บทความเกี่ยวกับ : Oligio , ยกกระชับ
Oligio คืออะไร ? เปิดโลกใหม่ของเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า
ตั้งเป้าไว้ตั้งแต่ต้นปีว่าอยากลดน้ำหนัก หุ่นดี หน้าเล็ก แต่นี่จะจบปีแล้ว ยังรู้สึกว่าหน้ายังเล็กไม่ทันใจเลย ถ้าคุมอาหาร ออกกำลังกายแล้วยังไม่ช่วย ลองเปิดใจใช้เทคโนโลยี Oligio ช่วยให้หน้าเล็กไม่เจ็บตัวไม่ต้องพักฟื้น
Oligio โปรแกรมยกกระชับเทคโนโลยีใหม่อันดับ 1 จากเกาหลี
• ประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยี Oligio
• จุดเด่นของ Oligio ในการยกกระชับผิว
• Oligio แตกต่างจากเทคโนโลยีอื่นอย่างไร?
• ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Oligio?
• Oligio เหมาะสำหรับสภาพผิวแบบไหน
• ผู้หญิงหรือผู้ชายเหมาะกับการทำ Oligio มากกว่ากัน
• การเตรียมตัวก่อนทำ Oligio
• ขั้นตอนการทำ Oligio
• ความรู้สึกขณะทำ Oligio เจ็บมากน้อยแค่ไหน ?
• หลังทำ Oligio กี่วันเห็นผล
• รีวิวจากผู้ใช้จริง ผลลัพธ์ที่ได้จาก Oligio
• การดูแลผิวหลังทำ Oligio อย่างถูกวิธี
• ควรเลือกทำ Oligio ที่ไหนดี
• ทำไมต้องเลือกทำ Oligio ที่ APEX
• Oligio ควรทำคู่กับอะไรให้ได้ผลลัพธ์สุดจึ้ง
• สรุปเทคโนโลยี Oligio
ประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยี Oligio
ก่อนที่เราจะใช้เครื่องมืออะไรที่จะมากระทบผิวหน้าของเราควรศึกษาประวัติความเป็นมาของเทคโนโลยีตัวนั้นก่อน ว่ามาจากไหน เทคโนโลยีนั้นทำงานอย่างไร เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าสิ่งๆนั้นเป็นอันตรายต่อผิวหน้าของเราหรือเปล่า
Oligio เป็นเทคโนโลยีใหม่ในวงการยกกระชับผิวที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีการพัฒนามาจากเทคโนโลยีที่เรียกว่า Radiofrequency (RF) ซึ่งใช้คลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง กระบวนการนี้มีประโยชน์ในการฟื้นฟูและยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Oligio คืออะไร แตกต่างจากยกกระชับอื่นอย่างไร
จุดเริ่มต้นของ RF และ Oligio
เทคโนโลยี RF มีต้นกำเนิดมาก่อนการพัฒนา Oligio โดย RF ได้รับการใช้ในวงการแพทย์และความงามมายาวนาน เนื่องจากความสามารถในการปล่อยพลังงานคลื่นความร้อนลึกลงไปในชั้นผิวหนังโดยไม่ทำลายผิวชั้นนอก การรักษาด้วย RF ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายสำหรับการยกกระชับผิว ฟื้นฟูริ้วรอย และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
Oligio ได้ถูกพัฒนาขึ้นจากพื้นฐานเทคโนโลยี RF โดย Oligio ใช้คลื่นความถี่วิทยุความถี่สูงที่สามารถส่งพลังงานไปยังชั้นผิวหนังลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวหนังที่อยู่ในระดับลึกที่สุด และมีความสำคัญต่อการยกกระชับผิว เมื่อพลังงานความร้อนถูกปล่อยออกมา มันจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียน กระชับ และดูอ่อนวัยขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
การพัฒนาเทคโนโลยี RF จนมาเป็น Oligio
หลังจากที่ RF ได้รับการยอมรับในวงกว้าง นักวิจัยได้พัฒนาระบบ Oligio ให้มีความแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น
เครื่อง Oligio เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ใช้พลังงาน Monopolar RF (Radio Frequency) ในการยกกระชับผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว ด้วยการใช้พลังงาน RF แบบ Monopolar ทำให้ Oligio สามารถส่งพลังงานลงไปในชั้นผิวหนังที่ลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้เกิดการกระชับผิวในบริเวณที่รักษาได้ดียิ่งขึ้น
ด้วยความปลอดภัย ประสิทธิภาพที่สูง และการใช้งานที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด Oligio จึงได้รับความนิยมมากขึ้นในวงการความงาม
จุดเด่นของ Oligio ในการยกกระชับผิว
Oligio นอกจากจะเป็นนวัตกรรมยกกระชับผิวและสลายไขมันแบบไม่เจ็บแล้ว ยังมีจุดเด่นเฉพาะตัวที่เทคโนโลยีอื่นๆอาจจมีประสิทธิภาพที่ไม่เทียบเท่าอีกด้วย
จุดเด่นของ Oligio
• Pain Less
• คลื่นพลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS เช่นเดียวกับ Ulthera System
• ให้ผลลัพธ์เทียบเท่าการผ่าตัดดึงหน้า แต่ไม่เจ็บ
• ปล่อยพลังงานอย่างสม่ำเสมอ ไม่ร้อน ไม่เจ็บ ไม่มีแผล
• Fast & Effective
• ไม่จำเป็นต้องทายาชาเพราะมีการเพิ่มความปลอดภัยด้วยระบบวัดอุณหภูมิผิวระหว่างทำการรักษาและตรวจแรงต้านผิวก่อนการรักษา
• มีหัวปล่อยพลังงาน Auto Mode / Double Mode / Single Mode
• หัวใหญ่ ปล่อยพลังงานครอบคลุมพื้นที่กว้าง ลดเวลาในการรักษา
• Safe Treatment
• สามารถปรับพลังงานตามสภาพผิว Monitor วัดอุณหภูมิขณะทำ เพื่อควบคุมการปล่อยพลังงาน
• Long-lasting Effect
• ผลการรักษาที่ยาวนาน จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ใต้ผิว ทำให้ผลลัพธ์การรักษายาวนานขึ้น
Oligio คืออะไร แตกต่างจากยกกระชับอื่นอย่างไร
Oligio แตกต่างจากเทคโนโลยีอื่นอย่างไร?
Oligio เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่มีความโดดเด่นและแตกต่างจากเทคโนโลยีอื่นๆ ในหลายด้าน จะขอสรุปให้เห็นภาพง่ายๆ ดังนี้
1.การส่งพลังงานที่ตรงจุด
• Oligio ใช้คลื่นความถี่วิทยุ (RF) ที่เน้นการส่งพลังงานแบบตรงจุด ทำให้สามารถควบคุมการทำงานในระดับที่แม่นยำ และเน้นผลลัพธ์ที่ต้องการได้อย่างชัดเจน
2.การกระตุ้นคอลลาเจน
• Oligio เน้นการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ทำให้ผิวดูเต่งตึงและยืดหยุ่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ
• Ulthera ใช้คลื่นอัลตราซาวด์เพื่อยกกระชับผิวที่ชั้นลึกกว่า Oligio แต่อาจจะทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่าการที่เราเลือกทำ Oligio
3.ความเจ็บปวด
• Oligio จะมีความเจ็บปวดน้อยกว่าการใช้เทคโนโลยีอื่น เช่น Ulthera หรือ Thermage ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกสบายขึ้น
• Thermage แม้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก แต่หลายคนอาจจะรู้สึกเจ็บมากในระหว่างการรักษา ถ้าใครที่ยังทนความเจ็บไม่ได้มากแนะนำทำ Oligio
4.เวลาในการรักษา
• Oligio ใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่า และสามารถเห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ\
• HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ต้องใช้เวลานานกว่าและเห็นผลลัพธ์ช้ากว่า
5.ความเหมาะสมของผิว
• Oligio เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม
• Laser Treatments บางชนิดอาจไม่เหมาะกับผิวที่มีสีเข้มหรือผิวที่ไวต่อการระคายเคือง
6.ราคา
• Oligio ราคามักจะเข้าถึงได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Ulthera หรือ Thermage ที่มีราคาสูงกว่า
Oligio จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่ต้องเจ็บมาก เห็นผลเร็ว และราคาประหยัดเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาด แต่ถ้าเกิดใครมีงบประมาณระดับหนึ่งและสามารถที่จะทนเจ็บได้ สามารถส่งมาให้คุณหมอเราประเมิณก่อนได้นะคะ เพราะแพทย์ผู้เชียวชาญ เฉพาะทางของเราประเมิณฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย และสามารถรักษาปัญหาเพื่อตอบโจทย์ของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
Oligio คืออะไร แตกต่างจากยกกระชับอื่นอย่างไร
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Oligio ?
จริงๆ แล้วการทำ Oligio หรือหัตถการความงามอื่นๆ จะต้องดูปัญหาของคนไข้เป็นหลัก เพื่อที่จะเลือกเครื่องมือมาแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด และจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์เป็นหลัก ในการเลือกเครื่องมือ และในการรักษา ซึ่งเราจะแบ่งเป็นสองคำถามย่อยๆ ในการตอบโจทย์ที่ว่า ใครบ้างที่เหมาะกับการทำ Oligio จะเป็น Oligio เหมาะสำหรับสภาพผิวแบบไหน และ อีกคำถามที่มาแรงไม่แพ้กัน นั่นก็คือ ผู้หญิงหรือผู้ชาย ใครเหมาะกับการทำ Oligio มากกว่ากัน
• Oligio เหมาะสำหรับสภาพผิวแบบไหน
การทำ Oligio นั้นเหมาะกับคนหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวหน้าหย่อนคล้อย หรือผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด เพราะกลัวในเรื่องของการพักฟื้นและกลัวเจ็บ จะสามารถแบ่งปัญหาผิวหน้าหลักๆที่ควรมาทำ Oligio ได้ดังนี้
1.ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย
เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ทั้งที่มาจากอายุที่มากขึ้นหรือจากปัจจัยอื่นๆ เช่น การสูญเสียความยืดหยุ่นของผิว Oligio สมารถแก้ไขปัญเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี
2.ผู้ที่มีริ้วรอยและเส้นเล็กๆ บนใบหน้า
การทำ Oligio สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและเส้นเล็กๆ ที่เกิดจากการแสดงอารมณ์บนใบหน้าได้ดี
3.ผู้ที่ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่ผ่าตัด
Oligio เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการทำการรักษาที่มีความเสี่ยงสูงหรือใช้เวลาในการพักฟื้นยาวนาน เช่น การผ่าตัดยกกระชับผิว
4.ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร็วและเจ็บน้อย
Oligio ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วในการยกกระชับผิวและมีความเจ็บปวดน้อยกว่าการใช้เทคโนโลยีอื่นๆ
5.Oligio เหมาะกับทุกสภาพผิว
ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือผิวผสม
6.ผู้ที่ต้องการรักษาความยืดหยุ่นของผิว
Oligio เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรักษาหรือเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวให้คงสภาพดีและดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ
7.ผู้ที่ต้องการลงทุนด้านความงามแบบคุ้มค่า
สำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาที่มีคุณภาพ ในราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย Oligio เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับใครก็ตามที่เริ่มต้นอยากดูแลตัวเองให้ดูดี
• ผู้หญิงหรือผู้ชายเหมาะกับการทำ Oligio มากกว่ากัน
ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็สามารถทำ Oligio ได้เหมือนกันหมด แต่การทำ Oligio ในแต่ละคนแต่ละวัยแต่ละเพศ ก็จะมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของผิวหน้าที่อยากจะปรับให้ดีขึ้น แต่ประโยชน์หลักแล้ววของผู้หญิงและของผู้ชายขอแบ่งเป็นข้อมูลกว้างๆดังนี้
ผู้หญิงประโยชน์ที่จะได้รับในการทำหัตถการ Oligio
• ความสวยงามและความมั่นใจ ผู้หญิงมักให้ความสำคัญกับความเรียบเนียนและความยืดหยุ่นของผิว การทำ Oligio จะช่วยลดริ้วรอยและยกกระชับผิว ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเพิ่มความมั่นใจ
• การป้องกันริ้วรอยในอนาคต ผู้หญิงสามารถใช้ Oligio เป็นการรักษาป้องกันก่อนที่ปัญหาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน
ผู้ชายประโยชน์ที่จะได้รับในการทำหัตถการ Oligio
• การดูแลตัวเองและภาพลักษณ์ ผู้ชายเริ่มให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของผิวพรรณ การทำ Oligio จะช่วยให้ผิวกระชับและลดริ้วรอย โดยไม่ต้องเจ็บมากหรือเสียเวลาพักฟื้น
• การรักษาความเป็นธรรมชาติ ผู้ชายหลายคนชอบผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ การทำ Oligio สามารถช่วยให้ผิวดูดีขึ้นโดยไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะใบหน้าอย่างชัดเจน
สรุป
Oligio เหมาะสำหรับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่ละเพศสามารถได้รับประโยชน์จากการทำ Oligio ตามความต้องการและปัญหาผิวที่แตกต่างกัน ดังนั้น ไม่มีเพศใดที่เหมาะมากกว่ากัน ขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนบุคคลและปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข
Oligio คืออะไร แตกต่างจากยกกระชับอื่นอย่างไร
การเตรียมตัวก่อนทำ Oligio
ใครที่ตัดสินใจต้องการจะทำ Oligo ควรที่จะเตรียมตัวดังนี้ เพื่อที่เวลาไปจะได้สามารถทำได้เลย และไม่รู้สึกประหม่าเวลาไปคลินิก
• ศึกษาข้อมูลคลินิก
ควรศึกษาข้อมูลคลินิกที่จะไปทำ Oligio ให้ละเอียด จะต้องมีความน่าเชื่อถือ มีหมอเฉพาะทางที่เชียวชาญในการดูแลรักษา อีกทั้งต้องการันตีว่า เป็นเครื่องแท้ยาแท้ และมีรีวิวรองรับ APEX Beauty Clinic ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพราะที่เรามั่นใจในคุณภาพและการันตีรีวิวทุกสื่อ Socail
• ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
ควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินสภาพผิวและรับคำแนะนำเกี่ยวกับการทำ Oligio
• หลีกเลี่ยงแสงแดด
ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ Oligio เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
• งดการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดหรือสารผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA เป็นเวลา 3-5 วันก่อนทำ
• งดการใช้ยาและผลิตภัณฑ์บางชนิด
หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือครีมที่มีสารสเตียรอยด์หรือผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง
• พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับเพียงพอจะช่วยให้ผิวพร้อมรับการรักษาและฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้น
ขั้นตอนการทำ Oligio
• เก็บผมให้เรียบร้อย
ก่อนเริ่มทำ Oligio ผู้ช่วยแพทย์จะรวบและเก็บผมของคนไข้ให้เรียบร้อยก่อนเริ่มการทำ Oligio
• ทำความสะอาดผิวหน้า
ก่อนเริ่มทำ Oligio ผู้ช่วยแพทย์ทำความสะอาดใบหน้าของคนไข้ให้หมดจด โดยลบเครื่องสำอางและความมันออกเพื่อเตรียมผิวก่อนการรักษา
• เริ่มทำ Oligio
• แพทย์ทาเจลเย็นลงบนผิวบริเวณที่ต้องการรักษา
• แพทย์จะใช้เครื่อง Oligio เพื่อส่งพลังงานคลื่นความถี่วิทยุเข้าสู่ผิวหน้า โดยจะเคลื่อนหัวเครื่องมือไปทั่วใบหน้าในบริเวณที่ต้องการรักษา
• แพทย์ใช้ Oligio ในการรักษาผิวหน้าตามจำนวน Shot ที่กำหนด
• ระยะเวลาในการทำ
ขั้นตอนการทำ Oligio ใช้เวลาประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำและสภาพผิวของแต่ละบุคคล หลังการรักษาเสร็จสิ้น ผู้ช่วยแพทย์จะทำความสะอาดใบหน้าให้คนไข้อีกครั้ง
ความรู้สึกขณะทำ Oligio เจ็บมากน้อยแค่ไหน ?
1.ความรู้สึกระหว่างการทำ Oligio
ผู้รับบริการจะรู้สึกถึงความร้อนเล็กน้อยที่บริเวณผิว ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานของเครื่อง Oligio ที่ส่งพลังงานลงไปกระตุ้นใต้ชั้นผิว
2.ระดับความเจ็บปวดในการทำ Oligio
โดยทั่วไป ความรู้สึกเจ็บจะไม่มาก มักจะรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อยในบางจุด แต่ความเจ็บปวดจะไม่รุนแรงถึงขั้นที่ทำให้ทนไม่ได้
3.ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชา
การทำ Oligio ไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาเพราะขณะทำไม่ได้เจ็บมากเท่ากับการทำหัตถการยกกระชับอื่นๆ
4.เจลเย็นช่วยเพิ่มความสบาย
การทาเจลเย็นบนผิวก่อนทำ Oligio จะช่วยลดความร้อนและทำให้ผู้รักษารู้สึกสบายมากขึ้นระหว่างการรักษา
5.ปรับระดับพลังงานได้
หากผู้รักษารู้สึกไม่สบายหรือเจ็บในบางจุด แพทย์สามารถปรับระดับพลังงานของเครื่อง Oligio เพื่อลดความเจ็บปวดตามความเหมาะสมได้
6.การตอบสนองแต่ละคนแตกต่างกัน
ความรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายระหว่างการการทำ Oligio จะแตกต่างกันไปตามระดับความไวต่อความรู้สึกของผิวแต่ละคน
หลังทำ Oligio กี่วันเห็นผล
ขอแบ่งผลลัพธ์การทำ Oligio เป็น 4 ข้อ ดังนี้
• ผลลัพธ์เบื้องต้น
หลังทำ Oligio บางคนอาจเริ่มเห็นผลลัพธ์ทันที เช่น ผิวรู้สึกตึงขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากผลกระทบจากความร้อนที่ส่งไปกระตุ้นการทำงานของผิว
• การเห็นผลที่ชัดเจน
ผลลัพธ์ที่ชัดเจนมักจะเริ่มปรากฏภายใน 2-3 สัปดาห์หลังทำ เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวต้องใช้เวลา
• ผลลัพธ์สูงสุด
ผลลัพธ์สูงสุดจะเห็นได้ชัดเจนหลัง 1-3 เดือนเมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นเต็มที่ ทำให้ผิวดูยกกระชับและเรียบเนียนมากขึ้น
• ผลลัพธ์ระยะยาว
ผลลัพธ์ของ Oligio สามารถอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังการรักษา
รีวิวจากผู้ใช้จริง ผลลัพธ์ที่ได้จาก Oligio
ภาพรีวิว Oligio คืออะไร แตกต่างจากยกกระชับอื่นอย่างไร
ภาพรีวิว Oligio คืออะไร แตกต่างจากยกกระชับอื่นอย่างไร
การดูแลผิวอย่างถูกวิธีหลังทำ Oligio
• หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน
หลังทำ Oligio ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อน เช่น การซาวน่า การอาบน้ำอุ่น หรือการออกกำลังกายหนักๆ อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง เพื่อลดการระคายเคืองต่อผิว
• ทาครีมบำรุงและมอยเจอร์ไรเซอร์
ควรทาครีมบำรุงและมอยเจอร์ไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูสภาพผิวหลังการรักษา
• หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง
ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรงหลังทำ Oligio อย่างน้อย 1 สัปดาห์ และหมั่นทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำ เพื่อป้องกันการทำลายของแสงแดด ต่อผิวที่อาจทำให้ผิวอ่อนแอลง
• หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง
หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของกรดแรงๆ เช่น กรด AHA, BHA, หรือวิตามินซี เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคือง
• ดื่มน้ำมากๆ
การดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ผิวได้รับความชุ่มชื้น จากภายใน และส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนหลังการทำ Oligio
• ไม่ควรขัดผิวหรือทำเลเซอร์เพิ่มเติม
หลังจากทำ Oligio หลีกเลี่ยงการขัดผิว การทำเลเซอร์ หรือการทำทรีตเมนต์ผิวอื่นๆ อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวมีเวลาในการฟื้นตัวอย่างเต็มที่
• ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ และข้อควรระวังจากแพทย์ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์จากการทำ Oligio ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ
ควรเลือกทำ Oligio ที่ไหนดี
การเลือกสถานที่ทำ Oligio ควรพิจารณาหลายปัจจัยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีตรงความต้องการของเรา และที่สำคัญจะต้องเป็นคลินิกที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน ซึ่งพิจารณาได้จากปัจจัยต่อไปนี้
• ความเชี่ยวชาญของแพทย์
เลือกคลินิกที่มีแพทย์ที่มีความชำนาญด้านการทำ Oligio และมีประสบการณ์ในการใช้เครื่องมืออย่างถูกต้อง การทำ Oligio ต้องการความแม่นยำและความเข้าใจเกี่ยวกับชั้นผิวหนัง
• ความน่าเชื่อถือของคลินิก
ควรเลือกคลินิกที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงสาธารณสุข หรือสมาคมแพทย์ผิวหนัง
• เครื่องมือที่ใช้จะต้องได้มาตรฐาน
คลินิกควรใช้เครื่อง Oligio ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา
• รีวิวจากผู้ใช้บริการ
อ่านรีวิวและความคิดเห็น จากผู้ที่เคยเข้ารับบริการ เพื่อดูผลลัพธ์และประสบการณ์ที่ได้จากการทำ Oligio ที่คลินิกนั้น
• การบริการหลังทำ
การดูแลหลังทำ Oligio ก็มีความสำคัญ ควรเลือกคลินิกที่ให้คำแนะนำและการดูแลติดตามผลหลังทำอย่างต่อเนื่อง
ทำไมต้องเลือกทำ Oligio ที่ APEX Beauty Clinic
APEX Beauty ถือว่าเป็นคลินิกที่มีชื่อเสียงในด้านการดูแลผิวพรรณและความงาม รวมถึงบริการ Oligio ด้วย ซึ่ง APEX Beauty มีปัจจัยหลายอย่างที่ ทำให้ APEX เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
• ความเชี่ยวชาญของแพทย์
APEX มีทีมแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์สูงในการทำทรีตเมนต์ทางผิวหนัง โดยเฉพาะ Oligio ซึ่งช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีและปลอดภัย
• เครื่องมือที่ทันสมัย
คลินิก APEX ใช้อุปกรณ์ที่ได้รับมาตรฐานและเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องของประสิทธิภาพและความปลอดภัย
• รีวิวจากลูกค้า
APEX ได้รับรีวิวดีจากลูกค้าที่เคยใช้บริการ ทั้งในด้านคุณภาพของการรักษาและการบริการ
• บริการหลังการรักษา
APEX มีการดูแลหลังทำทรีตเมนต์อย่างต่อเนื่อง และมีทีมที่สามารถให้คำปรึกษาได้หลังการทำ Oligio
Oligio ควรทำคู่กับอะไรให้ได้ผลลัพธ์สุดจึ้ง
การทำ Oligio เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สามารถทำควบคู่กับวิธีการอื่นๆ เพื่อเสริมประสิทธิภาพและเพิ่มความกระชับของผิวได้ ให้สวยจึ้งแบบลงตัวดูละมุนมากกว่าเดิม
1.ฟิลเลอร์ (Dermal Fillers) การฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความเต่งตึงของผิว เมื่อทำควบคู่กับ Oligio ที่ช่วยกระชับผิว ก็จะช่วยให้ผิวดูเนียนเรียบและอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
2.โบลดริ้วรอย (Boto) ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ เช่น รอยขมวดคิ้วหรือรอยย่นบนหน้าผาก ทำควบคู่กับ Oligio จะช่วยกระชับผิวและลดริ้วรอยเล็กๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยกระชับผิวคล้ายกับ Oligio แต่เข้มข้นมากขึ้น การทำ Oligio ก่อนหรือหลัง HIFU จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวให้ดีขึ้น
4.การบำรุงผิวหลังทำทรีตเมนต์ ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี หรือกรดไฮยาลูรอนิค เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวหลังการทำ Oligio
การทำควบคู่กับวิธีเหล่านี้จะช่วยเพิ่มผลลัพธ์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของความกระชับและการลดเลือนริ้วรอย
Oligio คืออะไร แตกต่างจากยกกระชับอื่นอย่างไร
สรุปเทคโนโลยี Oligio
Oligio หน้าเรียวกระชับแฟต กรอบหน้าคมชัด ไม่ต้องบินไปทำถึงเกาหลี หรือใช้เวลาในการพักฟื้นที่ยาวนาน แค่มาทำ Oligio จบครบทุกปัญหาหน้าไม่กระชับ Oligio ช่วยให้กรอบหน้าคมชัด V Shape มากขึ้น สลายไขมันใต้คาง แก้ปัญหาสำหรับคนเหนียงเยอะ ลดริ้วรอย และแก้ปัญหามุมปากตก ผิวหน้าเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้ง Oligio ไม่เจ็บระหว่างทำ ใครสนใจอยากสอบถามรารยละเอียด หรืออยากให้คุณหมอเฉพาะทาง ประเมิณว่าปัญหาของเรา ควรแก้ปัญหาอย่างไร ให้ได้ผลลัพธ์ ที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด