6 วิธี ควบคุมการกิน แบบง่าย ๆ ทำได้ก็ผอมแน่ !

ควบคุมการกิน
ถ้าใครเข้ามาอ่านบทความนี้ เป็นไปได้สูงว่าคุณกำลังประสบปัญหาโรคอ้วน หรือน้ำหนักเกินกันแน่ ๆ ซึ่งสาเหตุของปัญหาเหล่านี้ ส่วนใหญ่ไม่พ้นเกิดจากการที่คุณกินเยอะเกินไป จนได้พลังงานมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องใช้ในแต่ละวัน หลายคนนอกจากเอร็ดอร่อยจนกินเพลินแล้ว บางทีอาจติดนิสัยกินจุกจิกตลอดเวลา แบ่งมื้ออาหารถี่เกินไป หรือรู้สึกว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มเสียที และเมื่อร่างกายของคุณไม่สามารถเผาผลาญพลังงานเหล่านั้นทัน มันจึงถูกนำไปเก็บสะสมเป็นไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายพร้อมกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นหลายคนจึงพยายามฝืนกินให้น้อยลง ซึ่งสุดท้ายอาจยิ่งหิวโหยแล้วอดใจไม่ไหวกินหนักกว่าเก่า ดังนั้นหากคุณกำลังกุมขมับเพราะปัญหาทำนองนี้ละก็ หายห่วงได้เลยค่ะ เพราะเรามีวิธี ควบคุมการกิน ให้น้อยลง แต่มื้อนั้นยังคงเต็มไปด้วยคุณภาพ แถมช่วยให้อิ่มยาวนานแบบง่าย ๆ มาฝากค่ะ

1. เคี้ยวอาหารให้ช้าลงสักหน่อย

ใครที่มีนิสัยรีบเคี้ยวรีบกินแล้วรีบกลืน ขอให้ปรับเปลี่ยนโดยด่วนค่ะ เพราะหากอาหารคำก่อนยังไม่ทันลงถึงท้อง จากนั้นก็ต่อคำใหม่ตามลงไปทันที สาเหตุนี้จะทำให้รับความรู้สึกอิ่มได้ช้ากว่าความเป็นจริง เพราะบางครั้งกระเพาะของคุณอิ่มแล้ว แต่ยังไม่ทันส่งสัญญาณไปที่สมอง จึงอาจเป็นเหตุให้คุณมักกินเยอะมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการได้ ฉะนั้นการค่อย ๆ เคี้ยวช้า ๆ จะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วกว่าและกินน้อยกว่า เนื่องจากกระเพาะมีเวลาส่งสัญญาณบอกสมองตามความเป็นจริง อีกทั้งการเคี้ยวอาหารให้ละเอียด ยังช่วยลดภาระต่อระบบย่อยอาหารของคุณอีกด้วยค่ะ

2. เน้นกินผักก่อนเป็นอันดับแรก

หากคุณลองเปลี่ยนจากตักเนื้อมาเคี้ยวรัว ๆ เป็นตักผักในมื้ออาหารมากินก่อนบ้าง นั่นจะช่วยให้รู้สึกอิ่มไวขึ้นได้ค่ะ เพราะเส้นใยของผักจะเข้าไปพองตัวในกระเพาะอาหาร ทำให้เหลือพื้นที่น้อยลง คุณจึงจะกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ แป้ง หรือคาร์โบไฮเดรตที่มักเปลี่ยนไปเป็นไขมันสะสมตามร่างกายน้อยลงด้วยนั่นเอง อีกทั้งอาหารที่มีเส้นใยสูงอย่างผักหรือผลไม้ ยังช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มนาน และช่วยลดการอยากกินจุกจิกระหว่างมื้อไปด้วย

3. กินอาหารให้ตรงเวลา

ถ้าคุณเป็นคนชอบทานทีละเยอะ ๆ นอกจากต้องฝึกเคี้ยวอาหารให้ช้าลงแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างคืออย่าปล่อยให้ตัวเองหิวโซ เพราะเมื่อไหร่ที่ร่างกายของคุณหิวมาก หรือปล่อยให้ท้องว่างนานเกินไป จะเกิดภาวะน้ำตาลตกหรือหิวจัด เมื่อนั้นพอได้กิน คุณก็จะกินมากเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการจริง ๆ ฉะนั้นคุณควรกินอาหารทุกมื้อให้ตรงเวลา ที่สำคัญไม่ควรอดมื้อเย็น เพราะอาจส่งผลให้หิวตอนกลางดึกได้ค่ะ

4. เลือกกินไขมันดี

ลองเปลี่ยนส่วนประกอบในมื้ออาหารมาเป็นไขมันดีชนิดต่าง ๆ ดูบ้าง เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก หรือถั่ว เพราะไขมันดีจะช่วยให้คุณอิ่มท้องง่ายขึ้น นานขึ้น ทั้งยังส่งผลดีต่อร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น ช่วยไปลดปริมาณไขมันไม่ดีที่สะสมอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ นั่นเองค่ะ

5. ดื่มน้ำให้มากขึ้น

ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยดื่มน้ำหรือดื่มน้ำน้อยในระหว่างวัน ควรปรับเปลี่ยนมาหัดดื่มน้ำให้มากขึ้น โดยเน้นวิธีจิบเรื่อย ๆ แทนดื่มทีละมาก ๆ ค่ะ ทั้งนี้การดื่มน้ำยังสามารถช่วยให้คุณกินอาหารในแต่ละมื้อน้อยลงได้ด้วย โดยเฉพาะการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารสัก 1 แก้ว จะช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นแน่นอนค่ะ

6. พักผ่อนให้เพียงพอ

การอดนอนจะส่งผลให้อยากอาหาร และต้องการกินขนมหวานกับของจุกจิกมากขึ้นค่ะ ทั้งยังทำให้รู้สึกหิวบ่อยจนเกิดเป็นมื้อดึกตามมา ดังนั้นคุณจึงควรหมั่นเข้านอนและตื่นให้เป็นเวลา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้กินอาหารตรงเวลา ไม่หิวโหยจนเผลอกินเยอะเกินกว่าเหตุ ทั้งการนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ยังช่วยให้ร่างกายคุณเผาผลาญได้ดีขึ้น และไม่เกิดเป็นปัญหาไขมันส่วนเกินหรือน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

เคล็ดลับการ ควบคุมการกิน อาหารให้น้อยลงแต่อิ่มนาน แถมยังเป็นมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยคุณภาพไม่ยากเลยใช่ไหมคะ เพียงแค่เริ่มปรับอาหารแต่ละมื้อสักเล็กน้อย เน้นอาหารที่มีกากใยสูง หรืออาหารประเภทไขมันดี และลองลดแป้งกับเนื้อสัตว์ เคี้ยวให้ช้าลงอีกนิด รวมไปถึงหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ นอกจากสุขภาพจะดีขึ้นในระยะยาวแล้ว คุณก็จะไม่อยากอาหารมากเกินจำเป็นอีกต่อไป เท่านี้น้ำหนักก็จะไม่เอาแต่เพิ่ม แถมหุ่นผอมเพรียวยังอยู่ไม่ไกล และถ้าอยากได้ผลดียิ่งขึ้น อย่าลืมขยับเนื้อขยับตัวออกกำลังกายกันด้วยนะคะ

แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าวิธีควบคุมอาหารแบบนี้ให้ทำประจำคงไม่ไหว เพราะยังอยากมีความสุขกับการกินตามใจปาก แต่ก็ต้องการสัดส่วนที่สวยเป๊ะ ปราศจากไขมันส่วนเกินกวนใจด้วย ซึ่งคิด ๆ ดูคงไม่ใช่เรื่องง่าย ทว่าอย่าเพิ่งถอดใจไปค่ะ ยังมีวิธีที่ทั้งง่าย สะดวก และปลอดภัยหายห่วงอย่างการทำ CoolSculpting Elite หรือนวัตกรรมกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยความเย็นอยู่ วิธีนี้คุณไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเสี่ยงเจ็บตัว ปราศจากผลข้างเคียง ทั้งไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ หลังทำเสร็จอีกด้วย โดย CoolSculpting Elite จะใช้หัวอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อดูดติดกับผิวหนัง และส่งความเย็นที่อุณหภูมิติดลบเข้าไปแช่แข็งเซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ซึ่งการทำแต่ละครั้งสามารถกำจัดไขมันออกจากร่างกายได้ 20-30% ทีเดียวค่ะ โดยเซลล์ไขมันที่ตายลงจะถูกกำจัดออกผ่านกลไกร่างกายตามธรรมชาติ และใช้เวลาราว 1-3 เดือน เพื่อเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน

ทว่า CoolSculpting Elite นั้นไม่เหมาะกับผู้ที่มีรูปร่างอ้วนมาก ๆ ค่ะ เพราะเป็นเทคโนโลยีที่สามารถสลายได้เพียงไขมันชั้นนอก หรือใต้ชั้นผิวหนัง ฉะนั้นผู้ที่มีไขมันสะสมภายในช่องท้อง หรือแทรกตามอวัยวะย่อมเห็นผลลัพธ์ไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งหากยังต้องการทำ CoolSculpting Elite อาจต้องใช้การออกกำลังกายเผาผลาญไขมันร่วมด้วยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุดค่ะ

ที่ APEX เราเป็นอันดับหนึ่งในเอเชียด้วยเคสการทำ CoolSculpting Elite มากที่สุด หากคุณสนใจการกำจัดไขมันด้วยความเย็น เรามีผู้เชี่ยวชาญประสบการณ์สูงที่พร้อมให้คำแนะนำ ช่วยคุณออกแบบรูปร่างที่ตรงใจ และดูแลอย่างมืออาชีพตลอดการรักษา เพื่อให้สัดส่วนสวยกระชับในฝันของคุณอยู่ใกล้แค่เอื้อมค่ะ

 

ปรึกษา และสอบถามเพิ่มเติม โทร. 063-310-8000
FB inbox : click http://m.me/apexprofoundbeauty
Line : http://line.me/ti/p/@apexcallcenter