“ผิว Young ดี ดู Healthy ได้กว่านี้ไปอีกนาน” ตอบปัญหาทุกข้อสงสัย RADIESSE®
ความสวยความงามของผิวหน้าเป็นความฝันของทุกคน ยิ่งมีผิวที่ดูอ่อนเยาว์เหมือนผิวเด็ก จึงเป็นกระแสที่กำลังมาแรงอันอับต้นๆ ในโลก ซึ่งยุคนี้เนื่องจากเป็นยุคมีความเชื่อกันว่ายิ่งผิวดียิ่งทำให้รู้สึกว่าคุณเป็นคนดูแลตัวเองดี คนจึงหันมาดูแลผิวกันมากขึ้นนั่นเอง การมองหาวิธีในการมีผิวหน้าที่ผ่องใสและกระชับอย่างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็จะมีสารเติมเต็มที่เรียกว่า “ฟิลเลอร์” แต่ ณ ตอนนี้มีสารเติมเต็มออกมาใหม่มากมาย อย่าง “RADIESSE®” ใหม่ล่าสุดของสารเติมเต็มผิวที่มีคอนเซ็ปต์ “ผิว Young ดี ดู Healthy ได้กว่านี้ไปอีกนาน” พร้อมเต็มเต็มผิวและปรับรูปหน้า ทำยังไงให้คุณสามารถเลือกสิ่งที่เหมาะกับคุณได้?
RADIESSE® เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเรื่องผิวแห่งยุค ที่จะช่วยสร้างผิวให้สวยงามจากใต้ชั้นผิว ให้ผิวสวยแบบผิวในอุดมคติได้แบบที่ไม่ต้องกังวล
Radiesse เป็นนวัตกรรมล่าสุดที่จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มมีส่วนประกอบหลักที่สำคัญ คือ แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ (CaHA: Calcium Hydroxylapatite microsphere) ที่ไม่ใช่ HA หรือ Hyalilonic Acid เหมือนฟิลเลอร์ทั่วไปหรือเหมือนฟิลเลอร์แบบเก่า ซึ่งคนมักจะเรียกชื่อตามตัวย่อ CaHA กันว่า “คาห้า ไมโครเฟียร์”เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ โดยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ จัดเป็นจุดเด่นของ Radiesse ที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวของใบหน้าโดยเมื่อคนเราเริ่มมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น การผลิตของคอลลาเจนที่อยู่ในบริเวณใต้ชั้นผลิวนั้นจะทำการผลิตตัวได้น้อยลงและช้าลง จึงเกิดการส่งผลให้ผิวหนังของคนเรามีความกระชับและความยืดหยุ่น ที่น้อยลงและลงลงตามกันลงไปตามลำดับ
Radiesse ทำแล้วดีกับผิวอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลโดยที่ Radiesse จะเข้าไปช่วยในการเข้าไปทำการกระตุ้น กระบวนการการสร้างคอลลาเจน ใต้ชั้นผิวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของร่างกาย ในการสร้างคอลลาเจนใหม่บริเวณใต้ผิวหนังให้ทำงานได้ดี และเร็วมากขึ้นจึงทำให้ผิวเกิดความแข็งแรง แน่น ช่วยในการทำให้ใบหน้ายกกระชับ Radiesse ยังช่วยในการฟื้นฟูผิว ในการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินจึงช่วยในการช่วยลดริ้วรอย เนื่องจากแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์นั้น เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อกระดูกซึ่งมีทั้งที่ร่างกายผลิตได้เอง และแบบสังเคราะห์ ซึ่งมีประโยชน์ไม่ต่างกัน จึงส่งผลให้เข้ากันกับร่างกายได้เป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้ร่ายกายเกิดการซึมซับได้ง่ายนั่นเอง
RADIESSE® จัดเป็นฟิลเลอร์ที่ช่วยกระตุ้นใต้ผิวหนัง จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างครบถ้วนทั้ง 5 ประการ
• Radiesse ช่วยเพิ่ม 150% Collagen type 1
• Radiesse ช่วยเพิ่ม130% Collagen type 3
• Radiesse ช่วยเพิ่ม260% Elastin
• Radiesse ช่วยเพิ่ม Proteoglycan สารน้ำหล่อเลี้ยงผิว
• Radiesse ช่วยเพิ่ม Angiogenesis สารอาหารหล่อเลี้ยงผิว
ประสิทธิภาพ 5 ประการดังกล่าวนี้ส่งผลให้ Radiesse ช่วยมอบถึง 3 ผลลัพธ์ที่เหนือกว่าให้กับผู้ใช้บริการ
Healthier Younger Longer
• Healthier Radiesse ช่วยให้มีสุขภาพผิวที่ดีมากยิ่งขึ้นขึ้น
• Younger Radiesse ช่วยให้ดูอ่อนเยาว์ลง คืนความเด็กให้อีกครั้ง
• Longer Radiesse ช่วยยืดอายุของผิวให้ดีได้ยาวนานขึ้น
RADIESSE® ที่มี Concept เฉพาะตัวที่ว่า “ผิว YOUNG ดี ดู HEALTHY ได้กว่านี้ไปอีกนาน”
Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัท Merz Aesthetics บริษัทนวัตกรรมเทคโนโลยีความงามชื่อดังเป็นอันดับต้นๆ ในระดับโลกในท้องตลาดซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่อง Ultherapy ที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี
Radiesse ทำแล้วดีกับผิวอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลRADIESSE® มีคุณสมบัติเด่นอย่างไร?
• คุณสมบัติเด่นของ Radiesse Strong Structural Skin เสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวลงลึกในระดับโครงสร้าง รวมทั้งโดยรอบ Radiesse ยังช่วยในการเติมเต็มอย่างดูเป็นธรรมชาติ ไม่ตกค้างไม่เป็นก้อน
• คุณสมบัติเด่นของ Radiesse Profound Rejuvenation ช่วยในการฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก คือการฟื้นฟูถึงในระดับคอลลาเจนและอิลาสตินที่อยู่ใต้ผิวหนังในบริเวณเนื้อเยื่อให้มีความกระชับ ยืดหยุ่น ลดริ้วรอยและความหย่อยนคล้อยให้ดูดีขึ้นได้
• คุณสมบัติเด่นของ Radiesse Cell Regenerative Stimulation ช่วยในการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการสร้างเซลล์ที่อยู่ใต้ชันผิวขึ้นมาใหม่ ให้ใต้ชั้นผิวได้รับการเติมเต็ม ในส่วนที่ขาดหายและกระชับ อิ่มฟูมากขึ้น
ข้อดีของ RADIESSE®
• Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติผู้ใช้บริการจึงไม่ต้องกลัวว่า Radiesse จะเกิดการตกค้างหลงเหลืออยู่บริเวณใต้ชั้นผิวหนัง
• Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่เชื่อถือได้เนื่องจากได้รับการรับรองความน่าเชื่อถือจาก อย. ถึงกว่า 3 หน่วยงาน ทั้ง EU,US และ TH FDA และยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ US FDA
• Radiesse ยังถูกใช้งานโดยแพทย์ทั่วโลกมาแล้วนานกว่า 20 ปี และมีผลงานวิจัยรองรับในตัวผลิตภัณฑ์ Radiesse ถึงมากกว่า 250 ฉบับ ทั้งยังได้รับความนิยมจากทั่วทั้งโลกการันตีจากยอดใช้ 15 ล้านไซริงจากการใช้งานทั่วทั้งโลก
• Radiesse ใช้ฉีดบริเวณใบหน้าส่วนกลาง (Middle Face) และใบหน้าส่วนล่าง (Lower Face) ร่วมทั้งส่วนอื่นๆ เช่น มือ หรือเนินอก โดยทำการรักษาโดยประมาณต่อหนึ่งครั้งประมาณ 30 นาทีถึง 60 นาทีขึ้นอยู่กับบริเวณที่ทำการรักษา
จุดเด่นของ RADIESSE®
• Radiesse ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการใช้งาน เนื่องจาก Radiesse มาในรูปแบบเจลที่อยู่ในสภาพพร้อมฉีด (Pre-filled syringe)
• Radiesse ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมียอดขายกว่า 15 ล้านไซริงค์ทั่วทั้งโลก
• Radiesse มีความปลอดภัยสูงมั่นใจได้ เนื่องจากแพทย์ทั่วโลกใช้ Radiesse ในการรักษากันมากนานกว่า 20 ปี ทั้งยังมีงานวิจัยรองรับอีกกว่า 250 ฉบับ
• Radiesse วางใจได้เนื่องจาก Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการการันตี ถึง 3 อย. EU US และ TH FDA ทั้งยังได้ อย. ในด้านการฉีดมือโดยเฉพาะอีกด้วย
• Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความชอบและความถูกใจจากผู้ใช้งานจริงถึง 90% จากผลสำรวจหลังการใช้ 1 ปี
RADIESSE® กับ Sculptra ต่างกันอย่างไร?
RADIESSE® สารเติมเต็มที่ใช้สำหรับเสริมความยืดหยุ่นและลดริ้วรอยในผิวหน้า มันประกอบด้วยสารที่เรียกว่า Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารที่ปลอดภัยและได้รับการอนุมัติจาก FDA เพื่อสร้างผลลัพธ์ทันทีและกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาวนานประมาณกว่า 2 ปี
Sculptra เป็นสารเติมเต็มที่ใช้สาร poly-L-lactic acid (PLLA) เป็นส่วนประกอบหลัก โดย Sculptra ไม่ให้ผลลัพธ์ทันทีเหมือน RADIESSE® แต่มันทำงานโดยกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ผลลัพธ์ของ Sculptra จะเห็นได้ช้ากว่าแต่มีความทนทานและยืดหยุ่นมากยาวนานมากถึง 2 ปี
เรามาดูความแตกต่างระหว่าง RADIESSE® และ Sculptra ในตารางเปรียบเทียบด้านล่างเพื่อให้คุณเข้าใจโดยง่าย
Radiesse ทำแล้วดีกับผิวอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลบริเวณที่ควรทำการรักษาด้วย RADIESSE®
• Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ริ้วรอยตื้นๆ บริเวณ ใบหน้า
• Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาความเหี่ยวย่นบริเวณ หลังมือ
• Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาในการปรับรูปหน้าให้ดูยกกระชับมากขึ้น
• Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาเรื่องความเหี่ยวย่นบริเวณ คอ เนินอกสำหรับผู้หญิง
• Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหารอยแผลเป็น ร่อง หรือหลุม ที่เกิดจากปัญหาผิว เช่นสิว
• Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาร่องแก้มลึก หรือลดร่องน้ำหมาก
• Radiesse เหมาะแก่การแก้ปัญหาริ้วรอย ที่อยู่เหนือบริเวณเหนือริมฝีปากบน
Radiesse ทำแล้วดีกับผิวอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการดูแลตัวเองก่อนทำ RADIESSE®
• ก่อนทำ Radiesse ควรงดการรับประทานยาที่ก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด จำพวกยากลุ่ม NSAIDs หรือแอสไพริน หรืออาหารเสริมจำพวกกิงโกะ
• ก่อนทำ Radiesse ควรแจ้งประวัติให้แพทย์ทราบโดยละเอียดว่ามีอาการแพ้อะไรหรือไม่
• ก่อนทำ Radiesse ควรงดสคลับผิว หรือใช้ยารวมทั้งครีมผลัดเซลล์ผิว เพื่อป้องกันการเกิดการอักเสบ หลังจากทำก่อนทำ Radiesse
Radiesse ทำแล้วดีกับผิวอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลการดูแลตัวเองหลังทำการฉีด RADIESSE®
• หลังทำการฉีด Radiesse ควรลดกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังหรือต้องออกแรงมากๆ
• หลังทำการฉีด Radiesse ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดหรือการโดนความร้อนเป็นเวลาประมาณ 24 ชั่วโมงหลังการรักษา
• หลังทำการฉีด Radiesse จะมีรอยแดงหรืออาการบวม ไม่ควรออกแรงหรือโดนความร้อนในบริเวณนั้นจนกว่ารอยแดงและอาการบวมดังกล่าวจะหายไป
RADIESSE® คงผลลัพธ์อยู่ใต้ผิวได้นานเท่า?
Radiesse สามารถคงผลลัพธ์ใต้ผิวได้นาน 2 ปี หรือนานกว่า ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา และร่างกายของแต่ละบุคคล
RADIESSE® เห็นผลลัพธ์หลังฉีดเมื่อใด?
หลังฉีด Radiesse จะเห็นผลหลังฉีดเรื่องริ้วรอยทันทีหลังทำ เนื่องจากปริมาณ เนื้อของตัวยาที่ทำการฉีดเข้าไป แต่ตัวยาจะค่อยๆ ออกฤทธิ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ใต้ผิวในระยะยาว
Radiesse ทำแล้วดีกับผิวอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล RADIESSE® เหมาะกับใคร
• เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป
• เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าเริ่มสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่น สุขภาพผิวไม่ดี ขาดการบำรุง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สภาพผิวแย่กว่าอายุที่ควรจะเป็น
• เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด
• ผู้ที่มีผิวหนังขาดความชุ่มชื้น หมองคล้ำ
• ผู้ที่มีใบหน้าขาดวอลุ่ม เช่น ใต้ตาโหลลึก ขมับตอบ
• ใครก็ตามที่มีร่องลึกต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก รอยย่นรอบปาก
• ผู้ที่มีผิวขาดวอลุ่ม จากการสูญเสียไขมันและคอลลาเจนตามร่างกาย เช่น หลังมือ และขมับ
ใครบ้างไม่เหมาะกับการฉีด RADIESSE® ?
• Radiesse ไม่เหมาะกับบุคคลที่มีโรคเลือดออกง่าย
• Radiesse ไม่เหมาะกับบุคคลที่แพ้ส่วนประกอบใดๆ ของผลิตภัณฑ์
• Radiesse ไม่เหมาะกับบุคคลที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
• Radiesse ไม่เหมาะกับบุคคลที่มีประวัติการแพ้อย่างรุนแรง
ข้อควรระวังในการใช้ RADIESSE® มีอะไรบ้าง?
• ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณที่ฉีด สิวเป็นหนอง หรือเป็นแผลควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีด Radiesse
• หากต้องการฉีด Radiesse บริเวณริมฝีปากและบริเวณรอบดวงตาควรปรึกษาแพทย์ตามความเหมาะสมและควรใช้บริการแพทย์ที่มีฝีมือในการทำการฉีด
• หากผู้เข้ารับบริการมีความจำเป็นต้องทำ X-rays หรือ CT Scans ควรแจ้งแพทย์ที่ทำการดูแลว่าได้รับการบริการ Radiesse มา
• หากมีประวัติของโรคเริมควรแจ้งแพทย์ผู้เกี่ยวข้องการทำการฉีด Radiesse
• หากผู้เข้ารับบริการกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือดหรือยาจำพวกก่อให้เกิดการแข็งตัวของเลือด อาทิ แอสไพริน วาร์ฟาริน อาจทำให้เกิดอาการเลือดออก หรือรอยช้ำหลังทำการฉีด Radiesse ได้ควรรับแจ้งแพทย์ให้ทราบ
• หากมีประวัติเกิดแผลคีลอยด์ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเช่นกัน
ผลข้างเคียงหลังทำการฉีด RADIESSE®
• หลังทำการฉีด Radiesse อาจจะมีรอยแดงหรือรอยเขียวช้ำเกิดขึ้นได้ชั่วคราวซึ่งอาการเหล่านี้สามารถหายได้เอง
• หลังทำการฉีด Radiesse อาจจะมีอาการคันบริเวณที่ฉีดได้ โดยอาการคันดังกล่าวสามารถหายได้เอง
• หลังทำการฉีด Radiesse อาจจะมีอาการปวดบริเวณรอยเข็ม ห้ามไปจับ ไปถู หรือไปเกาเนื่องจากรูเข็มยังปิดไม่สนิทอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ
• อาการดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นอาการคัน เจ็บ ปวด หรือรอยแดง สามารถหายได้เองใน 1-2 วันหากเป็นนานกว่านั้นควรปรึกษาคลินิกที่ให้การบริการ
• หลังทำการฉีด Radiesse อาจมีการเปลี่ยนสีเช่นผิวซีดลงในบริเวณที่ทำการรักษาหากเกิดกรณีนี้ให้ปรึกษาแพทย์ในทันที
Radiesse ทำแล้วดีกับผิวอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลผลลัพธ์หลังฉีด RADIESSE®
ภาพก่อน - หลังทำ Radiesse ทำแล้วดีกับผิวอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลภาพก่อน - หลังทำ Radiesse ทำแล้วดีกับผิวอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพก่อน - หลังทำ Radiesse ทำแล้วดีกับผิวอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลภาพก่อน - หลังทำ Radiesse ทำแล้วดีกับผิวอย่างไร
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล