เทคนิคการรักษาแผลเป็น หลุมสิว มีอะไรบ้าง? และมีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร?

หลักการ รักษาแผลเป็น คือ การส่งพลังงานลงไปใต้ชั้นผิว เพื่อทำลายและทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้แผลเป็นเติมเต็ม ผิวก็จะกลับมาเรียบเนียน ดูดีอีกครั้ง

เลเซอร์รักษาแผลเป็นหลุมสิว หรือเลเซอร์ หลุมสิว มีจุดเริ่มต้นเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว โดยในยุคแรกๆ จะใช้เลเซอร์เผาทั้งหน้า ที่เรียกว่า co2 laser มีผลข้างเคียงมาก มีโอกาสติดเชื้อสูง หน้าจะดำเป็นเดือนๆ แพทย์ผิวหนังจึงมักไม่แนะนำวิธีนี้สำหรับผิวคนไทย

ถัดมาก็เป็น Fractional laser ซึ่งเป็นแนวคิดใหม่ในการส่งพลังงาน แทนที่จะเผาทั้งหน้า ก็จะเผาเป็นจุดๆ เช่น ใน 1 ตร.มม. จะเผาเพียง 40%–50% เท่านั้น ผลข้างเคียงจึงน้อยกว่า โอกาสติดเชื้อน้อยกว่า แต่อย่างไรก็ดี สำหรับผิวคนไทยที่มีเม็ดสีมากกว่าฝรั่ง วิธีการนี้ก็ยังมีโอกาสทำให้เกิดผิวไหม้ละรอยดำอยู่ดี ต่อมาจึงได้มีการพัฒนา fractional ที่ใช้พลังงานที่ต่ำกว่า เหมาะสำหรับผิวคนเอเชีย ซึ่งแม้ว่าผลการรักษาจะไม่ดีเท่าเครื่องพลังงานสูง แต่ก็ลดโอกาสผิวไหม้หรือดำหลังทำเลเซอร์ไปได้

ถัดมาที่นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของการรักษาแผลเป็นก็คือ การใช้พลังงาน RF ในการรักษาแผลเป็น มีชื่อว่า Sublative RF

Sublative RF เป็นพลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ลักษณะพลังงานจะเปลี่ยนจากสามเหลี่ยมแบบหงายที่พบในเลเซอร์แบบเดิมมาเป็นแบบคว่ำ คือเป็นทรงพีระมิด หมายความว่าด้านบนจะถูก burn น้อย และสามารถเข้าถึงบริเวณชั้นผิวหนังแท้ได้กว้างขึ้น จึงฟื้นฟูคอลลเจนลึกได้มากกว่า แต่ทำลายผิวชั้นบนน้อยกว่า ดังนั้นปัญหาดำคล้ำหลังการทำก็จะน้อยลง ขณะที่ประสิทธิภาพในการรักษาดีขึ้น สามารถกระตุ้นให้เกิดคอลลาเจนใหม่ได้มากขึ้น แผลก็จะเติมเต็มได้เร็วขึ้น ใช้จำนวนครั้งในการทำน้อยกว่า

1452074102295

ซึ่งจุดเปลี่ยนเทคโนโลยีครั้งสำคัญอีกครั้งก็คือ การรักษาแผลเป็นด้วยพลังลมแรงดันสูงพร้อมกับสารไฮยาลูรอนิค แอซิค มีชื่อว่า AirJet เป็นการใช้พลังงานลมแรงดันสูงส่งโมเลกุลฟิลเลอร์กระจายสู่ชั้นผิวหน้งแท้ (Dermis) เกิดการฟื้นฟูจาก 2 ส่วนคือ จากตัวฟิลเลอร์หรือไฮยาที่เติมเต็มให้ผิวอิ่มเอิบเปล่งปลั่ง ขณะเดียวกันก็ได้แรงดันลมที่ทำให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ทำให้เกิดการเติมเต็มเป็นเท่าทวีคูณและรวดเร็ว สามารถเติมเต็มแผลเป็นรวมถึงริ้วรอยเล็กๆ ได้รวดเร็วกว่าวิธีอื่นๆ ที่มีในอดีต และที่สำคัญจะไม่ทำให้ผิวแห้งหรือไหม้ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงมาจากการรักษาด้วยพลังงานที่ใช้ความร้อน

สุดท้ายนี้ขอแนะนำว่าการรักษาทุกชนิด ควรจะต้องปรึกษแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เพื่อดูลักษณะผิวก่อนการเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสม และเครื่องมือก็ควรเป็นเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ เพื่อที่การควบคุมใช้พลังงานจะได้แม่นยำไม่มีข้อผิดพลาด เพราะหากเลือกถูกก็ได้ผิวสวยได้ง่ายๆ แต่ถ้าเลือกผิดก็อาจได้ของแถมที่ไม่พึงประสงค์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

LINE : http://line.me/ti/p/%40apexbeauty