใหญ่เวลาที่นึกถึงสาเหตุของริ้วรอย ความหย่อนยาน ความหมองคล้ำของผิวหรือผิวที่ขาดความชุ่มชื่น ก็มักจะนึกถึงแต่คอลลาเจนเท่านั้น ซึ่งก็ถูกต้องแต่ไม่ทั้งหมดเพราะที่จริงแล้วรู้หรือไม่ว่า คอลลาเจน เป็นส่วนประกอบในผิวหนังเพียง 10% สิ่งที่มีส่วนสำคัญในการสร้างความเปล่งปลั่ง สดใส ชุ่มชื้น มีชีวิตชีวา ให้กับผิวที่จริงคือ กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid หรือ HA) โดยในผิวหนังคนเราประกอบไปด้วยกรดไฮยาลูรอนิคถึง 80%
Hyaluronic Acid หรือ HA คือกรดที่ร่างกายผลิตขึ้นมา มีอยู่ทั่วไปตามร่างกายและโดยเฉพาะบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างอวัยวะและเซลล์ เพื่อเพิ่มความต้านทานต่อการเสียดสีและเพิ่มความยืดหยุ่นสำหรับผิวหน้าของเรานั้น กรดจะถูกผลิตขึ้นและอยู่ในบริเวณผิวหนังชั้น dermis (ผิวชั้นล่าง) เป็นสารอมน้ำที่ทำหน้าที่คอยยึดจับโปรตีนคอลลาเจนเข้าไว้ด้วยกัน ถ้าหากมี HA สมบูรณ์ มันจะช่วยให้ผิวหนังสามารถเก็บกักความชุ่มชื่นได้มากกว่า ทำให้ผิวหนังดูแน่น เนียน และชุ่มชื้น ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพไฮยาลูรอนิค แอซิค ก็เหมือนกับวุ้นที่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแขวนลอยอยู่บนตัวมัน คอยพยุง อุ้มคอลลเจน และอีลาสตินไว้ เจ้าวุ้นเหล่านี้จะกระจายตัวอยู่ทั่วไปหมดบนผิวหนังของเรา ถ้าวุ้นเหล่านี้แข็งแรงดี ใส ยืดหยุ่นดี อมน้ำได้ดี ก็จะพยุงคอลลาเจนได้ดี สะท้อนสีของคอลลาเจนได้ดี ผิวก็จะดูแน่น เรียบเนียน ชุ่มชื้น เปล่งประกายเหมือนผิวเด็ก
เมื่ออายุมากขึ้นตั้งแต่ 30 – 40 ปีขึ้นไป การผลิตกรดไฮยาลูรอนิคตามธรรมชาติก็จะลดน้อยลง ผลก็คือผิวจะสูญเสียความชุ่มชื่น ผิวแห้งขึ้น และขาดความยืดหยุ่น สิ่งที่จะตามมาก็คือ ริ้วรอยที่จะเพิ่มมากขึ้น และความแก่ชราก็จะปรากฏชัดขึ้นนั่นเอง
ในปัจจุบัน มีวิธีทางการแพทย์ที่ช่วยเพิ่มสารน้ำให้กับผิวได้ง่ายๆ เรียกว่า Skin Booster ได้ผลชัดเจน เห็นผลทันทีหลังการรักษา โดยใช้วิธีการฉีดสารน้ำหรือไฮยาลงไปในชั้นผิวกระจายทั่วใบหน้าทำให้เซลล์ใต้ชั้นผิวหนังที่ดูซีดและฟีบกลับมาฟูน้ำ ใส สะท้อนสีของคอลลาเจนได้ดี ดูมีน้ำมีนวลและแน่นเนียนขึ้น ทำให้ผิวฉ่ำน้ำอย่างรวดเร็ว เรียกผิวกลับมากระจ่างใสเปล่งปลั่งได้แบบทันที ริ้วรอยเล็กๆ จากความแห้งกร้านก็พลอยหายไปด้วย
หลากหลายวิธีในการแก้ปัญหา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับปัญหา และไลฟ์สไตล์ในแบบของคุณ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ที่ โทร 080 5000 123
รับสิทธิ์ ราคาพิเศษ
