“เม็ดแมงลัก” และ “เมล็ดเจีย” เป็นอาหารที่มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ที่ภายนอกอาจจะลักษณะคล้าย กันบ้าง จนทำให้ใครหลายคนสับสนได้ หากใครกำลังสนใจใช้เป็นตัวช่วยลดน้ำหนักแต่ไม่รู้ว่าควรจะกินอะไรดี เรามีข้อมูลมาให้เปรียบเทียบกันค่ะ
เม็ดแมงลัก (Basil Seeds)
เป็นธัญพืชชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นเมล็ดทรงรีและแหลม มีสีดำสนิทไม่มีลายแตก หากนำไปแช่น้ำเปลือกด้านนอกจะพองออกและมีเมือกสีขาวขุ่น เม็ดแมงลักมีราคาถูก ช่วยลดคอเลสเตอรอลไม่ดีได้ และหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป จึงได้รับความนิยมนำมากินกับอาหารลดน้ำหนักอื่น ๆ เช่น น้ำเต้าหู้
พลังงาน
เม็ดแมงลักปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 420 กิโลแคลอรี โดยมีคาร์โบไฮเดรต 54 กรัม โปรตีน 15 กรัม ไขมัน 16 กรัม ใยอาหาร 54 กรัม
วิธีกิน
นำเม็ดแมงลัก 1-2 ช้อนชา แช่น้ำใน 1 แก้ว แล้วรอจนกว่าเม็ดแมงลักจะกลายเป็นเม็ดมีเมือกสีขาวขุ่นและพองตัวเต็มที่
ข้อควรระวัง
ห้ามกินดิบหรือกินตอนที่เม็ดแมงลักยังพองตัวไม่เต็มที่เด็ดขาด เพราะถ้ารับประทานเม็ดแมงลักที่ยังพองตัวไม่เต็มที่ เม็ดแมงลักก็จะดูดน้ำภายในช่องทางเดินอาหาร ทำให้เม็ดแมงลักจับตัวเป็นก้อนแข็ง และอุดตันลำไส้ จนทำให้เกิดการท้องผูก และท้องอืดมากขึ้น
เมล็ดเจีย (Chia Seeds)
เป็นธัญพืชชนิดหนึ่ง มีลักษณะของเมล็ดเป็นทรงรี มีสีขาวและสีดำ มีลายแตกบนเมล็ด หากนำไปแช่น้ำเปลือกด้านนอกจะพองออกและมีลักษณะใส ๆ ตัวช่วยลดน้ำหนัก ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน โรคอ้วน เนื่องจากมี แคลอรีต่ำ โปรตีน ไฟเบอร์ สูง จึงช่วยทำให้คุณอิ่มสบายท้องได้นานขึ้น จนไม่รู้สึกหิวระหว่างวัน อีกทั้งยังย่อยง่าย และร่างกายไม่สะสมเป็นไขมันส่วนเกิน สามารถนำไปใส่ในเครื่องดื่มสมูธตี้และขนมอบต่างๆ ได้
พลังงาน
เมล็ดเจียปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานเพียง 486 กิโลแคลอรี โดยมีคาร์โบไฮเดรต 42 กรัม โปรตีน 17 กรัม ไขมัน 31 กรัม ใยอาหาร 34 กรัม
วิธีกินเมล็ดเจีย
วิธีการกินคล้ายกับเม็ดแมงลัก คือการนำเมล็ดเจียไปแช่ในน้ำจนกว่าจะพงตัว หรือควรกินเมล็ดเจียด้วยวิธีการโรยลงในอาหารประเภทน้ำ เช่น แกงจืด ซุป
ข้อควรระวังในการรับประทานเมล็ดเจีย
- เมล็ดเจียจะทำให้คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบกระเพาะอาหารและลำไส้มีอาการหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะเส้นใยไฟเบอร์จะยิ่งกระตุ้นให้ตับอ่อนเร่งสร้างน้ำย่อยออกมานั่นเอง
- ไม่ควรกินเมล็ดเจียขณะตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เพราะจะมีผลต่อสารอาหารในน้ำนม
อีกหนึ่งตัวช่วยลดน้ำหนัก ใช้ได้ควบคู่กับการกินเม็ดแมงลัก หรือเมล็ดเจีย
ปากกาลดน้ำหนัก Slim Shape
เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุด “เปปไทด์ลดหิว” Liraglutide สารโปรตีนสกัดเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกจากลำไส้หลังการทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมองประมาณ 3-5 นาที
กลไกการออกฤทธิ์ของ Slim Shape
สมองส่วนกลาง : ทำให้รู้สึกไม่หิว อิ่มนาน ทนน้อย
กระเพาะอาหาร : ย่อยและดูดซึมได้นานขึ้น เพราะหลังทานอาหาร ลำไส้เล็กจะหลั่ง GLP-1 ออกมา เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมอง โดยจะออกฤทธิ์ 24 ชั่วโมง ทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน สามารถลดความหิวและความอยากอาหาร ทำให้ทานได้น้อยลง
ตับอ่อน : ผลิตฮอร์โมนอินซูลินดึงน้ำตาลเข้าเซลล์ Slim Shape ช่วยการหลั่งฮอร์โมนนี้มีคุณภาพดีขึ้น
ผลลัพธ์หลังการใช้ Slim Shape
สามารถเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่รู้สึกหิวน้อยลง สามารถควบคุมอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักถึง 80% เมื่อใช้ต่อเนื่องเพียง 4 เดือน น้ำหนักลดลง 5-10% นอกจากนี้ ยังสามารถลดไขมันในช่องท้อง (Visแeral Fat) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคแทรกซ้อนและอันตรายจากความอ้วน
Slim Shape เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือดัชนีทวลกาย BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30
- ผู้ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยยาลดน้ำหนักแล้วไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ หรือการทาน IF และต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง
- ผู้ที่อายุ 18 ปี ขึ้นไป
โยโย่ เอฟเฟค
เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย สามารถหยุดใช้ยาได้ทันที โดยจะไม่ทำให้เกิดอาการ “โยโย่ เอฟเฟค” เหมือนกับยาลดน้ำหนักแบบเดิม เพียงแต่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วจะมีความรู้สึกหิวเหมือนช่วงก่อนการเริ่มใช้ยา
ความปลอดภัย
ยาได้รับอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายเหมือนยาและอาหารเสริมลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ ตัวยาไม่ได้มีกลไกออกฤทธิ์รบกวนสารสื่อประสาท จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น ใจสั่น ก้าวร้าว ฝันร้าย ประสาทหลอน ตามมา
