เครียดแล้วผมร่วง จริงหรือไม่ พร้อมวิธีการรักษาผมร่วงให้หายขาด

ผมร่วงเป็นปัญหาที่กวนใจกับคนจำนวนไม่น้อย บางคนก็เลือกใช้การรักษาด้วยการปลูกผมถาวร ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด แต่ทั้งนี้ก็มีคนไข้ที่ Apex จำนวนไม่น้อยที่มักเข้ามาสอบถามกับเราว่า “เครียดมาก ๆ ทำให้ผมร่วงจริงไหม ?” บทความนี้เราจะมาไขทุกข้อสงสัยกับหัวข้อนี้กัน

เครียดแล้วผมร่วง จริงหรือไม่

เครียดแล้วผมร่วง จริงหรือไม่

เครียดแล้วผมร่วงได้จริง เนื่องจากความผิดปกติของเส้นผมชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Telogen effluvium (TE) เกิดจากการที่เส้นผมเข้าสู่ระยะพักตัว (telogen phase) เร็วกว่าปกติ ส่งผลให้เส้นผมหลุดร่วงมากกว่าปกติ

ความเครียดสามารถกระตุ้นให้เส้นผมเข้าสู่ระยะพักตัวได้เร็วขึ้น เนื่องจากความเครียดจะส่งผลต่อการทำงานของต่อมหมวกไต ซึ่งจะผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล (cortisol) ออกมามากเกินปกติ ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะยับยั้งการเจริญเติบโตของเส้นผม ทำให้เส้นผมเข้าสู่ระยะพักตัวเร็วขึ้น

นอกจากนี้ ความเครียดยังอาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเส้นผม เช่น โปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ ซึ่งก็อาจทำให้ผมร่วงได้เช่นกัน

อาการผมร่วงจากความเครียดมักเป็นผมร่วงแบบทั่วศีรษะ ผู้ป่วยจะสังเกตเห็นผมร่วงมากขึ้นเมื่อสระผมหรือหวีผม อาการผมร่วงมักเกิดขึ้นภายใน 2-3 เดือนหลังจากเกิดภาวะเครียด และมักค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 6-12 เดือน

วิธีป้องกันผมร่วงจากความเครียด

  • หาวิธีผ่อนคลายความเครียด เช่น การนวด การฟังเพลง การอ่านหนังสือ หรือออกกำลังกาย
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับเป็นเวลาอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายมีเวลาในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอและปรับสมดุลของฮอร์โมนต่าง ๆ

สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้ผมร่วง

  • ภาวะเจ็บป่วย ภาวะเจ็บป่วยบางชนิด เช่น โรคไทรอยด์ โรคโลหิตจาง โรคภูมิแพ้ โรคผิวหนัง หรือโรคมะเร็ง อาจทำให้ผมร่วงได้
  • การผ่าตัด การผ่าตัดบางชนิด เช่น การผ่าตัดศีรษะหรือคอ อาจทำให้เส้นผมร่วงบริเวณที่ผ่าตัด
  • การใช้ยาบางชนิด ยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัด ยารักษาโรคหัวใจ ยารักษาโรคจิต หรือยารักษาโรคผิวหนัง อาจทำให้ผมร่วงได้
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น การตั้งครรภ์ การคุมกำเนิด หรือวัยหมดประจำเดือน อาจทำให้ผมร่วงได้
  • กรรมพันธุ์ กรรมพันธุ์เป็นสาเหตุของผมร่วงที่พบได้บ่อยที่สุด ส่งผลให้เส้นผมร่วงเป็นหย่อมๆ หรือร่วงทั่วศีรษะ
  • โรคบางชนิด โรคบางชนิด เช่น โรคภูมิแพ้ โรคผิวหนัง โรคเบาหวาน โรคแอนเจลิมา โรคลูปัส หรือโรคซิสติกไฟโบรซิส อาจทำให้ผมร่วงได้
  • ผลข้างเคียงจากการรักษาโรค การรักษาโรคบางชนิด เช่น การผ่าตัด รังสีรักษา หรือเคมีบำบัด อาจทำให้ผมร่วงได้

รักษาอาการผมร่วงอย่างไรให้หายขาด

การรักษาผมร่วงขึ้นอยู่กับสาเหตุของผมร่วง หากผมร่วงแบบชั่วคราว อาจไม่จำเป็นต้องรักษา เนื่องจากผมจะกลับมางอกใหม่ได้เอง แต่หากผมร่วงแบบถาวร อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้

  • ยา มียารักษาผมร่วงหลายชนิด เช่น ยาทา ยารับประทาน และยาฉีด ยาบางชนิดอาจช่วยยับยั้งการหลุดร่วงของเส้นผม หรือกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่
  • การกระตุ้นรากผม การกระตุ้นรากผมด้วยวิธีต่างๆ เช่น การนวดหนังศีรษะ การฉายแสง หรือเลเซอร์ อาจช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่
  • การปลูกผม การปลูกผมเป็นวิธีรักษาผมร่วงแบบถาวร โดยนำรากผมจากบริเวณที่มีผมหนาไปปลูกบริเวณที่มีปัญหาผมร่วง เช่น การปลูกผมด้วยแขนกล หรือ ปลูกผมถาวรด้วยเสต็มเซลล์ เป็นต้น

เชื่อว่าเครียดแล้วผมร่วงเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายคน หากปล่อยต่อไปเรื่อยอาจทำให้หัวล้าน หัวบางได้ในที่สุด และสำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับผมร่วง ผมบาง หนังศีรษะล้าน สามารถเข้ามาปรึกษากับเราได้ที่ Apex ทุกสาขาได้เลยนะคะ

 

สอบถามเพิ่มเติม เลเซอร์รักษาผมร่วง โทร. 080-5000-123
Line : @apexhaircenter

 

#Apex #apexmedicalcenter #เอเพ็กซ์ #เอเพ็กเมดิคอลเซ็นเตอร์ #เสริมความงาม #คลินิกเสริมความงาม #ปลูกผม #ปลูกผมราคา #ราคาปลูกผม #ปลูกผมถาวร #ปลูกผมธรรมชาติ #ปลูกผมทั้งหัว #ปลูกผมใกล้ฉัน #ปลูกผมที่ไหนดี #ปลูกผมราคาถูก #โปรโมชั่นปลูกผม #กระตุ้นเซลล์รากผม #ปลูกผม Fue #ย้ายรากผม

Apex, apexmedicalcenter, เอเพ็กซ์, เอเพ็กเมดิคอลเซ็นเตอร์, เสริมความงาม, คลินิกเสริมความงาม, ปลูกผม, ปลูกผมราคา, ราคาปลูกผม, ปลูกผมถาวร, ปลูกผมธรรมชาติ, ปลูกผมทั้งหัว, ปลูกผมใกล้ฉัน, ปลูกผมที่ไหนดี, ปลูกผมราคาถูก, โปรโมชั่นปลูกผม, กระตุ้นเซลล์รากผม, ปลูกผม Fue, ย้ายรากผม