อ้วนหลังคลอดเกิดจากอะไร มีวิธีลดอย่างไรได้บ้าง

ก่อนตั้งครรภ์น้ำหนักยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่หลังจากตั้งครรภ์และคลอดลูกน้อยมาสักพักแล้ว น้ำหนักของคุณแม่ก็ไม่สามารถลดลงได้เท่าก่อนตั้งครรภ์สักที หรือคุณแม่บางคนน้ำหนักยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยซ้ำ โดยสาเหตุของความอ้วนหลังคลอดหรือน้ำหนักไม่ลดลง เกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน หากแก้ไขได้ตรงจุด ก็จะสามารถกู้หุ่นหลังคลอดให้กลับมาดูดีได้เร็วขึ้น

 

น้ำหนักคงเหลือที่ยังไม่ลดลงหลังจากคลอดลูกน้อยแล้วจะเรียกว่า “น้ำหนักคงค้างหลังคลอด” (Postpartum weight retention) ซึ่งปกติแล้วภายหลังการคลอดลูกได้ 6 สัปดาห์ น้ำหนักตัวของแม่หลังคลอดส่วนใหญ่จะค่อย ๆ ลดลง จนใกล้เคียงน้ำหนักก่อนการตั้งครรภ์ แต่จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ทำให้อ้วนหลังคลอดต่อไปนี้

 

อ้วนหลังคลอดเกิดจากอะไร

  1. การกินอาหารระหว่างและหลังตั้งครรภ์ 

ความอยากอาหารระหว่างการตั้งครรภ์ และการกินอาหารเพื่อให้ลูกในท้องเติบโตอย่างแข็งแรง ในปริมาณที่มากเกินไป อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณแม่หลังคลอดอ้วนขึ้นจากเดิม แม้ว่าในช่วง 6 สัปดาห์ น้ำหนักจะกลับไปใกล้เคียงเท่าก่อนตั้งครรภ์ แต่น้ำหนักส่วนเกินที่เพิ่มมาจากตอนตั้งครรภ์ก็ทำให้น้ำหนักไม่สามารถท่ากับก่อนตั้งครรภ์หากไม่ลดน้ำหนักร่วมด้วย

 

ยิ่งไปกว่านั้นน้ำหนักหลังคลอดจอาจเพิ่มขึ้นไปอีก หากกกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ในปริมาณมาก โดยมีผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมิเนโซต้า พบว่า กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,520 คน ที่มีอายุเฉลี่ย 25 ปี ผู้ที่เป็นคุณแม่แล้วจะดื่มเครื่องดื่มรสหวานและกินอาหารไขมันสูงเฉลี่ยประมาณ 7 ครั้ง/สัปดาห์ ทำให้ได้รับแคลอรี่เฉลี่ย 2,360 แคลอรี่/วัน มากกว่าคนที่ยังไม่มีลูกในวัยเดียวกันถึง 368 แคลอรี่

 

  1. ภาวะซึมเศร้าหลังคลอด

ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดทำให้คุณแม่มีอารมณ์แปรปรวน วิตกกังวล ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนกับโปรเจสเตอโรนที่ต่ำลงทันทีหลังคลอด นอกจากนี้ ภาวะซึมเศร้าหลังคลอดอาจจะทำให้คุณแม่ไม่ยอดกินอาหาร จนทำให้เกิดความอ้วนได้ แต่อาการนี้จะเป็นไม่เกิน 6 สัปดาห์ และอาจไม่เกิดขึ้นกับคุณแม่หลังคลอดทุกคน หากคุณแม่คิดว่าตัวเองอาจจะเป็นซึมเศร้าหลังคลอดควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำทำให้สุขภาพร่างกายและจิตใจกลับมาเข้มแข็ง และยังทำให้ลดการเกิดความอ้วนได้อีกด้วย

 

  1. พักผ่อนไม่เพียงพอ

การเลี้ยงลูกจนไม่มีเวลาพักผ่อนนั้น ส่งผลกระทบกับสุขภาพและรูปร่างของคุณแม่โดยตรง เนื่องจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้คุณแม่หิวบ่อย รบกวนอัตราการเผาผลาญอาหาร ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อย คุณแม่จึงควรหาเวลาพักผ่อนให้เพียงพอ

 

  1. กล้ามเนื้อแยกออกจากกัน 

เนื่องจากตอนที่คุณแม่ตั้งครรภ์กล้ามเนื้อหน้าท้องทั้ง 2 ซีก (rectus abdominis muscle) ที่เชื่อมกันด้วยเยื้อหุ้มคอลลาเจน (linea alba) จะมีการยืดขยายออกเพื่อรองรับการขยายตัวของมดลูก ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกล้ามเนื้อหน้าท้องด้านซ้ายและด้านขวากว้างขึ้น หรือเราเรียกว่า กล้ามเนื้อหน้าท้องแยก (Diastasis Recti) เมื่อคลอดแล้วกล้ามเนื้อหน้าท้องที่แยกออกจะยังไม่ยุบลงทันทีต้องอาศัยการออกกำลังกายที่ถูกต้องหลังคลอดด้วย ทำให้เมื่อกินอาหารแม้จะน้อยนิดก็ทำให้พุงยื่นได้

 

กล้ามเนื้อหน้าท้องแยก สามารถพบได้บ่อย ถึง 2 ใน 3 ของหญิงตั้งครรภ์ทั้งหมด โดยงานวิจัยชี้ว่า 33-60% ของหญิงตั้งครรภ์ที่มีปัญหากล้ามเนื้อหน้าท้องแยก อย่างน้อย 45% ไม่ทราบว่าตัวเองมีปัญหานี้ และมีโอกาสเกิดขึ้นได้หลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นการมีลูกมากกว่าหนึ่งคน การมีครรภ์แฝด การที่ทารกในครรภ์มีน้ำหนักตัวมาก หรือตั้งครรภ์หลังอายุ 35 ปีขึ้นไปแล้ว

 

Emsculpt เทคโนโลยีหนึ่งเดียวในปัจจุบันที่สามารถกำจัดไขมันควบคู่กับการสร้างกล้ามเนื้อ  ทำงานโดยการใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง High-In Tensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) ส่งพลังงานเข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อ และไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเกิดการหดเกร็งถึง 20,000 ครั้งต่อการทำทรีทเมนท์ 30 นาที เทียบเท่ากับการยกเวทหนัก ๆ แล้วทำ Sit up ไปด้วยพร้อม ๆ กัน 20,000 ครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงเราแทบจะไม่สามารถออกกำลังกายแบบนี้ได้เลย 

ทั้งนี้การหดตัวของกล้ามเนื้อจะสามารถสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่ ทำให้มีขนาดใหญ่และแข็งแรงขึ้น สามารถสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มจำนวนกล้ามเนื้อให้ทนทานแข็งแรงและอยู่ได้นานขึ้น ส่งผลให้รูปร่างกระชับ มีกล้ามเนื้อหน้าท้องและซิกแพค พร้อม ๆ กับการเผาผลาญไขมันและการทำลายเซลล์ไขมัน 

 

ต้องทำบ่อยแค่ไหน ต้องพักฟื้นหรือไม่

Emsculpt  ควรทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เหมือนกับการออกกำลังกายปกติ และสามารถทำทรีทเมนท์เพียง 4-6 ครั้งเท่านั้น ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว ที่สำคัญไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

 

*** ผลการวิจัย แสดงถึงความพึงพอใจต่อการรักษามากถึง 96% และโดยเฉลี่ยมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 16% และไขมันลดลง 19%

APEX SLIM ประสบการณ์กว่า 25 ปี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเครื่อง Emsculpt ได้รับการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัย US FDA Approved ย่อมาจาก Food and Drug Administration ซึ่งเรามีเครื่อง Emsculpt มากที่สุดในประเทศไทย และมีประสบการณ์ทำเคสมากที่สุดเช่นกัน

 

👉ปรึกษาลดน้ำหนักและสัดส่วนทักแชท
𝐂𝐎𝐍𝐓𝐀𝐂𝐓 𝐔𝐒
▪️𝐓𝐞𝐥 : 095-102-8585
▪️𝐋𝐢𝐧𝐞 : https://line.me/ti/p/%40APEXslim
▪️𝐅𝐚𝐜𝐞𝐛𝐨𝐨𝐤: https://www.facebook.com/ApexSlim
▪️𝐖𝐞𝐛𝐬𝐢𝐭𝐞 : https://www.apexslim.com/