เจ้าฝุ่น PM 2.5 อยู่กับคนไทยมามากกว่า 2 ปีแล้ว แต่ยังมีหลายๆ คนที่คิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวอยู่ เพราะอาจจะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วฝุ่นนี้คืออะไร ฝุ่นนี้ทำร้ายร่างกายเราอย่างไรบ้าง และทำไมเราต้องป้องกันตัวเองจากฝุ่นชนิดนี้
PM 2.5 คืออะไร?
มลภาวะทางอากาศ เป็นสิ่งที่อยู่คู่กันกับสังคมเมืองมานานมากแล้ว เพียงแต่ว่าชนิดของอนุภาคในมลภาวะทางอากาศที่เกิดขึ้นมีหลายประเภท เช่น เวลาเราเห็นคนเผาไร่จะเห็นเปลวไฟพร้อมควันดำ ควันสีดำที่เรามองเห็นจะเป็นอนุภาคขนาดใหญ่ แต่จะมีอนุภาคขนาดเล็กอย่าง PM 10 และ PM 2.5 ปะปนอยู่ด้วย ลองเปรียบเทียบแบบง่ายๆ ในขณะที่เส้นผมของเรามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40-70 ไมครอน ส่วนทรายละเอียดชายหาด มีขนาดโดยเฉลี่ย 50 ไมครอน เมื่อเปรียบเทียบกับขนาด จะพบว่าฝุ่น PM 10.0 และ PM 2.5 จึงมีขนาดที่เล็กมากๆ และเมื่อเข้าสู่ร่างกายอนุภาค PM 2.5 จะสามารถเข้าสู่กระแสเลือด เนื้อเยื่อต่างๆ และไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเรา
เพราะอนุภาค PM2.5 สามารถเข้าสู่อวัยวะที่สำคัญๆ ในร่างกายได้ เช่น ปอด สมอง หัวใจ และเนื่องจากเป็นฝุ่นขนาดเล็กมากๆ หากเราอยู่ในพื้นที่ ที่มีการสะสมของ PM 2.5 การใช้เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมหรือที่มีความสามารถในการกรองฝุ่น PM2.5 ถือว่ามีความจำเป็นอย่างมาก แต่หากต้องออกนอกสถานที่ควรสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน เช่น หน้ากาก N95, แผ่นกรองฝุ่น PM2.5, หน้ากาก FFP1 เป็นต้น
แล้ว PM2.5 มาจากไหนกัน?
- ควันเสียที่ได้จากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ ทั้งรถยนต์ และเครื่องจักรอื่นๆ
- การทำอุตสาหกรรม และการเผาไหม้จากการทำเกษตรกรรม
- การใช้ความร้อนในการปรุงอาหาร
- การเผาป่า
- การก่อสร้าง เช่น ฝุ่นละเอียดที่เกิดจากการขุดเจาะ
ระดับของ PM 2.5 และความปลอดภัย
อาการของผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก PM 2.5
อาการของแต่ละบุคคลจะแตกต่างกันออกไป เพราะความแข็งแรงของแต่ละคนเราไม่เท่ากัน อีกปัจจัยนึงคือ เรื่องของอายุ ซึ่งในกรณีของเด็กเล็กกับผู้สูงอายุ จะเป็นกลุ่มที่มีระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก โดยจะมีผลกระทบมากกว่าคนกลุ่มอื่น อาการที่อาจจะเกิดขึ้น มีดังต่อไปนี้
- หายใจติดขัด หายใจสั้นๆ
- ระคายเคืองทางเดินหายใจ เคืองตา
- มีอาการไอบ่อยครั้ง และอาจจะมีเสียงหวีด (wheezing) เวลาหายใจ
- ปอดทำงานไม่เต็มที่ และก่อให้เกิดโรคปอด
- หัวใจทำงานไม่เต็มที่ และในบางคนอาจทำให้เกิดอาการหัวใจวาย
- เป็นโรคหอบหืด หรือกระตุ้นให้โรคหอบหืดกำเริบ
หากประสบปัญหาของระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง หรือรู้สึกผิดปกติอย่างรุนแรง ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที
สารปนเปื้อนจาก PM 2.5, วิธีป้องกันและกำจัดอย่างไร?
การกำจัดฝุ่น PM 2.5 เป็นเรื่องของการจัดการผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมและการกำจัดของเสีย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือช่วยกัน เพราะฝุุ่น PM 2.5 ไม่สามารถลดลง หรือหายไปอย่างรวดเร็วได้ และมักจะตกค้างอยู่ในอากาศ เพราะในเมื่อกิจกรรมของโลกยังคงดำเนินไป เช่น การทำอุตสาหกรรม การใช้รถยนต์ รวมถึงของเสียจากการเผาไหม้อื่นๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ หรือจากมนุษย์ เพราะฉะนั้นเราจึงควรป้องกันตัวเองจากการได้รับสารพิษและฝุ่น PM 2.5 โดยมีวิธีดังต่อไปนี้
- ลดการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมภายนอก เช่น เปลี่ยนการออกกำลังกายตามสวนสาธารณะเป็นออกกำลังกายในที่ร่ม
- สวมใส่หน้ากากอนามัยชนิด N95 ที่มีความสามารถในการกรองฝุ่น PM 2.5 อีกทั้งช่วยป้องกันไวรัสที่แพร่กระจายในอากาศได้ถึง 95%
- การติดตั้งเครื่องกรองอากาศที่มีความสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 จะช่วยลดระดับความเป็นพิษได้
- การล้างจมูกด้วยน้ำเกลืออย่างถูกวิธีจะช่วยลดการระคายเคืองของระบบทางเดินหายใจ
- การพักผ่อนให้เพียงพอและทานอาหารที่เป็นประโยชน์ จะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงมากขึ้น
- สารพิษสะสมจากสารโลหะหนักที่ปนเปื้อนจากฝุ่น PM 2.5 โดยปกติร่างกายจะมีการกำจัดของเสียเหล่านี้ได้เองโดยการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น ตับและไต แต่เมื่อสภาวะหรือระดับของ PM 2.5 เกินมาตรฐานเป็นระยะเวลานานๆ ร่างกายอาจจะเกิดการสะสมของสารพิษมากขึ้นและกำจัดไม่ทัน ตัวช่วยที่จะทำให้ระบบในร่างกายสามารถกำจัดของเสียได้ดีขึ้นคือการทำ IV Drip ชนิดที่สามารถจัดการกับสารโลหะหนักที่ปนเปื้อนมากับ PM 2.5 ได้นั้นคือ IV Chelation ซึ่งเป็นวิธีการกระตุ้นการขับของเสียอย่างเป็นธรรมชาติ โดยการใช้กรดอะมิโนชนิดหนึ่งชื่อว่า EDTA เมื่อ EDTA จับกับสารโลหะหนัก โดยจะส่งโลหะหนักขับออกไปทางตับและไต
เพราะฝุ่น PM 2.5 อันตรายกว่าที่คิด หากคุณเริ่มรู้สึกว่าสุขภาพในช่วงนี้ได้รับผลกระทบจาก PM 2.5 และอยากที่จะป้องกันการเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้น สามารถสอบถามมาที่ APEX ได้ เรามีผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะตอบคำถามแก่คุณ
