ผลไม้ทุกชนิดล้วนมีน้ำตาลอยู่แล้ว ซึ่งผลไม้แต่ละประเภทก็จะมีปริมาณน้ำตาลที่แตกต่างกัน หากเรากำลังลดน้ำหนักอยู่การควบคุมปริมาณน้ำตาลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แม้ว่าผลไม้จะมีประโยชน์แต่การกินผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงก็ทำให้เราอ้วนขึ้นได้เช่นกัน วันนี้เราจึงมี 6 ผลไม้น้ำตาลต่ำ เหมาะกับคนลดน้ำหนัก มาฝากกัน
น้ำตาลในผลไม้ส่งผลกกับการลดน้ำหนักอย่างไร
“น้ำตาลแฝง” เป็นตัวแปรสำคัญทำให้เราอ้วน มีไขมันสะสม เสี่ยงเป็นโรคต่าง ๆ และทำให้น้ำหนักลดลงยากได้ เพราะเมื่อเรากินน้ำตาลเข้าไปแล้ว น้ำตาลจะถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงาน แต่หากเรากินน้ำตาลในปริมาณมากเกินร่างกายต้องการ ร่างกายก็จะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมันเก็บไว้ใช้เป็นพลังงานสำรอง เมื่อมีไขมันสะสมจำนวนมาก ก็จะเป็นอุปสสรคกับการลดน้ำหนักหรือทำให้อ้วนได้นั่นเอง
-
สตรอเบอร์รี่
ผลไม้สีแดงสดรสชาติเปรี้ยวอมหวาน มีวิตามินซี มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้นจึงช่วยทำให้บำรุงผิวด้วยนั่นเอง โดยสตรอเบอร์รี่ 100 กรัม มีน้ำตาลเพียง 5 กรัมเท่านั้น ที่สำคัญยังเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารสูง ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด ช่วยควบคุมกลูโคสและลดความเสี่ยงของน้ำตาลในเลือด นอกจากนี้ สตรอว์เบอร์รีช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลร้าย แอลดีแอล (LDL Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย
-
ลูกพีช
ลูกพีชเป็นผลไม้เมืองหนาวมีเปลือกสีส้มอมชมพูและมีขนอ่อน ๆ เนื้อด้านในมีสีขาวหรือสีเหลือง รสชาติหวานฉ่ำ มีกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัว ซึ่งแม้ว่าจะลูกพีชจะมีรสหวานแต่ลูกพีชก็ยังเหมาะกับเป็นผลไม่ลดน้ำหนัก เพราะลูกพีช 1 ผลขนาดกลาง ให้พลังงาน 59 แคลอรี มีน้ำตาลเพียง 13 กรัมเท่านั้น นอกจากนี้ ลูกพีชยังเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารสูง ช่วยป้องกันอาการท้องผูกและช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย
-
แบล็กเบอร์รี่
แบล็กเบอร์รี่มีลักษณะคล้ายพวงคล้ายองุ่น มีรสเปรี้ยวอมหวาน ฉ่ำน้ำ มีเส้นใยอาหาร วิตามินซี วิตามินเค วิตามินบี โดยแบล็กเบอร์รี่ 100 กรัม มีน้ำตาลเพียง 5 กรัมเหมือนกับสตรอเบอร์รี่ นอกจากนี้ ยังเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีสูง ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนของร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยในการชะลอการเกิดริ้วรอย บำรุงผิวพรรณได้อีกด้วย
-
เมลอน
รสชาติดี มีกลิ่นหอม เนื้อหวานฉ่ำ เนื้อนุ่ม ละลายในปาก โดยเมลอน 100 กรัม มีน้ำตาล 11 กรัม มีสารต้านอนุมูลอิสระ มีวิตามินซีสูงเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว มีส่วนช่วยในการผลิตคอลลาเจนให้ผิว ชะลอความแก่และการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่เป็นต้นเหตุผิวหมองคล้ำ ที่สำคัญยังไม่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสามารถใช้เป็นผลไม้ลดน้ำหนักได้
-
ส้ม
ส้มเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ โดยเมลอน 100 กรัม มีน้ำตาล 14 กรัม นอกจากนี้ ส้มมีใยอาหารสูง ช่วยในระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายได้ ในเนื้อส้มไม่มีคอเลสเตอรอล และยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้
-
ส้มโอ
คนไทยนิยมรับประทานในช่วงหน้าร้อน เนื่องจากมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน มีวิตามินซีสูง เป็นผลไม้ที่มีน้ำมาก ช่วยบรรเทาอาการกระหายน้ำได้ดี ส้มโอเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำ กินแล้วไม่ทำให้อ้วน ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 41 กิโลแคลอรีเท่านั้นเอง มีน้ำตาลในส้มโอ 100 กรัม (ประมาณ 4 กลีบเล็ก หรือ 2 กลีบกลาง) อยู่ที่ 7.1-9.9 กรัม
อย่างไรก็ตาม แม้ผลไม้เหล่านี้จะเป็นผลไม้น้ำตาลต่ำ แต่หากกินในปริมาณมากเกินไป ก็ทำให้ได้รับน้ำตาลมากเกินไปได้เช่นกัน เพราะจริง ๆ แล้วปริมาณแคลอรี่ของอาหารเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากสำหรับคนลดน้ำหนัก แต่หากสำหรับใครที่ยังไม่สามารถควบคุมการกินของตัวเองได้ เรามีตัวช่วยมาฝากกัน
ปากกา Slim Shape
เป็นการผสมผสานเทคโนโลยีล่าสุด เปปไทด์ลดหิว Liraglutide สารโปรตีนสกัดเลียนแบบฮอร์โมน GLP-1 ซึ่งฮอร์โมนนี้จะหลั่งออกจากลำไส้หลังการทานอาหาร เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมองประมาณ 3-5 นาที
กลไกการออกฤทธิ์ของ Slim Shape
สมองส่วนกลาง : ทำให้รู้สึกไม่หิว อิ่มนาน ทนน้อย
กระเพาะอาหาร : ย่อยและดูดซึมได้นานขึ้น เพราะหลังทานอาหาร ลำไส้เล็กจะหลั่ง GLP-1 ออกมา เพื่อส่งสัญญาณความอิ่มไปที่สมอง โดยจะออกฤทธิ์ 24 ชั่วโมง ทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน สามารถลดความหิวและความอยากอาหาร ทำให้ทานได้น้อยลง
ตับอ่อน : ผลิตฮอร์โมนอินซูลินดึงน้ำตาลเข้าเซลล์ Slim Shape ช่วยการหลั่งฮอร์โมนนี้มีคุณภาพดีขึ้น
ผลลัพธ์หลังการใช้ Slim Shape
สามารถเผาผลาญพลังงานดีขึ้น ลดความอยากอาหาร ทำให้ไม่รู้สึกหิวน้อยลง สามารถควบคุมอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลดน้ำหนักถึง 80% เมื่อใช้ต่อเนื่องเพียง 4 เดือน น้ำหนักลดลง 5-10% นอกจากนี้ ยังสามารถลดไขมันในช่องท้อง (Visแeral Fat) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคแทรกซ้อนและอันตรายจากความอ้วน
Slim Shape เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีภาวะน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือดัชนีทวลกาย BMI มากกว่าหรือเท่ากับ 30
- ผู้ที่พยายามจะลดน้ำหนักด้วยยาลดน้ำหนักแล้วไม่เห็นผล
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือมีโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- ผู้ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ หรือการทาน IF และต้องการลดพฤติกรรมการกินจุบจิบ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียง
- ผู้ที่อายุ 18 ปี ขึ้นไป
โยโย่ เอฟเฟค
เมื่อลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย สามารถหยุดใช้ยาได้ทันที โดยจะไม่ทำให้เกิดอาการ “โยโย่ เอฟเฟค” เหมือนกับยาลดน้ำหนักแบบเดิม เพียงแต่เมื่อหยุดใช้ยาแล้วจะมีความรู้สึกหิวเหมือนช่วงก่อนการเริ่มใช้ยา
ความปลอดภัย
ยาได้รับอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาทั้งไทยและต่างประเทศ จึงมีความปลอดภัย ไม่มีอันตรายเหมือนยาและอาหารเสริมลดน้ำหนักตัวอื่น ๆ ตัวยาไม่ได้มีกลไกออกฤทธิ์รบกวนสารสื่อประสาท จึงไม่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงทางจิตประสาท เช่น ใจสั่น ก้าวร้าว ฝันร้าย ประสาทหลอน ตามมา