บอกเล่าประสบการณ์สัมผัส ICE LAB อุณหภูมิ -110 องศาเซลเซียส

บอกเล่าประสบการณ์สัมผัส ICE LAB อุณหภูมิ -110 องศาเซลเซียส

ICE Lab, cryotherapy, การดูแลสุขภาพ, วิธีลดน้ำหนัก, การลดน้ำหนัก, สุขภาพ
ภาพบรรยากาศจำลองประกอบบทความ

เมื่อไม่นานมานี้ ผมมีความรู้สึกว่า อุณหภูมิที่หนาวที่สุดที่ผมเคยเจอมาก็เมื่อตอนที่ผมไปเที่ยวเกาหลี ซึ่งแม่งโคตรหนาว หนาวจนสั่น หนาวจนเจ็บเท้าเวลาเดิน อีกครั้งหนึ่งก็ตอนที่ผมไปขึ้นดอยอินทนนท์ เวลาประมาณตี 5 ถึง 6 โมงเช้า อุณหภูมิประมาณ 5 องศา ซึ่งแม่งก็โคตรหนาวซะยิ่งกว่าที่เกาหลี เรียกว่าควันออกปากกันตลอดเวลา ยังดีที่มีโจ๊กและกาแฟร้อนๆ ขายให้พอจะช่วยทุเลาความหนาวได้ ซึ่งตอนเที่ยวเชียงใหม่ที่สวนสัตว์มันมีสโนว์โดมเขียนว่า -7 องศา ใจนึงก็อยากเข้าไปลองดู แต่อีกใจนึงก็คิดว่า เอ่อ…ข้างนอกหนาวประมาณ 10 องศา ยังหนาวขนาดนี้ ถ้าเข้าไปข้างใน -7 องศา นี่คงตายกันพอดี

แต่เมื่อวานนี้พอดีว่าเพื่อนชวนไปลอง Ice Lab ที่เพลินจิต บอกว่า -110 องศา เข้าไปอยู่ข้างในประมาณ 3 นาที ก็คิดว่า…เอาวะลองดู เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งของชีวิตที่คงหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากทราบราคา ก็จะอยู่ที่ 5,000 บาทครับ เป็นราคาแบบต่อวัน เข้ากี่รอบก็ได้แต่ต้องเว้นระยะประมาณ 1 ชั่วโมงระหว่างรอบนะครับ นวัตกรรมฟื้นฟูร่างกายจากอากาศหนาว ถ้าใครคิดว่ามันดีจะสมัครเป็นรายปี ก็จะถูกลงไปมหาศาลเมื่อเทียบกับราคาต่อวัน (ลดไปประมาณ 95% …ใช่ครับ ฟังไม่ผิด ราคาต่อปีเมื่อเทียบกับราคาต่อวัน เหลือเพียงแค่ประมาณ 5% เท่านั้น)

อาจจะมีคนไม่น้อยที่ในใจคิดว่า เมิงจะเข้าไปทำอะไรในห้อง -110 องศา .. เพื่อ? .. จริงๆ นวัตกรรมนี้ผมเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยสโมสรฟุตบอลหลายๆ แห่งติดตั้งห้องแบบนี้ที่สโมสรในต่างประเทศ เพื่อซ่อมแซมร่างกายและกล้ามเนื้อ เอางี้ นี่คือสิ่งที่เค้าเคลมมาว่า เป็นนวัตกรรมการบำบัดด้วยความเย็นสุดขั้ว (Cryotherapy) ที่อุณหภูมิ -110 องศาเซลเซียส จะช่วยเรื่องการบำบัดการบาดเจ็บภายในร่างกาย เพิ่มสมรรถภาพ ทำให้เกิดความผ่อนคลาย ความสดชื่น บลาๆๆ และสำหรับท่านที่ต้องการลดความอ้วน ผู้ให้บริการก็ยังแนะนำอีกว่า เครื่องนี้จะทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานประมาณ 500 กิโลแคลอรี่ ในระยะเวลาประมาณแค่ 3 นาที

ICE Lab, cryotherapy, การดูแลสุขภาพ, วิธีลดน้ำหนัก, การลดน้ำหนัก, สุขภาพ
ภาพบรรยากาศจำลองประกอบบทความ

ส่วนตัวผมนั้นไม่ได้ต้องการจะเบิร์นไขมัน เผาผลาญแคลอรี่ หรือรักษาความเจ็บป่วยทางร่างกายแต่อย่างใด แต่เป็นการเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนๆ เพราะตั้งแต่เห็นข่าวเกี่ยวกับห้องนี้ตามสโมสรฟุลบอลต่างประเทศ ก็คิดในใจว่าอยากจะลองดูซักครั้ง สบโอกาสที่เพื่อนได้แนะนำให้ลองดู ก็เลยจัดไป

เมื่อวานเลยจัดไป 3 รอบ เพราะว่าเค้าตั้งเอาไว้ว่า การเข้าไปในห้องอุณหภูมิ -110 องศานั้น ไม่ควรเกิน 3 นาที มันเลยกลายเป็นเป้าหมายให้เราพิชิต ว่าจะต้องอยู่ในนั้นให้ได้ 3 นาที โดยที่ครั้งแรกสุดจะให้อยู่แค่ 1 นาที เพื่อเป็นการปรับตัวแล้วออกมารอ 1 ชั่วโมง บางคนอาจคิดว่า ง่ายจะตายแค่ 3 นาที จะไปยากเย็นอะไร … เหอะๆๆๆๆ … เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง .. มันไม่เหมือนกับการที่เราไปเที่ยวเมืองนอก ไปลานหิมะ ใส่เสื้อโค้ทหนาๆ ป้องกันความหนาว เพราะการเข้าห้องแช่แข็งนี้ต้องถอดเสื้อเลย เมื่อวานผมเข้าไปพร้อมกับคุณหนุ่ย ซึ่งเคยมีประสบการณ์เข้ามาหลายครั้ง เค้าสามารถถอดเสื้ออยู่ในนั้นได้ 3 นาทีสบายๆ .. แต่ผมขอใส่เสื้อคลุมหน่อยละกัน ถึงจะเป็นแค่ผ้าบางๆ ก็ขอเซฟตัวเองไว้ก่อน ฮ่าๆ

สถานที่ให้บริการ Ice Lab จะตั้งอยู่แถวๆ เพลินจิต ผมไม่ได้ค่าโฆษณาอะไร แค่อยากเล่าประสบการณ์ให้ฟังเฉยๆ ถ้าเพื่อนๆ อยากไปทดลองก็จะชี้ช่องให้ครับ เมื่อเข้าไปในตึกบริษัทที่ให้บริการ Ice Lab จะอยู่ที่ชั้นสอง ผมไปจอดรถไว้ที่ห้างแมริออท สุขุมวิท 2 (ซึ่งหาที่จอดค่อนข้างยาก) แล้วติดรถคุณหนุ่ยไป ห่างจากห้างแมริออทแค่ 200 เมตร

ก่อนที่จะเข้าไปในห้องเชือด (ฮ่าๆ) .. เค้าต้องมีการตรวจสุขภาพก่อนเล็กน้อย ทั้งวัดความดัน อัตราการเต้นของหัวใจ และเซ็นใบยอมรับสภาพว่าหากตายขึ้นมาจะไม่เอาเรื่องเอาราว (ฮ่าๆๆ ล้อเล่นนะครับ เป็นใบที่ถามว่าคุณเป็นโรคเหล่านี้หรือไม่ เค้าก็มีรายการให้เราอ่าน) โอเคส่วนตัวอ่านแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาในรายการที่ว่ามา แต่ตรวจสุขภาพแล้วหัวใจเต้นเร็วกว่าปกตินิดหน่อย อาจจะเป็นเพราะส่วนตัวไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย แล้วก็มีความรู้สึกกลัวเล็กน้อยที่กำลังจะเข้าไปทำในสิ่งที่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเราจะทำได้แค่ไหน

หลังจากนั้นผมก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ถอดของเก่าทิ้ง เค้าจะมีกางเกงขาสั้นบางๆ ให้ตัวนึง แล้วก็เสื้อคลุม ทุกอย่างดูบางไปหมด เพราะเค้าต้องการให้ร่างกายได้รับความหนาวเย็นได้มากที่สุด แต่ก็ยังมีสิ่งที่ต้องปกป้อง เช่น ใบหู เค้าจะมีผ้ารัดศีรษะที่จะปิดใบหูเอาไว้ และมีหน้ากาก Mask ให้อันนึง ส่วนถุงมือเค้าให้ใส่ 2 ชั้น และถุงเท้ากับรองเท้าที่เค้าเตรียมเอาไว้ให้พร้อมทุกอย่าง

ห้อง Ice lab จะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ห้องแรก -10 องศา ห้องที่สอง -60 องศา และห้องที่สาม -110 องศา สำหรับห้องแรกและห้องที่สอง จะเป็นห้องที่เอาไว้ปรับสภาพ เข้าไปประมาณแค่ 10 วินาที แล้วเดินผ่านไปทีละห้องจนถึงห้องสุดท้าย ที่เราจะต้องอยู่ประมาณ 3 นาทีในนั้น

ทันทีที่ผมเข้าไปในห้องแรก ผมก็รู้สึกถึงความเย็นสบาย เหมือนเดินอยู่ในห้างที่มีเครื่องปรับอากาศแรงๆ ประมาณนั้น ไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่ ก็ยังโอเคอยู่ พอเข้ามาถึงห้องที่สอง เห้ย…เหมือนอยู่ในตู้เย็นช่องฟรีส เริ่มเย็นมาก บรรยากาศภายในห้องเริ่มมีหมอกไอเย็นหนาแน่นเพิ่มขึ้น และในเวลาไม่นานพวกเราก็เปิดประตูเข้าไปในห้องสุดท้าย ทันทีที่เข้าไป ผมก็มีความรู้สึกว่า หืมม…เนี่ยเหรอ -110 ก็ไม่เท่าไหร่นี่หว่า ฮ่าๆๆ แต่พอผ่านไปซัก 10 วินาที ผมมีความรู้สึก เช็ดเข้ ทำไมมันหนาวขึ้นเรื่อยๆ เห้ยๆๆๆๆ มันหนาวเกินไปแล้ว ซึ่งภายใน 30 วินาที ผมมีความรู้สึกปวดที่กล้ามเนื้อแขน มันปวดจากข้างในจนอธิบายไม่ถูก ซึ่งพยาบาลและคุณหนุ่ยก็บอกว่าเป็นอาการปกติ ซึ่งจริงๆ แล้วก็ยังอยู่ในระดับที่ทนได้

พอครบ 1 นาที ผมซึ่งเข้ามาเป็นครั้งแรก ก็ต้องออกมาก่อนตามกำหนดที่ตกลงกันไว้ การออกจากห้องก็ต้องออกเป็นขั้นตอนเหมือนกับตอนเข้ามา คือออกไปทีละห้องค่อยๆ เพิ่มอุณหภูมิทีละ 10 วินาที หลังจากออกจากห้องแล้วอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในระหว่างอยู่ในห้องก็หายไปแทบจะทันที สิ่งที่ตามมาก็คือ ความรู้สึกโล่ง สมองมันปลอดโปร่งขึ้น

ICE Lab, cryotherapy, การดูแลสุขภาพ, วิธีลดน้ำหนัก, การลดน้ำหนัก, สุขภาพ
ภาพบรรยากาศจำลองประกอบบทความ

ประกอบกับที่ผมไม่ได้มีนัดหรือธุระที่อื่น จึงจะขออยู่ตามสิทธิ์ Day Pass คือเข้ากี่ครั้งก็ได้ในวันนั้น ตามความตั้งใจก็คือ อยากจะอยู่ให้ได้ 3 นาที แต่ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะทำได้รึเปล่า เพราะผมมีอาการเจ็บปวดค่อนข้างมาก จนผมที่ตอนแรกกลัวว่ามันจะหนาวจนทนไม่ได้ กลับไม่รู้สึกว่ามันหนาวมาก แต่กลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดมากกว่า

ทุกครั้งที่เข้าไป ถ้าหากเรามาคนเดียวก็จะมีพนักงานเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนข้างในห้องนั้นเสมอ (เค้ามีพนักงานหรือพยาบาลเตรียมเอาไว้หลายคนอยู่นะ) เหมือนคอยพูดคุย คอยให้กำลังใจ ว่าให้เราอยู่ให้ครบ 3 นาทีให้จงได้

ลืมเล่าถึงข้อห้ามในการเข้าไปอยู่ในห้อง สิ่งที่ไม่สามารถทำได้ก็คือ การสัมผัสสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในห้อง รวมถึงร่างกายตัวเองด้วย คุณจะไม่สามารถนั่งได้ ไม่สามารถกอดอก สิ่งที่ต้องทำคือการยืนเฉยๆ เดินไปรอบๆ ขยับตัวได้แต่ไม่หักโหม

สำหรับการเข้าห้อง Ice Lab ครั้งที่สอง ผมเข้าไปพร้อมกับพนักงานอีก 1 ท่าน ทันทีที่ผมเข้าไปในห้องสุดท้าย มันต่างจากที่ผมเข้ามาครั้งแรกโดยสิ้นเชิง สิ่งที่ผมรู้สึกเลยคือ เย็น มันไม่เชิงหนาว แต่มันเย็น เหมือนเรากำลังกอดก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ เอาตัวเปล่าๆ เรานาบลงไปบนก้อนน้ำแข็ง ผมตัวสั่น แบบสั่นจนตัวโยก เชี้ย!!!! …อาการปวดเริ่มต้นขึ้นแล้วเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือ ขาเริ่มปวดเหมือนแขน คราวนี้ผมอยู่ได้แค่ 1 นาที 30 วินาที “ขอ ออก ครับ” ผมจำเป็นต้องพูดคำนี้ออกมา เพราะมีความรู้สึกว่ามันปวดกล้ามเนื้อเอามากๆ ผมเดินออกจากห้องด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้…

จากนั้นผมได้จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า จ่ายเงิน แล้วเดินออกจากตึกไป เดินออกมาหน้าปากซอย ข้างๆ มีร้านขายอาหาร ผมรู้สึกหิว จึงสั่งข้าวมาทาน เสร็จแล้วผมก็เดินกลับมาที่ตึก แล้วนั่งรอเวลาอีก 1 ชั่วโมง

…อ้าว คิดว่าผมจะยอมแพ้เหรอครับ? บอกแล้วไง ผมจะเอา 3 นาที

ในระหว่างที่ผมกำลังรอเวลานั้นก็มีลูกค้าแวะเข้ามาหลายท่าน บางกลุ่มก็เป็นสาวๆ บางกลุ่มก็เป็นนักกีฬา บางกลุ่มก็เป็นฟิตเนส ผมรอจังหวะที่ห้องว่าง จึงไปเปลี่ยนชุดแล้วเตรียมเข้าเป็นรอบที่ 3 ของวันนี้ พอดีว่ามีพี่คนนึงที่เหมือนจะเป็นคนดูแลหรือผู้จัดการ (ไม่ได้ถามพี่เค้า) อยู่ด้วย ครั้งนี้เลยอยู่ในห้องกัน 3 คน

กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ… ในห้อง Ice Lab ครั้งที่ 3 ของผมในวันนี้ หลังจากผ่าน 1 นาที 30 วินาทีไปได้ ความปวดกล้ามเนื้อทั่วร่างกายก็เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น การสั่นจนตัวโยกกลับลดลง แต่หลังจากผ่านช่วง 2 นาที ผมมีความรู้สึกว่า ผมเริ่มจะละทิ้งความรู้สึกเจ็บปวดพวกนั้นไปได้ ผมพยายามขยับร่างกาย ที่มันเริ่มจะขยับยากเหมือนเครื่องจักรไม่ได้หยอดน้ำมัน การที่มีเพื่อนในห้องเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผมสามารถยังอยู่ต่อไปได้

ครบ 3 นาทีแล้ว…

ทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องนั้น ช่วงเวลาแห่งการฟื้นตัว ความรู้สึกที่ผมปวดทรมานในห้องนั้นก็หายไปแทบจะทันที มันมีความรู้สึกบางอย่างเอ่อล้นออกมา ผิวหนังมันเหมือนมีอะไรปกคลุมอยู่ความรู้สึกระยิบระยับ ฟรุ้งฟริ้งตามผิวหนัง ผมนั่งพักอยู่หน้าห้องนั้นซักพักนึง แล้วจึงแต่งตัวและกลับบ้าน

จะเพราะอะไรไม่รู้ แต่ผมเพลียมาก คนรู้จักจะรู้ว่าผมทำงานกลางคืนและนอนดึก ถ้าหากพยายามนอนหลับก่อน 5 ทุ่มหรือเที่ยงคืน ผมจะปวดหัว นอนไม่หลับ แต่วันนั้นหลังจากซ้อมเปียโนให้ลูกและเคลียร์งานอีกนิดหน่อย …คืนนั้นผมก็นอนหลับเป็นตายเลย

ขอขอบคุณบทความดีๆ จากคุณองอาจ วงศ์สานุภา

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

สอบถามและสำรองที่เพื่อพบกับประสบการณ์เย็นสุดขั้ว -110°C  ได้ที่ 085-000-0855