สถานการณ์ COVID-19 ทำให้เราต้องใช้ชีวิตแบบ New Normal ด้วยการเว้นระยะห่างและสวมใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะอยู่ตลอดเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งการต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลานี้ ส่งผลกับการใช้ชีวิตประจำวันพอสมควร โดยเฉพาะการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย ที่ทำให้ไม่สามารถออกกำลังกายได้เต็มที่เหมือนก่อน
จากการทดลองสวมหน้ากากอนามัย แบบที่เป็นทรง 3D mask วิ่งบนลู่วิ่ง ของแพทย์หญิง นิษฐา เอิ้ออารีมิตร แพทย์ชำนาญพิเศษด้านอายุรศาสตร์ โรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลเอกชัย
หน้ากากมีผลกับการออกกำลังกายอย่างไร
- รู้สึกอึดอัด
โดยปกติแล้วการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาก็สร้างความอึดอัด หายใจลำบากอยู่แล้ว ยิ่งถ้าใส่หน้ากากอนามัยออกกำลังกายแล้ว ก็จะทำให้อึดอัด หายใจลำบาก เหนื่อยง่ายแต่ไม่มาก อาจทำให้ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ปอดและหัวใจต้องทำงานหนักขึ้น ทั้งนี้ขึ้นกับแต่ละบุคคลและชนิดของหน้ากากที่สวมใส่ ทำให้หายใจได้ยากขึ้น
- ป้องกันเชื้อโรคได้น้อยลง
นายแพทย์ลูวิส ฟิลิปเป้ บูเลต ศาสตราจารย์ด้านโรคปอดและหัวใจ มหาวิทยาลัยลาวาว แคนาดา เผยว่า การสวมใส่หน้ากากอนามัยขณะออกกำลังกาย จะทำให้เหงื่อไหลออกมาสะสมที่หน้ากากอนามัยจนเกิดการเปียกชื้นและไปกระตุ้นการสร้างสารคัดหลั่งในโพรงจมูกได้ ซึ่งหน้ากากอนามัยที่เปียกชื้นจะส่งผลให้การป้องกันเชื้อโรคมีประสิททธิภาพลดลงได้
- ออกซิเจนในเลือดต่ำลง
การใส่หน้ากากอนามัยขณะออกกำลังกาย จะทำให้ร่างกายไม่สามารถรับออกซิเจนเข้าปอดได้เต็มที่ ส่งผลให้ระดับออกซิเจนในเลือด (PaO2) ลดต่ำลงเรื่อย ๆ โดยการออกกำลังกายในช่วง Zone 2 ควรพักเปิดหน้ากากอนามัยหายใจและกินน้ำ เพื่อไม่ให้ออกซิเจนในเลือดต่ำลง ส่วนการออกกำลังกายในช่วง Zone 3 ใส่หน้าากากอนามัยออกกำลังกายแล้ว เนื่องจาก มีโอกาสทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคหัวใจ
- หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ
พบว่าอัตราการเต้นของหัวใจ สูงกว่าปกติ ประมาณ 5-10 ครั้งต่อนาที ในแต่ละช่วงเวลา ไม่แนะนำให้คนที่มีโรคประจำตัว หรือมีความเสี่ยงสูงต่อโรคปอด โรคหัวใจ ผู้สูงอายุ มาใส่หน้ากากออกกำลังกายแบบนี้ หรือแม้แต่คนหนุ่มสาวที่ร่างกายแข็งแรงแต่อาจมีอาการโรคหัวใจซ่อนอยู่ โดยจะส่งผลให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน
- เลือกหน้ากากให้เหมาะสม
- หน้ากากผ้า หายใจสะดวกที่สุด ซึ่งควรเลือกหน้ากากผ้าที่ทำจากวัสดุที่ระบายความชื้นได้เป็นอย่างดี และควรมีความหนาไม่เกิน 2 ชั้น แต่หน้ากากผ้าจะป้องกันฝุ่นและไวรัสได้น้อยที่สุด
- หน้ากาก N95 ทำให้รู้สึกอึดอัดมากที่สุด และเหนื่อยง่ายกว่าปกติ จึงไม่เหมาะสมสำหรับการใส่ออกกำลังกาย
- หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ส่งผลต่อการหายใจในระหว่างออกกำลังกายได้เช่นกัน นอกจากนี้ เหงื่อที่ออกมานั้นทำให้หน้ากากเปียก จึงลดความสามารถในการป้องกันได้
Emsculpt เทคโนโลยีหนึ่งเดียวในปัจจุบันที่สามารถกำจัดไขมันควบคู่กับการสร้างกล้ามเนื้อ ทำงานโดยการใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง High-In Tensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) ส่งพลังงานเข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อ และไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเกิดการหดเกร็งถึง 20,000 ครั้งต่อการทำทรีทเมนท์ 30 นาที เทียบเท่ากับการยกเวทหนัก ๆ แล้วทำ Sit up ไปด้วยพร้อม ๆ กัน 20,000 ครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงเราแทบจะไม่สามารถออกกำลังกายแบบนี้ได้เลย
ทั้งนี้การหดตัวของกล้ามเนื้อจะสามารถสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่ ทำให้มีขนาดใหญ่และแข็งแรงขึ้น สามารถสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มจำนวนกล้ามเนื้อให้ทนทานแข็งแรงและอยู่ได้นานขึ้น ส่งผลให้รูปร่างกระชับ มีกล้ามเนื้อหน้าท้องและซิกแพค พร้อม ๆ กับการเผาผลาญไขมันและการทำลายเซลล์ไขมัน
ต้องทำบ่อยแค่ไหน ต้องพักฟื้นหรือไม่
Emsculpt ควรทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เหมือนกับการออกกำลังกายปกติ และสามารถทำทรีทเมนท์เพียง 4-6 ครั้งเท่านั้น ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว ที่สำคัญไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
*** ผลการวิจัย แสดงถึงความพึงพอใจต่อการรักษามากถึง 96% และโดยเฉลี่ยมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 16% และไขมันลดลง 19%
APEX SLIM ประสบการณ์กว่า 25 ปี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเครื่อง Emsculpt ได้รับการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัย US FDA Approved ย่อมาจาก Food and Drug Administration ซึ่งเรามีเครื่อง Emsculpt มากที่สุดในประเทศไทย และมีประสบการณ์ทำเคสมากที่สุดเช่นกัน