ลดน้ำหนักเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผล ต้องเช็คด่วน!! ‘ระบบเผาผลาญพัง’ หรือเปล่า? ระบบเผาผลาญนอกจากจะมีความสำคัญกับการลดน้ำหนักแล้ว ยังช่วยทำให้น้ำหนักไม่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายของเราจะมีการเผาผลาญอยู่ตลอดเวลา แม้ในตอนที่เราอยู่นิ่ง ๆ แต่หากระบบเผาผลาญพังก็จะทำให้เราลดน้ำหนักเท่าไหร่ก็ไม่ได้ผลสักที เราจึงจะขอพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับระบบเผาผลาญพร้อมวิธีลดน้ำหนักให้ได้ผลมาฝากกัน
ระบบเผาผลาญ (Metabolism system) คืออะไร
ระบบที่ช่วยดึงเอาสารอาหารที่ได้รับจากอาหารที่เรากินเข้าไป “เปลี่ยนเป็นพลังงาน” เพื่อเอาไปใช้ในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น การหายใจ การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายใน การสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก เป็นต้น
อัตราความต้องการเผาผลาญของร่างกาย (Basal Metabolic Rate : BMR)
เป็นอัตราการเผาผลาญพลังงานขั้นต่ำ ซึ่งเป็นพลังงานที่ถูกใช้ไปเพื่อรักษาระดับการมีชีวิต ใช้ควบคุมระบบอวัยวะต่าง ๆ ให้ทำงานปกติหรืออยู่ในภาวะคงที่ เช่น การเต้นหัวใจ การย่อยอาหาร การหายใจ เป็นต้น โดยผู้ชายจะมีอัตราการเผาผลาญวันละประมาณ 1,700 กิโลแคลอรี่ ส่วนผู้หญิงมีอัตราการเผาผลาญวันละประมาณ 1,400 กิโลแคลอรี่ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันไปจากหลายปัจจัย เช่น เพศ น้ำหนัก อายุ เป็นต้น
ระบบเผาผลาญพังคืออะไร
สภาวะที่ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญสารอาหารที่กินเข้าไปและนำเอาพลังงานใช้ได้น้อยกว่าปกติ ทำให้พลังงานเหล่านั้นถูกเก็บสะสมเอาไว้ในรูปแบบของไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง กล้ามเนื้อ จนทำให้มีโอกาสเป็นโรคอ้วนตามมาได้
ปัจจัยที่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง
- อายุที่มากขึ้น เป็นเรื่องธรรมชาติที่ระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ร่วมไปถึงระบบเผาผลาญจะเสื่อมสภาพลงตามอายุที่มากขึ้น
- ความเครียด เป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยความเครียดจะทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ส่งผลต่อระบบเผาผลาญ และยังทำให้หิวได้ง่ายมากขึ้น อยากกินจุกจิกตลอดเวลา
- สารเคมีและอาหารที่ตกค้างในร่างกาย เช่น สารเคมีจากยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในผักและผลไม้ เมื่อรับประทานเข้าไปจะรบกวนระบบการเผาผลาญของร่างกาย ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้น้อยลง
รู้ได้อย่างไรว่าระบบเผาผลาญกำลังพัง?
- ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย แต่น้ำหนักไม่ลดลง
- น้ำหนักขึ้นง่าย แต่ลงยาก
- ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง อารมณ์แปรปรวน
- ปวดหัว หน้ามืดบ่อย
- ลับยากหรือง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา
- ตอนเย็นจะรู้สึกสดชื่นมากกว่าตอนอื่น
- ความรู้สึกทางเพศลดลง
- ประจำเดือนขาดหรือมาไม่ปกติ
ดังนั้น เราควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้ระบบเผาผลาญพัง และควรทำควบคู่กับการดูแลสุขภาพของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อฟื้นฟูระบบเผาผลาญให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ และสามารถทำให้ลดน้ำหนักได้อย่างเห็นผล แต่หากใครที่ยังไม่สามารถลดน้ำหนักได้ เราก็มีตัวช่วยลดน้ำหนักมาฝากกัน
ปากกาลดน้ำหนัก Slim Shape
ปากกา Slim Shape เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุด เปปไทด์ลดหิว Liraglutide สารโปรตีนสกัดเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกจากลำไส้หลังการทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมองประมาณ 3-5 นาที
กลไกการออกฤทธิ์ของ Slim Shape
สมองส่วนกลาง : ทำให้รู้สึกไม่หิว อิ่มนาน ทนน้อย
กระเพาะอาหาร : ย่อยและดูดซึมได้นานขึ้น เพราะหลังทานอาหาร ลำไส้เล็กจะหลั่ง GLP-1 ออกมา เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมอง โดยจะออกฤทธิ์ 24 ชั่วโมง ทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน สามารถลดความหิวและความอยากอาหาร ทำให้ทานได้น้อยลง
ตับอ่อน : ผลิตฮอร์โมนอินซูลินดึงน้ำตาลเข้าเซลล์ Slim Shape ช่วยการหลั่งฮอร์โมนนี้มีคุณภาพดีขึ้น
ผลลัพธ์หลังการใช้ Slim Shape
สามารถเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่รู้สึกหิวน้อยลง สามารถควบคุมอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักถึง 80% เมื่อใช้ต่อเนื่องเพียง 4 เดือน น้ำหนักลดลง 5-10% นอกจากนี้ ยังสามารถลดไขมันในช่องท้อง (Visแeral Fat) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคแทรกซ้อนและอันตรายจากความอ้วน
Slim Shape เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือดัชนีทวลกาย BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30
- ผู้ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยยาลดน้ำหนักแล้วไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ หรือการทาน IF และต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง
- ผู้ที่อายุ 18 ปี ขึ้นไป
โยโย่ เอฟเฟค
เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย สามารถหยุดใช้ยาได้ทันที โดยจะไม่ทำให้เกิดอาการ “โยโย่ เอฟเฟค” เหมือนกับยาลดน้ำหนักแบบเดิม เพียงแต่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วจะมีความรู้สึกหิวเหมือนช่วงก่อนการเริ่มใช้ยา
ความปลอดภัย
ยาได้รับอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายเหมือนยาและอาหารเสริมลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ ตัวยาไม่ได้มีกลไกออกฤทธิ์รบกวนสารสื่อประสาท จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น ใจสั่น ก้าวร้าว ฝันร้าย ประสาทหลอน ตามมา