ข้าวโอ๊ตเป็นอาหารลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะถูกนำมาสร้างสรรค์หลากหลายเมนูให้เรากินได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหรือขนม ซึ่งข้าวโอ๊ตจะมีส่วนช่วยลดน้ำหนักได้อย่างไร และเมนูไหนกินได้ไม่อ้วนบ้าง ไปดูกันเลย
ข้าวโอ๊ต (Oat Meal)
เป็นแหล่งพลังงานที่อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารที่สามารถละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ให้พลังงานสูงจนเหมาะที่จะเป็นอาหารมื้อเช้า มีแมกนีเซียมที่สำคัญต่อการควบคุมการทำงานของเอนไซม์ในระบบย่อยอาหาร และมีโปรตีนสูงช่วยทำให้อิ่มนาน ช่วยลดความอยากอาหาร ลดอาการท้องผูก โดยข้าวโอ๊ต 78 กรัม (1/2 ถ้วยตวง) มีพลังงาน 303 แคลอรี โปรตีน 13 กรัม และเส้นใยอาหาร 8 กรัม แต่แม้จะให้พลังงานถึง 303 แคลอรี แต่จริง ๆ เราไม่ได้กินข้าวโอ๊ตในปริมาณเยอะขนาดนั้นค่ะ ไม่ต้องกังวลไป
7 สูตรข้าวโอ๊ต ลดน้ำหนัก กินได้ไม่อ้วน
-
ข้าวโอ๊ตสตรอว์เบอร์รี่ครีม
วิธีทำ : ใส่ข้าวโอ๊ต นม กลิ่นวนิลา และน้ำผึ้งลงในหม้อ ตั้งไฟแล้วต้ม ลดไฟลง เติมสตรอว์เบอร์รี เคี่ยวต่อราว 2-3 นาที จนข้าวโอ๊ตสุกทั่วถึง เสิร์ฟขณะยังร้อน ตกแต่งด้วยท็อปปิ้งตามใจชอบ
-
มัฟฟิ่นข้าวโอ๊ต
วิธีทำ : บดกล้วย 1 ผล ใส่โอ๊ต 4-6 ช้อนโต๊ะ, Baking Soda 1 หยิบมือ, ผงฟู 2 หยิบมือ และ เกลือเล็กน้อย ใส่นม Oat milk เล็กน้อย นำใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ แล้วเข้าไมโครเวฟประมาณ 3 นาที หรือถ้าใครมีเตาอบก็สามารถใช้แทนกันได้ค่ะ จัดเสิรฟ์กับลาเต้นมโอ๊ตเพื่อเพิ่มความอร่อยได้เลยค่ะ
-
แพนเค้กข้าวโอ๊ต
วิธีทำ : ปั่นข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย ผสมนมสดหรือ นมอัลมอนด์ 2 ½ ถ้วย ไข่ไก่ และกลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ตามชอบ) ให้ละเอียดใช้แทนแป้งขาว เอาไปทอดในกระทะจนสุก โรยน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เสิร์ฟพร้อมผลไม้ตามฤดูกาล
-
โจ๊กข้าวโอ๊ต
วิธีทำ : ตำรากผักชี กระเทียม พริกไทยให้เข้ากันเพื่อใช้ทำน้ำซุป นำ 3 เกลอที่ตำไว้ลงไปต้มในน้ำพร้อมกับข้าวโอ๊ต ½ ถ้วยตวง เติมซีอิ๊วขาว ½ ช้อนชา แนะนำให้เลือกแบบ low โซเดียมนะคะ ใส่เนื้อสัตว์ตามใจชอบ ตอกไข่ 1 ฟอง คนให้เข้ากันจนสุก โรยผักตกแต่งจะเป็นผักชี ต้นหอม หรือขิงซอยตามชอบได้เลย
-
Yogurt baked oats
วิธีทำ : บดกล้วย 2 – 3 ลูก ผสมกับข้าวโอ๊ต ½ ถ้วยตวง และน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ นำไปใส่แม่พิมพ์ที่เตรียมไว้โดยให้เหลือพื้นที่ตรงกลางสำหรับเติมโยเกิรต์ อบที่อุณหภูมิ 160 องศา 30 นาที ใส่โยเกิรต์ลงไปและโรยหน้าด้วยผลไม้ที่ชอบ
-
ข้าวโอ๊ต เนยถั่ว กล้วย
วิธีทำ : ใส่ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย กล้วย ½ ลูก อบเชย 1 ช้อนชา และเกลือสมุทรหนึ่งหยิบมือ ลงในหม้อต้ม เติมน้ำ 3 ถ้วย แล้วคนให้เข้ากัน ตั้งไฟปานกลาง–ร้อนมาก ประมาณ 10 นาที คนข้าวโอ๊ตให้แน่ใจว่าสุกทั่วถึงและเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกันกับกล้วย เมื่อข้าวโอ๊ตกลายเป็นเนื้อข้นได้ที่แล้ว ตักเสิร์ฟพร้อมเนมถั่ว กล้วยหั่น และโรยเมล็ดเจีย จากนั้นเพิ่มเมเปิ้ลไซรัปหรือน้ำผึ้งก่อนเสิร์ฟ
-
สมูทตี้อะโวคาโดกีวี
วิธีทำ : หั่นกล้วยหอม 1 ผล เป็นแว่น ๆ ปอกเปลือกกีวี 2 และหั่นเป็นชิ้น ใส่กล่องปิดฝา แช่ตู้เย็นช่องแช่แข็งไว้จนแข็ง ปั่นผักโขมกับกล้วยหอมและกีวีแช่แข็ง ใส่อะโวคาโด 1 ผล ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ นมสด 3/4 ถ้วย น้ำตาล 2 ช้อนชา และน้ำแข็งบดเล็กน้อย ปั่นจนเนื้อเนียนละเอียด เทใส่แก้ว โรยกราโนล่าตามชอบเล็กน้อย
หลักการกินข้าวโอ๊ตเพื่อลดน้ำหนักนั้นคือการกินอาหารที่มีใยอาหารและโปรตีนสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการควบคุมความหิวและทำให้อิ่มนาน แต่หากใครที่ไม่ชอบกินข้าวโอ๊ตหรือไม่สามารถทำกินเองได้บ่อย ๆ แต่อยากควบคุมความหิว สามารถใช้ตัวช่วยที่เรานำมาฝากกันวันนี้ได้เลย
ปากกา Slim Shape
เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุด เปปไทด์ลดหิว Liraglutide สารโปรตีนสกัดเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกจากลำไส้หลังการทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมองประมาณ 3-5 นาที
กลไกการออกฤทธิ์ของ Slim Shape
สมองส่วนกลาง : ทำให้รู้สึกไม่หิว อิ่มนาน ทนน้อย
กระเพาะอาหาร : ย่อยและดูดซึมได้นานขึ้น เพราะหลังทานอาหาร ลำไส้เล็กจะหลั่ง GLP-1 ออกมา เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมอง โดยจะออกฤทธิ์ 24 ชั่วโมง ทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน สามารถลดความหิวและความอยากอาหาร ทำให้ทานได้น้อยลง
ตับอ่อน : ผลิตฮอร์โมนอินซูลินดึงน้ำตาลเข้าเซลล์ Slim Shape ช่วยการหลั่งฮอร์โมนนี้มีคุณภาพดีขึ้น
ผลลัพธ์หลังการใช้ Slim Shape
สามารถเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่รู้สึกหิวน้อยลง สามารถควบคุมอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักถึง 80% เมื่อใช้ต่อเนื่องเพียง 4 เดือน น้ำหนักลดลง 5-10% นอกจากนี้ ยังสามารถลดไขมันในช่องท้อง (Visแeral Fat) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคแทรกซ้อนและอันตรายจากความอ้วน
Slim Shape เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือดัชนีทวลกาย BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30
- ผู้ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยยาลดน้ำหนักแล้วไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ หรือการทาน IF และต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง
- ผู้ที่อายุ 18 ปี ขึ้นไป
โยโย่ เอฟเฟค
เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย สามารถหยุดใช้ยาได้ทันที โดยจะไม่ทำให้เกิดอาการ “โยโย่ เอฟเฟค” เหมือนกับยาลดน้ำหนักแบบเดิม เพียงแต่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วจะมีความรู้สึกหิวเหมือนช่วงก่อนการเริ่มใช้ยา
ความปลอดภัย
ยาได้รับอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายเหมือนยาและอาหารเสริมลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ ตัวยาไม่ได้มีกลไกออกฤทธิ์รบกวนสารสื่อประสาท จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น ใจสั่น ก้าวร้าว ฝันร้าย ประสาทหลอน ตามมา