ในช่วงของการตั้งครรภ์คุณแม่จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เคยทำจนชินในหลาย ๆ เรื่อง เพื่อเป็นประโยชน์กับลูกน้อยมากที่สุด จนเมื่อคลอดลูกน้อยออกมา ทำให้คุณแม่สามารถกลับ อาจจะทำให้คุณแม่หลาย ๆ คนเกิดความรู้สึกเก็บกด แล้วปลดปล่อยด้วยการทำพฤติกรรมทำร้ายหุ่นได้ โดยเฉพาะ 5 ข้อ ห้ามทำหลังคลอด ถ้าไม่อยากอ้วน
- ห้ามอดนอน
เลี้ยงลูกด้วยตนเองเป็นสิ่งที่ดี เพราะนอกจากจะเป็นการสานสัมพันธ์กับลูกน้อยแล้ว ยังทำให้พัฒนาการของลูกน้อยเป็นไปตามวัยได้อีกด้วย แต่สำหรับลูกน้อยที่คลอดใหม่ ๆ จะมีพฤติกรรมการหลับ การตื่น การหิว การขับถ่าย ที่ค่อนข้างบ่อยและไม่เป็นเวลา ทำให้คุณแม่ต้องคอยดูแลอยู่ตลอด จนอาจจะไม่มีเวลาพักผ่อนได้เต็มที่
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม คุณแม่ก็ไม่ควรอดนอน เพราะจะส่งผลให้คุณแม่หิวบ่อย และระบบเผาผลาญอาหาร เป็นพลังงานจะมีประสิทธิภาพน้อยลง ซึ่งคุณแม่อาจจะอาศัยช่วงที่ลูกน้อยหลับแล้วหลับไปด้วยกัน หรืออาาจจะให้คนที่ไว้ใจได้ช่วยดูแลในบางช่วง เพื่อพักผ่อนก็ได้
- ห้ามกินอาหารที่ทำให้อ้วน
อาหารที่มีไขมัน แป้ง และน้ำตาลสูง อาจจะเป็นอาหารที่ให้รางวัลความเหนื่อยจากการเลี้ยงลูกน้อยของคุณแม่ แต่อาหารเหล่านี้จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นและหุ่นพังได้ โดยเฉพาะอาหารทอด อาหารฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน รวมถึงน้ำหวาน น้ำอัดลม ฯลฯ
ดังนั้น คุณณแม่ควรจะห้ามกินอาหารเหล่านี้ แต่หากรู้สึกว่าเหนื่อยและต้องการกินอาหารเพื่อเพิ่มพลังงาน ระหว่างมืออาหาร เราแนะนำผลไม้ที่มีกากใยอาหารสูง เช่น แอปเปิ้ล สับปะรด ส้ม ซึ่งสามารถช่วยทำให้รู้สึกอิ่มท้องได้นาน และผักผลไม้ส่วนใหญ่ยังมีแคลอรี่ต่ำ จึงไม่ทำให้อ้วนนั่นเอง หรือจะเป็นโยเกิร์ตที่แบคทีเรียสามารถสลายน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตได้ ทำให้ร่างกายไม่สะสมพวกแป้งและน้ำตาลไว้ในรูปของไขมัน
- ห้ามเครียด
คุณแม่หลังคลอดมีโอกาสเกิด “อาการภาวะซึมเศร้าหลังคลอด” หรือ “ความเครียด” ได้ จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และความเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก ซึ่งอาการเหล่านี้จะทำให้คุณแม่เกิดพฤติกรรมการอดอาหาร หรือกินอาหารมากกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลให้อ้วนได้ โดยคุณแม่ควรหาเวลาผ่อนคลาย อาจจะเป็นการเปลี่ยนกิจจกรรมไปทำอย่างอื่น การออกไปข้างนอก พบปะเพื่อน ๆ เพื่อเปิดหูเปิดตาบ้าง จะทำให้คุณแม่ลดความเครียดลงมาได้บ้าง
- ห้ามใช้ยาลดน้ำหนัก
ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาใดก็ตาม ยาลดน้ำหนักก็ไม่เหมาะที่จำนำมาลดน้ำหนักโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะช่วงหลังคลอด ซึ่งเคยมีคุณแม่หลังคลอดทำการลดน้ำหนักด้วยการกินยาลดน้ำหนักจนเสียชีวิตมาแล้ว เนื่องจากยาลดความอ้วนบางชนิดกินแล้วไปกดที่สมองทำให้เบื่ออาหาร บางชนิดทำให้มีการเผาผลาญอาหารมากขึ้น ซึ่งยาเหล่านี้มีอันตราย บางตัวกินมาก ๆ อาจทำให้ติดยา ประสาทหลอน หรือหัวใจวายได้
- ห้ามลืมออกกำลังกาย
การออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องซึ่งถูกยืดออกมาหลายเดือนในระหว่างตั้งครรภ์ ได้หดตัวกลับสู่สภาพปกติมากที่สุด โดยอาจจะเริ่มจากการอออกกำลังกายเบา ๆ อย่างการเล่นโยคะ ที่สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ และจากนั้น 2-3 เดือน จึงค่อยหันมาออกกำลังกายแบบพิลาทิส เพื่อช่วยทำให้หน้าท้อง แขน และต้นขากระชับขึ้น
คุณแม่หลังคลอดสามารถลดน้ำหนักได้ด้วยวิธีอื่น ๆ และสามารถด้วยการใช้เทคโนโลยี Emsculpt เทคโนโลยีหนึ่งเดียวในปัจจุบันที่สามารถกำจัดไขมันควบคู่กับการสร้างกล้ามเนื้อ ทำงานโดยการใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง High-In Tensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) ส่งพลังงานเข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อ และไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเกิดการหดเกร็งถึง 20,000 ครั้งต่อการทำทรีทเมนท์ 30 นาที เทียบเท่ากับการยกเวทหนัก ๆ แล้วทำ Sit up ไปด้วยพร้อม ๆ กัน 20,000 ครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงเราแทบจะไม่สามารถออกกำลังกายแบบนี้ได้เลย
ทั้งนี้การหดตัวของกล้ามเนื้อจะสามารถสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่ ทำให้มีขนาดใหญ่และแข็งแรงขึ้น สามารถสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มจำนวนกล้ามเนื้อให้ทนทานแข็งแรงและทำให้กล้ามเนื้อกลับมาชิดกันมากขึ้น ส่งผลให้รูปร่างกระชับ มีกล้ามเนื้อหน้าท้องและซิกแพค พร้อม ๆ กับการเผาผลาญไขมันและการทำลายเซลล์ไขมัน
ต้องทำบ่อยแค่ไหน ต้องพักฟื้นหรือไม่
Emsculpt ควรทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เหมือนกับการออกกำลังกายปกติ และสามารถทำทรีทเมนท์เพียง 4-6 ครั้งเท่านั้น ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว ที่สำคัญไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
*** ผลการวิจัย แสดงถึงความพึงพอใจต่อการรักษามากถึง 96% และโดยเฉลี่ยมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 16% และไขมันลดลง 19%
APEX SLIM ประสบการณ์กว่า 25 ปี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเครื่อง Emsculpt ได้รับการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัย จากองค์กรอาหารและยาของประเทศอมเริกา (US FDA Approved ย่อมาจาก Food and Drug Administration) ซึ่งเรามีเครื่อง Emsculpt มากที่สุดในประเทศไทย และมีประสบการณ์ทำเคสมากที่สุดเช่นกัน
