หากจะเข้าคลินิกเสริมความงามทั้งที หัตถการแรกที่คุณจะทำคืออะไรคะ? แต่เชื่อว่าหลายคงคนสนใจการฉีด โบท็อกซ์ Botox ก่อนใครๆ เพราะโบท็อกซ์ช่วยในการปรับรูปหน้า ให้ใบหน้าเรียว ลดกรามให้เล็กลง แถมยังช่วยลดริ้วรอยได้ในเวลาอันรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยย้อนวัย คืนความอ่อนเยาว์ ให้หน้าเด็กลง ได้แบบง่าย ๆ แถมเห็นผลชัดเจน รวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด อีกทั้งยังไม่ต้องพักฟื้นให้เสียเวลาอีกด้วย วันนี้ก็เลยจะพามาทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น ถึงข้อเท็จจริงของ โบท็อกซ์ Botox ว่ามันคืออะไร ดียังไง หรือ โบท็อกซ์ Botox อันตรายไหม สำหรับคนที่ยังไม่เคยฉีดโบท็อกซ์ ถ้าอยากทราบกันแล้วก็ตามกันไปดูได้เลยค่าา ~
โบท็อกซ์ (ฺBotox)
Botox คืออะไรล่ะ? โบท็อกซ์ ก็คือ สาร “Botulinum toxin A (โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ)” ที่รู้จักในชื่อ “โบท็อกซ์ (ฺBotox)” เป็นสารโปรตีนบริสุทธิ์ชนิดหนึ่งที่สกัดจากแบคทีเรียสายพันธุ์พิเศษ อย่าง Clostridium botulinum สามารถควบคุมกล้ามเนื้อ ในปัจจุบันมีการทำมาใช้ในทางความงามเพื่อรับรูปหน้าให้เข้าที่สวยงาม เรียกได้ว่าเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว
ซึ่งตอนนี้ก็มีตัวเลือกที่หลากหลายมาก อีกทั้งราคาไม่ได้สูงเหมือนในอดีต โดยในการฉีด “โบท็อกซ์” เข้าสู่ร่างกายนั้นจะต้องทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ เพราะจะมีเรื่องขนาด ปริมาณของตัว “โบท็อกซ์” เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ใครก็ได้เป็นคนฉีดโบท็อกซ์ หากทำไม่ดีหรือฉีดไม่ถูกจุดอาจจะส่งผลระยะยาวไปถึงเส้นประสาทของผู้เข้ารับการฉีดโบท็อกซ์ได้ค่ะ

ซึ่งยี่ห้อโบท็อกซ์ที่เราใช้ จะเป็นของ Allergan จากสหรัฐอเมริกา เป็นบริษัทแรกที่ทำการวิจัย คิดค้นนำสารนี้มาผลิตเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ และริ้วรอยเป็นเจ้าแรก และโบท็อกซ์ Allergan เป็นแบรนด์แรกที่ผ่านการรับรองจาก USFDA หรือองค์การอาหารและยาสหรัฐ ถือเป็นโบท็อกที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมากที่สุด จนได้รับความนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการคลินิกความงามทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของโบท็อกซ์จนถึงในปัจจุบัน
หลักการทำงาน Botox
เมื่อแพทย์ฉีดโบท็อกซ์ Botox เข้าไปแล้วจะออกฤทธิ์ให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอ่อนแรงลงชั่วคราว ขยับได้น้อยลง จนกล้ามเนื้อที่หดเกร็งอยู่เริ่มคลายตัว อย่างริ้วรอยที่อยู่บนหน้าลดเลือนลง ผิวมีความเรียบเนียนมากขึ้น อย่างเช่น ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยหน้าผาก หางตา
นอกจากนั้นกล้ามเนื้อที่ขยับได้น้อยลง เมื่อเวลาผ่านไปกล้ามเนื้อจะเริ่มลีบเล็กลงเรื่อยๆ ส่งผลให้บริเวณที่มีกล้ามเนื้อแข็งเริ่มนิ่ม อย่างเช่น ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม หรือน่อง อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ ช่วยให้เหงื่อและกลิ่นตัวลดน้อยลงได้
เสกผิวให้เรียบตึง ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ Botox
ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์แต่ละบริเวณจะใช้ระยะเวลาในการเห็นผลแตกต่างกันไป ซึ่งการฉีดโบท็อกลดริ้วรอย จะเริ่มเห็นผลได้หลังจากฉีดโบท็อกซ์ภายใน 2-3 วัน ว่าริ้วรอยจางลง และเมื่อกล้ามเนื้อขยับได้น้อย ส่วนการฉีดโบท็อกซ์ปรับรูปหน้าจะเริ่มเห็นผลใน 4-7 วัน และจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นภายใน 1 เดือน จะเห็นว่าใบหน้าเรียวขึ้น
โดยผลลัพธ์การฉีดโบท็อกซ์ สามารถคงอยู่ได้นานถึง 6-8 เดือนเลยทีเดียว เมื่อโบท็อกซ์หมดฤทธิ์กล้ามเนื้อจะเริ่มหดตัวกลับมาเป็นปกติ สามารถขยับได้ตามเดิม ซึ่งฤทธิ์โบท็อกจะสลายตัวได้เอง โดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ภายในร่างกายอีกด้วย
เลือกฉีดโบท็อกซ์ ให้ปลอดภัย
ในปัจจุบันนิยมฉีดโบท็อกซ์กันอย่างมาก เป็นที่ต้องการสูงในท้องตลาดวงการเสริมความงาม ดังนั้นโบท็อกซ์ปลอม ที่ไม่ผ่านมาตรฐาน หรือไม่มีคุณภาพจึงระบาดหนัก ซึ่งถ้าหากเราไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนฉีดโบท็อกซ์ หรือเลือกฉีดกับผู้ที่ไม่ใช่แพทย์จริงๆ ก็อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ อาการอาจพบได้ว่าฉีดไปแล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ หรือหากโชคร้ายหน่อยฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว ตาตก ไปจนถึงเคสหนักๆ อย่างติดเชื้อได้เช่นกันค่ะ ดังนั้นก่อนฉีดโบท็อกซ์ควรศึกษาหาข้อมูลเป็นอย่างดีก่อนทุกครั้ง โดยมีวิธีการเลือกฉีดโบท็อกให้ปลอดภัย
โบท็อกซ์ Botox ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง?
โบท็อกซ์ ขึ้นชื่อในเรื่องของการฉีดลดริ้วรอย ลดขนาดของกราม ให้ใบหน้าเล็ก เรียว แต่นอกจากทั้ง 2 อย่างนี้แล้ว โบท็อกซ์ Botox ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาบนใบหน้า คอ และลำตัวได้อีกหลายอย่าง ดังนี้
- ริ้วรอย โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็ง คลายตัวออก ส่งผลให้ริ้วรอย รอยยับต่าง ๆ จางลง ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้น เช่น รอยตีนกา ริ้วรอยบนหน้าผาก ริ้วรอยระหว่างคิ้ว โดยการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ใน 2-3 วันหลังฉีด
- ปัญหาขนาดกล้ามเนื้อใหญ่ โบท็อกซ์จะออกฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ขยับได้น้อยลง เมื่อผ่านเวลาไปกล้ามเนื้อจะเริ่มลีบเล็ก และกล้ามเนื้อที่เคยแข็งจะเริ่มนิ่ม บริเวณที่นิยมฉีดเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ อย่างเช่นบริเวณกราม เพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก และบริเวณน่องขา เพื่อให้ขาเรียวสวยขึ้น โดยการฉีดโบท็อกซ์ลดขนาดกล้ามเนื้อ จะเห็นผลลัพธ์ได้แบบเต็มที่ใน 1-2 เดือน
- เหงื่อไหลเยอะ กลิ่นเหงื่อ โบท็อกซ์ช่วยยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมฉีด บริเวณใต้รักแร้ สำหรับคนที่มีปัญหาเหงื่อออกเยอะจนมีกลิ่นตัว แต่นอกจากนั้นก็ยังสามารถฉีดบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และไรผมได้อีกด้วย ซึ่งผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกลดเหงื่อจะเริ่มเห็นผลใน 2-3 วันหลังฉีดว่าเหงื่อลดน้อยลง
- ปัญหาผิวหนัง เช่น รูขุมขนกว้าง โบท็อกซ์ยังสามารถช่วยกระชับขนาดรูขุมขนให้เล็กลงได้เช่นกัน โดยแพทย์จะฉีดโบท็อกซ์ไปยังกล้ามเนื้อและต่อมไขมัน ซึ่งสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ภายใน 2-3 วันหลังฉีดว่าต่อมไขมันมีขนาดเล็กลง ทำให้ผิวเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
วิธีเลือกฉีดโบท็อกซ์ให้ปลอดภัย
- ตัวกล่อง โบท็อกซ์ Allergan 100 units จะเป็นสีขาว/ม่วง ส่วน Allergan 50 units จะเป็นสีขาว/แดง
- ตัวกล่องด้านนอกจะมีสติ๊กเกอร์ใสๆ ปิดฝากล่อง ป้องกันการเปิด
- ฝากล่องด้านล่างจะมีเลข Lot. ที่ตรงกับ เลข Lot. ของขวดโบท็อกซ์ด้านใน รวมถึงมี วัน/เดือน/ปี ที่ผลิตและวันหมดอายุ
- เมื่อเปิดกล่องด้านข้างออกมาจะมีเอกสารกำกับภาษาไทยและเลขทะเบียน อย.
- ข้างขวดจะมีโฮโลแกรมคำว่า ‘Allergan’ ติดอยู่
- ที่ฝาขวดโบท็อกจะมีฝาพลาสติกปิดอยู่ 1 ชั้น
- ด้านในขวดไม่มีน้ำแต่จะเป็นตัวยาสีขาวขุ่นเคลือบอยู่ที่ก้นขวด เมื่อเริ่มใช้ต้องใส่น้ำเกลือแล้วดูดตัวยาออกมา
- สามารถโทรตรวจสอบเลข Lot. ได้จากบริษัทผู้นำเข้า Allergan Thailand (DKSH) โทร. 02-640-4999 ต่อ 1 หรือเวปไซด์ www.thailandbeautydecoded.com
นอกจากนี้ต้อง คลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ทันสมัย ที่สำคัญต้องมีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง และ แพทย์มีความเชี่ยวชาญสูง การฉีดโบท็อกซ์แม้จะใช้เวลาไม่นาน แต่แพทย์จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญ ความรู้และประสบการณ์เป็นอย่างมาก เพื่อลดความเสี่ยงในการฉีดพลาด ไม่ตรงจุดของปัญหา ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้
ฉีดโบท็อกซ์ Botox จุดไหนถึงจะปัง
โบท็อกซ์สามารถฉีดได้ทั้งใบหน้าและลำตัว แต่ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะคุ้นเคยกับการฉีดโบท็อกซ์บริเวณใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย บริเวณหน้าผาก หางตา หรือการฉีดโบท็อกซ์เพื่อการปรับรูปหน้า เช่น การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม แต่นอกจากนี้แล้วโบท็อกซ์ Botox ยังสามารถฉีดได้อีกหลายจุด
เคล็ดลับฉีดโบท็อกซ์ Botox ให้ได้ผลดีขึ้น
โบท็อก Botox เป็นสารที่สามารถสลายตัวได้ เมื่อหมดฤทธิ์ปัญหาใบหน้าของเราก็จะกลับมาเหมือนเดิม ดังนั้นเพื่อผลลัพธ์ที่อยู่ได้อย่างยาวนาน เรามีเคล็ดลับที่ช่วยให้ Botox ที่ฉีดมาได้ผลดีมีประสิทธิภาพ และอยู่ได้นานขึ้น
- งดสัมผัส หลีกเลี่ยงการสัมผัสไม่ว่าจะเป็น กด จับ คลำ บริเวณที่เพิ่งฉีดโบท็อกซ์มาประมาณ 6-8 ชั่วโมง เพราะอาจจะทำให้โบท็อกซ์ที่ฉีดไปเคลื่อนที่ไปยังส่วนอื่น ๆ ได้
- ขยับกล้ามเนื้อบ่อยๆ พยายามขยับกล้ามเนื้อในส่วนที่ฉีดบ่อย ๆ โดยเฉพาะคนที่ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม หลังฉีดเสร็จควรกัดฟัน หรือ เคียวหมากฝรั่ง เพื่อเป็นตัวช่วยในการคลายกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังช่วยให้โบท็อกกระจายตัว และทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
- เลี่ยงความร้อน ช่วงสัปดาห์แรกหลังจากฉีดโบท็อกซ์ ควรงดเข้าซาวน่า หรือทำเลเซอร์ เนื่องจากความร้อนอาจจะทำให้กล้ามเนื้อหดขยายตัว และทำให้โบท็อกซ์เคลื่อนตัวไปยังกล้ามเนื้อมัดอื่นได้
- ประคบเย็น หลังฉีดถ้าเกิดอาการบวมแดง สามารถประคบเย็น โดยใช้น้ำแข็งห่อผ้า หรือใช้เจลเย็นในการประคบได้ เพื่อเป็นการบรรเทาอาการ โดยอาการบวมแดงไม่เป็นอันตราย และสามารถหายได้เองภายใน 1-2 วัน
- เว้นช่วงในการฉีด ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ติดต่อกันบ่อยจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการดื้อโบท็อกได้ ดังนั้นถ้าจะฉีดโบท็อกครั้งต่อไป ควรเว้นระยะในการฉีดอย่างน้อย 3 เดือน
ฉีดโบท็อกซ์ อันตรายไหม ?
สำหรับคนที่ยังไม่เคยฉีดโบท็อกซ์ก็คงจะมีความกังวลเรื่องการฉีดโบท็อกซ์ว่ามันอันตรายไหม เห็นคนที่ทำมาแล้วไม่ดีบ้างหรือตามที่ออกข่าวก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นหน้าแข็ง ยิ้มไม่ได้ ไม่เป็นธรรมชาติ โบท็อกซ์แท้ที่ได้มาตรฐาน สามารถสลายเองได้ 100% ไม่มีสารตกค้าง มีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ความปลอดภัยยังขึ้นกับประสบการณ์ของแพทย์ที่ฉีดโบท็อกซ์ หากฉีดโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ ใช้เทคนิคที่ถูกต้อง ประเมินปริมาณตัวยาที่เหมาะสม ก็จะไม่มีผลข้างเคียงหรือเป็นอันตรายค่ะ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนะคะเราจะต้องตรวจสอบแพทย์และคลินิกให้ดีๆ ว่าเป็นแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพจากแพทย์สภาหรือไม่ หากตรวจสอบว่าไม่พบก็ฟันธงได้เลยว่าเป็นหมอปลอมหรือหมอกระเป๋าที่เรารู้จักกันนั่นเองค่ะ
ฉีดโบท็อกยี่ห้อไหนดี ? แต่ละยี่ห้ออยู่ได้นานแค่ไหน ?
โบท็อกซ์มีหลายยี่ห้อจากหลายประเภท ได้แก่
โบท็อกอเมริกา (Allergan) เป็นบริษัท Original ของโบท็อกซ์ มีงานวิจัยรับรองกว่า 3,500 งานวิจัย และผ่านการพัฒนาเพื่อที่มีฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วจะมีโอกาสดื้อโบท็อกน้อยที่สุด และเห็นผลการรักษาดีที่สุดเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆ ค่ะ โบท็อกซ์อเมริกาตัวยามีการกระจายตัวแคบที่สุด จึงให้ผลการรักษาที่แม่นยำ การฉีดโบท็อกอเมริกาเพื่อให้อยู่ได้นานและผลเป็นธรรมชาติที่สุด ต้องอาศัยแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง สามารถคาดคะเนการออกฤทธิ์ของโบท็อกซ์ได้แม่นยำด้วยค่ะ
โบท็อกอังกฤษ (Dysport) จุดเด่นของโบท็อกซ์อังกฤษ คือเมื่อฉีดแล้วตัวยากระจายทั่วถึง ไม่กระจุกเป็นจุดแคบๆ เหมาะกับการฉีดโบท็อกซ์ลิฟหน้าด้วยเทคนิค Dermolift เพื่อยกกระชับผิว สำหรับคนที่ต้องการลดริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติจะตึงขึ้นประมาณ 50% นอกจากนี้จะนิยมใช้ Dysport ฉีดลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว ลดต้นแขน ลดน่องครับ
โบท็อกเกาหลี (Nabota/Aeslax) โบท็อกซ์เกาหลีถือเป็นโบท็อกซ์ที่ได้รับความนิยม ทั้ง Nabota และ Aestox เลยค่ะ ส่วนใหญ่โบท็อกซ์เกาหลีจะเน้นการพัฒนาให้ออกฤทธิ์ไวเทียบเท่าโบท็อกซ์ Allergan (โบท็อกซ์อเมริกา) แต่มีราคาที่ถูกกว่าเท่าตัว ซึ่งความแตกต่างของทั้ง 2 ตัวนี้ Nanota จะออกฤทธิ์ไว เห็นผลลัพธ์หลังฉีดค่อนข้างเร็ว นิยมนำมาใช้ในการลดริ้วรอย ส่วน Aestox เป็นโบท็อกซ์เกาหลีอีกหนึ่งตัวที่ผ่าน อย.ไทย เห็นผลไว มีความอ่อนโยน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ นิยมฉีดเพื่อลดริ้วรอยหางตา รอยย่นหน้าผาก ระหว่างคิ้ว
โบท็อกเยอรมัน (Xeomin) โบท็อกซ์เยอรมันจะเน้นพัฒนาโดยเอาข้อดีของ Allergan กับ Dysport มารวมกัน คุณสมบัติมีความบริสุทธิ์สูงและตัวยาจะไม่กระจุกตัวแคบเกินไป ทำให้ผลที่ได้ออกมาเป็นธรรมชาติ
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อกซ์
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกซ์ รวมไปถึงวิธีการสังเกตโบท็อกซ์แท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัย
- เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ เพราะแพทย์จะสามารถประเมินถึงปัญหาได้ตรงจุด และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
- ฉีดโบท็อกซ์แท้ ผ่านการรับรองจาก อย.เท่านั้น เพื่อลดโอกาสการดื้อยาและเกิดผลข้างเคียง
- งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, Ponstan
- งดสครับใบหน้า คอร์สเลเซอร์ แว็กผิวหรือนวดหน้าบริเวณที่ฉีด 2-3 วัน เพื่อลดอาการเขียวช้ำ
- หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำ ควรปรึกษาหรือแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
ขั้นตอนการฉีดโบท็อกซ์
- พบแพทย์เพื่อปรึกษาประเมินรูปหน้า สภาพผิว ปัญหาที่กังวล
- เลือกยี่ห้อของโบท็อกซ์ที่จะใช้ เพื่อให้เหมาะกับปัญหาและจุดที่ฉีด ซึ่งมีให้เลือกทั้งของอเมริกา/อังกฤษ/เกาหลี โดยแต่ละชนิดก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปค่ะ ทั้งประสิทธิภาพและราคาค่ะ
- แพทย์ฉีดโบท็อกซ์ในตำแหน่งที่ต้องการรักษา และเลือกใช้โบท็อกในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล
- สำหรับใครที่กังวลว่าฉีดโบท็อกซ์จะเจ็บไหม ก่อนฉีดจะมีการทายาชาก่อนค่ะ เพื่อให้เวลาฉีดโบท็อกจะไม่รู้สึกเจ็บ แล้วแพทย์จะฉีดโบท็อกซ์ด้วยเข็มขนาดเล็กไปยังบริเวณกล้ามเนื้อค่ะ
หลังฉีดโบท็อกซ์ดูแลตัวเองยังไง?
- หลังฉีดโบท็อกซ์ควรรีบขยับเกร็งกล้ามเนื้อที่ฉีดทันที 1-2 ครั้ง เพื่อให้โบท็อกถูกเซลล์ประสาทดูดเข้าไปให้มากที่สุด
- ควรทานอาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสี เพื่อช่วยให้โบท็อกซ์ออกฤทธ์ไวขึ้น และทำงานดีขึ้น
- งดนอนราบ นอนคว่ำ หรือก้มหัวต่ำกว่าอก 3 ชม. เพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนมาที่บริเวณใบหน้ามากขึ้น ส่งผลให้โบท็อกที่ฉีดปลิวไปบริเวณที่ไม่ต้องการได้
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง 48 ชม. เช่น อบซาวน่า ออกกำลังกายหนักๆ ตากแดด ทำเลเซอร์
- หลังฉีดโบท็อกซ์ควรงดอาหารรสจัด และอาหารหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว
- งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด เนื่องจากจะส่งผลต่อการอักเสบ ยุบบวมช้า และผลการรักษาอยู่ได้สั้นลงอีกด้วย
ข้อควรระวังในการฉีดโบท็อกซ์
ฉีดโบท็อกซ์ก็มีข้อควรระวังและข้อจำกัดอยู่นะคะ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำสวยได้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ได้นะ ซึ่งบุคคลไม่สามารถฉีดโบท็อกได้ ดังนี้
- ผู้ที่มีอาการแพ้สาร Botulinum
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
- ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงรุนแรง
- ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกแล้วหยุดยาก
รีวิวฉีดโบท็อกซ์ ที่ เอเพ็กซ์











