หากย้อนกลับไปสมัยก่อนกว่า 20 ปีแล้วที่ผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์เพิ่งเริ่มเข้ามาได้รับความนิยมในวงการเสริมความงามในเมืองไทย และการฉีดโบท็อกซ์หรือการทำหัตถการความงามอื่นๆ มักถูกมองว่าเป็นแค่เรื่องของผู้หญิงเท่านั้น การเดินเข้าคลินิกเสริมความงามสำหรับผู้ชายในสมัยนั้น อาจเป็นเรื่องยากสักหน่อย เพราะยังติดภาพจำว่าการที่ผู้ชายไปเสริมความงามมันดูไม่ค่อยแมนหรือดูไม่สมชายเท่าไหร่นัก
เรื่องการดูแลตัวเองหรืออยากดูดีขึ้นไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเพศแต่อย่างใด เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนเริ่มเปิดรับ ยอมรับ และเข้าใจกันมากขึ้น การเดินเข้าคลินิคเสริมความงามจึงเป็นเรื่องที่ใครๆ สามารถทำได้ ยิ่งการทำทรีตเมนต์อย่างฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งใช้เวลาในการรักษาไม่นาน เพียงแค่แปปเดียวก็ดูดีขึ้นได้อย่างใจแล้ว
การฉีดโบท็อกซ์ถือเป็นเทรนด์เสริมความงามที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะเป็นวิธีที่ง่าย สะดวกและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น จะเห็นได้จากการจัดอันดับความฮอตฮิตของเทรนด์เสริมความงามแต่ละปี การฉีดโบท็อกซ์จะต้องติดอยู่ในอันดับต้นๆ เสมอ ซึ่งโบท็อกซ์ (Botox) ที่เราเรียกกันจนติดปากทุกวันนี้แท้จริงแล้วมันคือสารลดริ้วรอยที่มีชื่อเป็นทางการว่า โบทูลินั่ม ท็อกซิน ไทป์ เอ (Botulinum Toxin Type A) และโบท็อกซ์เป็นหนึ่งในชื่อยี่ห้อของมันนั่นเอง
โบท็อกซ์ (Botox) ทำงานอย่างไร?
โบท็อกซ์ เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ที่สกัดจากแบคทีเรียคลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium Botulinum) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย ปรับรูปใบหน้า ลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณต่างๆ เช่น น่องและกราม รวมถึงการฉีดเพื่อลดเหงื่อ ในผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกเยอะ เช่น บริเวณรักแร้ ข้อพับแขนขาและฝ่ามือ อีกทั้งยังช่วยรักษาอาการผิดปกติบางอย่างของกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้อีกด้วย เช่น ตาเหล่ ตาเข ตากระตุก หรือการอักเสบของกล้ามเนื้อข้อต่อขากรรไกร
กระแสของการดูแลตัวเองให้ดูดีเกิดขึ้นได้ทุกเพศ ทุกวัย เริ่มมีมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก โดยวิธีการดูแลตัวเองมีหลายช่องทาง ตั้งแต่การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม การพักผ่อนอย่างเพียงพอ การใช้ครีม เซรั่มหรือออยล์บำรุงผิวเป็นประจำ รวมไปถึงการเสริมบางอย่างที่ร่างกายขาดเข้าไป เพื่อช่วยให้การดูแลตัวเองได้ผลลัพธ์ที่ดีเพิ่มมากขึ้น อย่างเช่น การทานวิตามิน อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์สุขภาพ รวมไปถึงการเข้าคลินิคเสริมความงาม
เรื่องการเดินเข้าสถานเสริมความงามนั้นผู้หญิงอาจก้าวนำผู้ชายไปมากกว่าแต่ในการสำรวจตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา พบว่ามีจำนวนผู้ชายที่หันมาฉีดโบท็อกซ์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มมากขึ้นถึง 37% โดยประเทศที่พบว่ามีผู้ชายฉีดโบท็อกซ์มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีไม่ต่ำกว่าครึ่งล้านคนและมีอัตราเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปีด้วย
ทำไมผู้ชายถึงหันมาฮิตการฉีดโบท็อกซ์
เทรนด์ฮิตการฉีดโบท็อกซ์ในผู้ชายเกิดจากการอยากดูแลตัวเองส่วนหนึ่งและผลพลอยได้ที่ตามมาหลังจากนั้น คือการช่วยเพิ่มโอกาสที่ดีต่างๆ ให้แก่คุณ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองดูดีขึ้น ความมั่นใจที่จะทำในเรื่องต่างๆ จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
คุณผู้ชายหลายคนอาจมีการแข่งขันในที่ทำงานสูงและยิ่งเป็นการแข่งขันกับเด็กรุ่นใหม่ด้วยแล้ว คุณผู้ชายก็ยิ่งมองหาตัวช่วยที่จะเพิ่มความมั่นใจเหล่านั้นให้ตัวเอง แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่โอกาสในหน้าที่การงานเท่านั้นแต่รวมถึงโอกาสที่ดีในชีวิตส่วนตัวของคุณด้วยเช่นกัน
เราลองมาดูกันว่า คุณผู้ชายนิยมฉีดโบท็อกซ์ในตำแหน่งไหนกันบ้าง
-
- บริเวณหางตา เพื่อป้องกันการเกิดรอยตีนกา
- ระหว่างหัวคิ้ว ริ้วรอยนี้มักเกิดจากการที่คุณผู้ชายชอบขมวดคิ้ว
- ริ้วรอยย่นบนหน้าผาก จะเกิดจากการที่ชอบเลิกคิ้วสูง
- รอบปาก เพื่อกำจัดร่องรอยลึกจากการยิ้มหรือหัวเราะ
แต่การฉีดโบท็อกซ์ในผู้หญิงกับผู้ชายมีความคาดหวังที่แตกต่างกันอยู่อย่างชัดเจน หากเป็นคุณผู้หญิงความคาดหวังหลังจากฉีดโบท็อกซ์นอกจากริ้วรอยต่างๆ หายไปแล้ว คงเป็นการที่มีใบหน้าเล็กลงกรอบหน้าชัดขึ้นหรือหน้าเรียว V Shape แต่กับคุณผู้ชายความต้องการจะแตกต่างกัน ซึ่งผู้ชายจะเน้นฉีดโบท็อกซ์เพื่อให้ริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์หายไป แต่ไม่ได้ต้องการหน้าเรียวเล็ก หน้าวีแบบผู้หญิง เพราะคุณผู้ชายยังคงต้องการให้ใบหน้าหลังจากฉีดให้ขยับได้อย่างเป็นธรรมชาติ อาจหลงเหลือริ้วรอยจางๆ ตามอายุเอาไว้บ้างและต้องการคงความแมนไว้อย่างเดิม
คุณหมอเอก – นายแพทย์เอกลัคณ์ ธรรมสุนทร เล่าให้ฟังถึงกฎของการฉีดโบท็อกซ์ในกลุ่มลูกค้าผู้ชายว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ‘Keep masculine look’ คือฉีดให้ใบหน้ายังดูแมนอยู่ การฉีดโบท็อกซ์ในกลุ่มลูกค้าผู้หญิงและกลุ่มลูกค้าผู้ชายนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จริงอยู่ว่าเราใช้ยา Botulinum Toxin เหมือนกัน แต่เทคนิคการฉีดนั้นไม่เหมือนกันเลยสำหรับผู้หญิงเมื่อฉีดโบท็อกซ์ไปแล้วอยากให้หน้าเล็ก หน้าวี ดูเรียว คิ้วดูยก แต่กลุ่มผู้ชายเราไม่สามารถฉีดโบท็อกซ์แบบนั้นได้ เพราะจะทำให้ขาดความแมนทันที จึงห้ามคิ้วยก หน้าผากห้ามแข็งจนแสดงอารมณ์ไม่ได้ คางยังต้องเป็นคางตัดเหมือนเดิม ผู้ชายยังคงต้องดูเป็นผู้ชายเพียงแค่หลังจากฉีดโบท็อกซ์ไปจะทำให้ดูหนุ่มขึ้นอ่อนเยาว์ลง
ซึ่งต่อไปนี้ถ้าเห็นผู้ชายอายุ 50+ แต่ยังคงดูดี หน้าตาสดใส ไม่มีริ้วรอยเหี่ยวย่น ทำให้ดูมีพลังเหมือนสมัยหนุ่มๆ ไม่ต้องแปลกใจแต่อย่างใด เพราะใครๆ ก็ฉีดโบท็อกซ์กันทั้งนั้นในสมัยนี้ หากคุณกำลังลังเล ตัดสินใจว่าจะฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี สามารถเดินตรงเข้าสถาบันความงามของเอเพ็กซ์ที่มีอยู่กว่า 30 สาขา ทั่วประเทศไทย เพื่อขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เลย