Apex Pro

บทความเกี่ยวกับ : Biostimulator

apex โปรโมชั่นพิเศษ
Apex โปรโมชั่น 2
Apex โปรโมชั่น 1
ฟิลเลอร์ใต้ตา
Radiesse
Profhilo 25000

Biostimulator คืออะไร ทำไมถึงช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึง ดูเด็กลงได้
ไขความลับ Biostimulator คืออะไร ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้จริงไหม
สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณให้คงความอ่อนเยาว์ การมองหาวิธีการที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ตามธรรมชาติของผิวถือเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ เพราะคอลลาเจนคือโครงสร้างหลักที่มอบความยืดหยุ่นและความเรียบเนียนให้กับผิว สารกลุ่มหนึ่งที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการฟื้นฟูผิวในวงการแพทย์ความงาม คือ Biostimulator สารกระตุ้นทางชีวภาพนี้มีความแตกต่างจากการเติมเต็มทั่วไป โดยมุ่งเน้นไปที่การเริ่มต้นกระบวนการฟื้นฟูผิวจากภายใน บทความนี้จะพาทุกท่านไปไขความลับ และทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า Biostimulator คืออะไร มีกลไกการทำงานอย่างไร และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างแท้จริงหรือไม่ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

Biostimulator คืออะไร
Biostimulator (ไบโอสติมูเลเตอร์) คือ สารฉีดชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใต้ผิวหนัง ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้กลับมาตึงกระชับ ดูอิ่มฟู และอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ใช่สารเติมเต็มเหมือนโปรแกรมฟิลเลอร์ แต่จะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นเองจากภายใน ด้วยเหตุนี้ผลลัพธ์ของ Biostimulator จึงค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้ค่อนข้างนาน การรักษาด้วย Biostimulator จึงเป็นการลงทุนเพื่อฟื้นฟูโครงสร้างผิวในระยะยาว

Biostimulator มีหลักการทำงานอย่างไรต่อผิว
หลักการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์ของ Biostimulator คือการเข้าไปทำงานกับเซลล์ผิวโดยตรง ไม่ใช่การเติมเต็มเหมือนสารชนิดอื่น โดยเมื่อฉีดโปรแกรม Biostimulator เข้าไป สารจะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ที่ชื่อว่า Fibroblast ให้กลับมาผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่อีกครั้ง ซึ่งกระบวนการฟื้นฟูผิวจะมีขั้นตอนโดยละเอียด ดังนี้

• เมื่อฉีดโปรแกรม Biostimulator เข้าสู่ชั้นผิวหนัง อนุภาคของ Biostimulator จะกระจายตัวไปตามบริเวณที่ต้องการฟื้นฟู เพื่อเป็นโครงสร้างชั่วคราวให้เซลล์ผิวเข้ามายึดเกาะ
• ร่างกายจะค่อย ๆ ตอบสนองต่ออนุภาคของ Biostimulator และกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ที่อยู่โดยรอบให้เริ่มกระบวนการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานของ Biostimulator
• เมื่อคอลลาเจนใหม่ถูกสร้างขึ้นมาจนแข็งแรง โครงสร้างผิวจะหนาแน่นและยกกระชับขึ้น ในขณะที่ตัวยา Biostimulator จะค่อยๆ สลายไปตามธรรมชาติ เหลือไว้เพียงโครงข่ายคอลลาเจนที่แข็งแรงซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ยั่งยืนจาก Biostimulator

Biostimulator
Biostimulator คืออะไร ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้จริงไหม
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Biostimulator ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

สารสำคัญใน Biostimulator มีอะไรบ้าง
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Biostimulator ได้รับความนิยมในการฟื้นฟูโครงสร้างผิว โดยอาศัยหลักการกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติ ซึ่งสารสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นหัวใจหลักของ Biostimulator แต่ละชนิดนั้นมีความแตกต่างกันไป ดังนี้

PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
PLLA เป็นสารสังเคราะห์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และเป็นส่วนประกอบสำคัญใน Biostimulator ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย มีลักษณะเป็นอนุภาคขนาดเล็ก ที่เมื่อฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังจะทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้ผลิตคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของผิว ผลลัพธ์จากการใช้ Biostimulator ชนิดนี้จะค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและอยู่ได้นานถึง 2 ปี จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูโครงสร้างผิวที่หย่อนคล้อยและสูญเสียปริมาตรในระยะยาว นับเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่ได้รับการยอมรับในประสิทธิภาพและการช่วยลดความเสี่ยง

PDLLA (Poly DL-Lactic Acid)
PDLLA คือการพัฒนาต่อยอดจาก PLLA ให้มีโครงสร้างอนุภาคทรงกลม (Spherical shape) ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งช่วยลดโอกาสการเกิดก้อนใต้ผิวและทำให้สารกระจายตัวได้สม่ำเสมอยิ่งขึ้น เมื่อนำมาใช้เป็นส่วนประกอบหลักใน Biostimulator จะให้ผลลัพธ์การกระตุ้นคอลลาเจนที่นุ่มนวลและดูเป็นธรรมชาติ โดยกระบวนการทำงานของ Biostimulator ชนิดนี้จะเน้นการฟื้นฟูคุณภาพผิว เพิ่มความหนาแน่น และคืนความกระชับให้กับผิวที่เริ่มมีสัญญาณแห่งวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของ Biostimulator ที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ละเอียดอ่อน

PDO (Polydioxanone)
PDO เป็นสารที่คุ้นเคยกันดีในรูปแบบของไหมร้อย แต่ปัจจุบันได้ถูกพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบของเหลว เพื่อนำมาใช้เป็นสารออกฤทธิ์ในผลิตภัณฑ์กลุ่ม Biostimulator สำหรับการฉีดฟื้นฟูผิวโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติเด่นในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งช่วยให้ผิวมีความกระชับ เต่งตึง และยังช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้น การทำงานของ Biostimulator ที่มี PDO เป็นส่วนประกอบจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างรวดเร็วกว่าบางชนิด จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในด้านความเฟิร์มกระชับของผิวในเวลาไม่นาน

PCL (Polycaprolactone)
PCL เป็นสารโพลีเมอร์ที่ย่อยสลายได้ มีจุดเด่นคือความสามารถในการกระตุ้นคอลลาเจนได้ยาวนาน มักถูกนำมาใช้ในรูปแบบ Microsphere ที่แขวนลอยอยู่ในเจลตัวพา (Carrier Gel) ซึ่งเจลนี้จะช่วยเติมเต็มปริมาตรได้ทันทีหลังฉีด ก่อนที่ Biostimulator จะเริ่มกระบวนการสร้างคอลลาเจน ทำให้ Biostimulator ชนิดนี้ให้ผลลัพธ์แบบ 2 ต่อ คือการเติมเต็มและกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ PCL สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ต่อเนื่องยาวนานกว่า 2 ปี ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึกและเพิ่มวอลลุ่มให้ใบหน้าอย่างยั่งยืน

CaHA (Calcium Hydroxylapatite)
CaHA เป็นสารประกอบแคลเซียมที่พบได้ในกระดูกและฟันของมนุษย์ จึงมีความเข้ากันได้กับร่างกายสูง ในวงการความงาม CaHA ถูกใช้เป็นส่วนประกอบหลักของ Biostimulator ที่เน้นการฟื้นฟูโครงสร้างผิว โดยอนุภาค Microsphere ของ CaHA จะทำหน้าที่เป็นโครงร่าง (Scaffold) ให้เซลล์ Fibroblast เข้ามายึดเกาะ และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นมาใหม่รอบๆ โครงร่างนั้น ทำให้ Biostimulator ที่ใช้สารนี้สามารถช่วยยกกระชับและปรับกรอบหน้าให้คมชัดขึ้นได้ดี จัดเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนที่มีประสิทธิภาพในการเสริมความแข็งแรงให้แก่ชั้นผิว

กลไกการกระตุ้นคอลลาเจนของ Biostimulator
Biostimulator ทำงานโดยอาศัยหลักการทางชีวภาพในการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ กลไกการออกฤทธิ์ที่แตกต่างจากสารเติมเต็มทั่วไป ทำให้ Biostimulator สามารถกระตุ้นให้เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ได้เองอย่างมีประสิทธิภาพ กลไกสำคัญในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของสารเหล่านี้ ได้แก่ ดังนี้

การกระตุ้นโดยตรงต่อเซลล์ Fibroblast
สารสำคัญใน Biostimulator เช่น PLLA, CaHA, หรือ PCL เมื่อถูกฉีดเข้าไปในชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) จะไม่เพียงแต่เติมเต็มช่องว่างเท่านั้น แต่จะทำหน้าที่ส่งสัญญาณกระตุ้นโดยตรงไปยัง Fibroblast ซึ่งเป็นเซลล์หลักในการผลิตคอลลาเจน อิลาสติน และกรดไฮยาลูโรนิก การกระตุ้นนี้เป็นการปลุกให้เซลล์กลับมาทำงานอย่างมีพลังอีกครั้ง ทำให้เกิดการสร้าง Biostimulator ในการสังเคราะห์โปรตีนโครงสร้างเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้โครงสร้างผิวกลับมาแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น

การสร้าง Scaffold ชั่วคราว
อนุภาคของสาร Biostimulator บางชนิด เช่น CaHA หรือ PDO จะเข้าไปทำหน้าที่เป็นโครงร่าง หรือ Scaffold ชั่วคราวใต้ผิวหนัง โครงร่างนี้จะช่วยพยุงเนื้อเยื่อและเป็นพื้นที่ให้เซลล์ Fibroblast เข้ามาเกาะและเจริญเติบโต หลังจากนั้นร่างกายจะตอบสนองต่อโครงสร้างนี้ด้วยการสร้าง คอลลาเจน ใหม่ขึ้นมาพันรอบ ๆ อนุภาคเหล่านั้น และเมื่อเวลาผ่านไปอนุภาคของ Biostimulator จะค่อย ๆ สลายตัวไปตามธรรมชาติ แต่จะทิ้งไว้ซึ่งโครงสร้างคอลลาเจนใหม่ที่แข็งแรงไว้แทนที่

การอักเสบในระดับต่ำที่ควบคุมได้
Biostimulator เข้าสู่ผิวหนังเป็นกลไกที่สร้างการอักเสบ (Inflammation) ในระดับต่ำและสามารถควบคุมได้ การอักเสบเล็กน้อยนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาบาดแผลตามธรรมชาติ ซึ่งจะนำไปสู่การหลั่งสารสื่อประสาทและปัจจัยการเจริญเติบโต (Growth Factors) Biostimulator เหล่านี้จะส่งสัญญาณให้ร่างกายส่งเซลล์ภูมิคุ้มกันและ Fibroblast เข้ามายังบริเวณที่ได้รับการรักษา เพื่อเริ่มกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟู การตอบสนองนี้คือกลไกหลักที่ขับเคลื่อนการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินจำนวนมาก

การสลายตัวอย่างช้า ๆ และการกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง
คุณสมบัติเด่นของ Biostimulator คือการเป็นวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ (Biodegradable) โดยเฉพาะ PLLA และ PCL ที่มีอัตราการสลายตัวที่ช้ามาก การสลายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปนี้จะปล่อยสารกระตุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน การมีอยู่ของอนุภาค Biostimulator ในผิวเป็นระยะเวลาหลายเดือนจะช่วยรักษาสัญญาณการกระตุ้นให้คงอยู่ ทำให้ Fibroblast สามารถผลิตคอลลาเจนใหม่ได้อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ส่งผลให้เกิดการฟื้นฟูผิวที่ได้ผลลัพธ์ยาวนานกว่าสารเติมเต็มทั่วไป

Biostimulator ต่างจากโปรแกรมฟิลเลอร์และโบท็อกซ์อย่างไร
แม้ว่า Biostimulator จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มหัตถการเพื่อความงามเช่นเดียวกับฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ แต่หลักการทำงานและเป้าหมายนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพื่อให้เข้าใจความพิเศษของ Biostimulator มากขึ้น สามารถสรุปความแตกต่างในแต่ละด้านได้ ดังนี้

Biostimulator
• กลไกการทำงาน การทำงานของ Biostimulator คือการส่งสัญญาณกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ใต้ผิวหนังโดยตรง ทำให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่เอง ซึ่งเป็นกลไกที่แตกต่างจากการเติมเต็มหรือการคลายกล้ามเนื้ออย่างสิ้นเชิง โดย Biostimulator จะเป็นตัวเริ่มต้นกระบวนการฟื้นฟูโครงสร้างผิว
• จุดประสงค์หลัก เป้าหมายหลักของ Biostimulator คือการฟื้นฟูคุณภาพผิวในระยะยาว เพื่อให้ผิวมีความแน่นกระชับ แข็งแรง และดูอ่อนเยาว์จากโครงสร้างภายใน ไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะจุด การใช้ Biostimulator จึงเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพผิวอย่างแท้จริง
• ผลลัพธ์ ผลลัพธ์จาก Biostimulator จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ผิวดูดีขึ้นโดยไม่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน ซึ่งเป็นผลจากคอลลาเจนที่ร่างกายสร้างเอง แตกต่างจากหัตถการอื่นที่เห็นผลแทบจะทันที การใช้ Biostimulator ให้ผลลัพธ์ที่ดูนุ่มนวลและยั่งยืน
• ระยะเวลาคงผล ผลลัพธ์ของ Biostimulator คงอยู่ได้ยาวนานโดยเฉลี่ย 1-2 ปี หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของสารที่ใช้ เพราะเป็นการสร้างคอลลาเจนใหม่ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของผิวเราเอง นี่คือข้อได้เปรียบที่สำคัญของ Biostimulator
• สิ่งที่เติมเข้าผิว Biostimulator ใช้สารสังเคราะห์ที่เข้ากันได้กับร่างกายและย่อยสลายได้ เช่น PLLA CaHA และ PCL ซึ่งสารเหล่านี้จะทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นแล้วสลายไปเองตามธรรมชาติ เหลือไว้เพียงโครงสร้างผิวใหม่ที่ Biostimulator ได้สร้างขึ้น

โปรแกรมฟิลเลอร์ ( ฉีดฟิลเลอร์ คืออะไร ก่อนฉีดครั้งแรกควรเตรียมตัวอย่างไร มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง )
• กลไกการทำงาน เป็นการเติมสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (HA) เข้าไปในชั้นผิวเพื่อทดแทนปริมาตรที่ขาดหายไปทันที ซึ่งเป็นกลไกที่ต่างจาก Biostimulator อย่างชัดเจน เพราะไม่ได้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแบบที่ Biostimulator ทำ
• จุดประสงค์หลัก เพื่อการเติมเต็มร่องลึก ปรับใบหน้า หรือเพิ่มปริมาตรเฉพาะจุดให้เห็นผลลัพธ์แทบจะทันที ต่างจากเป้าหมายของ Biostimulator ที่เน้นการฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ซึ่งต้องใช้เวลามากกว่าในการสร้างผลลัพธ์
• ผลลัพธ์ เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนหลังทำ ใบหน้าดูอิ่มฟูขึ้นหรือร่องลึกตื้นขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นผลจากตัวสาร ไม่ใช่ผลจากการสร้างคอลลาเจนแบบ Biostimulator ดังนั้นผลลัพธ์จึงไม่เหมือนกับการทำงานของ Biostimulator
• ระยะเวลาคงผล โดยเฉลี่ย 6-18 เดือน แล้วสารจะค่อยๆ สลายไปตามธรรมชาติ ซึ่งสั้นกว่าระยะเวลาของ Biostimulator อย่างมาก เพราะไม่ได้สร้างโครงสร้างผิวใหม่ที่ระยะยาวเหมือนที่ Biostimulator ทำ
• สิ่งที่เติมเข้าผิว ส่วนใหญ่คือสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารอุ้มน้ำ ไม่ใช่สารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแบบ Biostimulator โดยตัวสารจะทำหน้าที่แทนที่วอลลุ่ม ไม่เหมือนอนุภาคของ Biostimulator

โปรแกรมโบท็อกซ์ ( โปรแกรมฉีดโบท็อกซ์ คืออะไร ราคาเท่าไหร่ ฉีดบริเวณตรงไหนได้บ้าง )
• กลไกการทำงาน ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดคลายตัวชั่วคราว ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นคอลลาเจนแบบ Biostimulator เลย กลไกของ Biostimulator จึงมีความซับซ้อนกว่า
• จุดประสงค์หลัก เพื่อลดเลือนริ้วรอยจากการแสดงอารมณ์ เช่น รอยตีนกา รอยย่นที่หน้าผาก ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่กล้ามเนื้อ ไม่ใช่การแก้ปัญหาโครงสร้างผิวหย่อนคล้อยแบบ Biostimulator ซึ่งเป็นคนละเป้าหมายกับ Biostimulator โดยสิ้นเชิง
• ผลลัพธ์ ริ้วรอยจากการขยับจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดภายใน 1-2 สัปดาห์ ผิวจะดูเรียบตึงขึ้นในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ต่างจากการฟื้นฟูผิวให้แน่นขึ้นของ Biostimulator ผลลัพธ์ของ Biostimulator จะดูเป็นธรรมชาติกว่า
• ระยะเวลาคงผล ผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 4-6 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นที่สุดเมื่อเทียบกับโปรแกรมฟิลเลอร์และโดยเฉพาะ Biostimulator เพราะไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผิวระยะยาวเหมือนที่ Biostimulator ทำ
• สิ่งที่เติมเข้าผิว คือสารโบทูลินัม ท็อกซิน (Botulinum Toxin) ซึ่งเป็นโปรตีนที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ไม่ใช่สารกระตุ้นคอลลาเจนแบบเดียวกับ Biostimulator และทำงานคนละส่วนกับ Biostimulator โดยสิ้นเชิง

ปัญหาผิวแบบไหนที่ควรเลือกใช้ Biostimulator
เมื่อทราบถึงกลไกการทำงานอันเป็นเอกลักษณ์ของ Biostimulator แล้ว คำถามถัดมาคือผิวแบบไหนถึงจะได้รับประโยชน์จากการรักษาด้วยวิธีนี้ การเลือกใช้หัตถการให้ตรงกับปัญหาผิวจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและยั่งยืน โดยปัญหาผิวที่ควรพิจารณาใช้ Biostimulator ได้แก่

• ผิวหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เฟิร์ม ขาดความยืดหยุ่น โดยเฉพาะบริเวณแก้มและกรอบหน้า การใช้ Biostimulator จะช่วยเข้าไปสร้างโครงข่ายคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ผิวที่เคยหย่อนคล้อยกลับมาแน่นกระชับและดูยกขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
• ใบหน้าตอบ ขมับยุบ เมื่อใบหน้าสูญเสียไขมันจากวัยที่เพิ่มขึ้น การเลือกใช้ Biostimulator ถือเป็นทางออกที่ดี เพราะจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนขึ้นมาเติมเต็มอย่างนุ่มนวล ทำให้ใบหน้าดูอิ่มฟูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ดูแข็งเหมือนการเติมสารสังเคราะห์
• คุณภาพผิวโดยรวมไม่ดี มีริ้วรอยเล็ก ๆ ในกรณีที่ผิวดูไม่สดใส ขาดความเปล่งปลั่ง และมีริ้วรอยตื้น ๆ ทั่วใบหน้า การใช้ Biostimulator จะช่วยฟื้นฟูคุณภาพผิวให้กลับมาแข็งแรง หนาแน่น และเรียบเนียนขึ้นได้จากภายใน ทำให้ผิวดูสุขภาพดีและแลดูอ่อนเยาว์ลง
• กรอบหน้าไม่คมชัด ปัญหาแนวกรามหรือกรอบหน้าที่เริ่มไม่คมชัดเป็นอีกหนึ่งสัญญาณของวัย ซึ่ง Biostimulator สามารถช่วยได้โดยการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่เพื่อพยุงผิวบริเวณกรอบหน้า ทำให้ใบหน้ากลับมามีมิติและดูได้รูปมากยิ่งขึ้น
• ริ้วรอยร่องลึกที่เห็นได้ชัด สำหรับริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากการยุบตัวของโครงสร้างผิว เช่น ร่องแก้ม การใช้ Biostimulator จะเข้าไปเสริมความหนาแน่นของชั้นผิวจากด้านล่าง ซึ่งช่วยให้ร่องลึกดูตื้นขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและยั่งยืนกว่าการเติมเต็มเพียงอย่างเดียว
• ผิวที่มีปัญหาหลุมสิวตื้น ๆ Biostimulator บางชนิดถูกนำมาใช้เพื่อปรับปรุงผิวที่มีรอยหลุมสิวตื้น ๆ หรือผิวที่ไม่เรียบเนียน โดยสารกระตุ้นจะช่วยสร้างคอลลาเจนมาเติมเต็มและซ่อมแซมโครงสร้างผิว ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Biostimulator
Biostimulator คืออะไร ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้จริงไหม
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Biostimulator ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

รู้จัก Biostimulator ตัวท็อปในท้องตลาด
ผลิตภัณฑ์ Biostimulator มีหลากหลายแบรนด์ในท้องตลาด ซึ่งแต่ละตัวก็มีจุดเด่น สารสำคัญ และคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจเลือกใช้ให้เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล สามารถทำความรู้จักกับตัวท็อปของ Biostimulator ดังนี้

Biostimulator
(รีวิว) Biostimulator คืออะไร ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้จริงไหม
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Biostimulator ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

โปรแกรม Sculptra ( โปรแกรม Sculptra คืออะไร ข้อดีข้อเสีย กระตุ้นคอลลาเจนผิวได้อย่างไร )
โปรแกรม Sculptra เป็นหนึ่งใน Biostimulator ตัวแรก ๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยมีสารสำคัญคือ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I ได้อย่างมีประสิทธิภาพและค่อนข้างยาวนาน สารตัวนี้จะทำงานโดยการเข้าไปกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้ผลิตคอลลาเจนใหม่ในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง จุดเด่นของ Biostimulator คือการฟื้นฟูวอลลุ่มที่สูญเสียไปทั่วใบหน้า และปรับปรุงคุณภาพผิวให้แน่นกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและคงทน ผลลัพธ์มักจะอยู่ได้ประมาณ 2 ปีหรือมากกว่าหลังการรักษาครบตามแผน

Biostimulator
(รีวิว) Biostimulator คืออะไร ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้จริงไหม
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Biostimulator ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

โปรแกรม Radiesse ( Radiesse คืออะไร สร้างคอลลาเจนต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปอย่างไร ดีไหม )
โปรแกรม Radiesse มีสารออกฤทธิ์หลักคือ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ที่มีลักษณะเป็นไมโครสเฟียร์ขนาดเล็ก สารตัวนี้ให้ผลลัพธ์แบบ Dual-Action คือให้วอลลุ่มผิวที่ดูแน่นกระชับได้ทันทีหลังฉีด และตามมาด้วยกลไกหลักของ Biostimulator คือการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่รอบ ๆ อนุภาค CaHA อย่างต่อเนื่อง โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มวอลลุ่มเฉพาะจุดและยกกระชับโครงหน้าพร้อม ๆ กับการฟื้นฟูคุณภาพผิวไปพร้อมกัน Biostimulator ชนิดนี้ให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างยาวนานและมีงานวิจัยรองรับถึงการลดความเสี่ยงและประสิทธิภาพ

Biostimulator
(รีวิว) Biostimulator คืออะไร ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้จริงไหม
ผลลัพธ์หลังรับบริการ โปรแกรมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Biostimulator ที่ APEX ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

โปรแกรม HArmonyCa ( ฟิลเลอร์ไฮบริด HArmonyCA คืออะไร ยกกระชับหน้าเด็ก กระตุ้นคอลลาเจนช่วยให้ผิวชุ่มชื่น )
โปรแกรม HArmonyCa เป็นเทคโนโลยี Biostimulator แบบไฮบริดที่รวมเอาคุณสมบัติเด่นของสารสองชนิดไว้ด้วยกัน คือ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งให้ผลในการเติมเต็มและเพิ่มความชุ่มชื้นได้แทบจะทันที และ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ที่ทำหน้าที่เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาว การทำงานร่วมกันของสารทั้งสองนี้ทำให้ HArmonyCa ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วจากการเติมเต็มพร้อมกับการฟื้นฟูผิวอย่างยั่งยืน Biostimulator ชนิดนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ในการยกกระชับและปรับใบหน้าพร้อม ๆ กับการเพิ่มคุณภาพผิวให้ดูดีขึ้นในระยะยาว

โปรแกรม Profhilo ( โปรแกรม Profhilo คืออะไร ฉีดผิวใสหน้าสวยแล้วช่วยอะไร ราคาเท่าไร )
โปรแกรม Profhilo แม้จะเป็น HA (Hyaluronic Acid) แต่ก็ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Biostimulator เนื่องจากมีเทคโนโลยีในการผลิตที่ช่วยให้ HA สามารถแพร่กระจายตัวในผิวได้ดีและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะคอลลาเจน Type III และ Type IV สารตัวนี้จะเน้นการฟื้นฟูผิวให้กลับมามีความแน่น (Skin Firmness) ความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นในบริเวณที่กว้าง Biostimulator นี้เหมาะสำหรับผู้ที่เน้นการปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวม เพื่อผิวที่ดูฉ่ำวาว อิ่มน้ำ และแน่นกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เน้นการเพิ่มวอลลุ่มเฉพาะจุด

โปรแกรม Juvelook ( โปรแกรม Juvelook คืออะไร แตกต่างกับฉีดฟิลเลอร์ฉีดหน้าใสอื่นอย่างไร )
โปรแกรม Juvelook เป็น Biostimulator ที่มีส่วนผสมของ PDLLA (Poly DL-Lactic Acid) และ Non-Crosslinked Hyaluronic Acid (HA) จุดเด่นคืออนุภาคของ PDLLA ที่มีขนาดเล็กและมีความสามารถในการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างสม่ำเสมอพร้อมกับการให้ความชุ่มชื้นจาก HA โปรแกรมนี้มักถูกใช้เพื่อแก้ไขปัญหาผิวที่ไม่ต้องการวอลลุ่มมากนัก เช่น การลดเลือนริ้วรอยตื้นๆ การปรับปรุงรอยหลุมสิว หรือการกระชับรูขุมขน Biostimulator ชนิดนี้ให้ผลลัพธ์ที่เน้นงานผิวละเอียด (Skin Texture) และความกระจ่างใสจากการฟื้นฟูโครงสร้างคอลลาเจนของผิวโดยตรง

Biostimulator เหมาะกับใครบ้าง
ด้วยคุณสมบัติที่เน้นการกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้ Biostimulator เป็นหัตถการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่มองหาผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยั่งยืน สามารถสรุปกลุ่มคนที่เหมาะกับการรักษานี้ได้ ดังนี้

• Biostimulator เหมาะกับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป กลุ่มคนที่เริ่มสังเกตเห็นความหย่อนคล้อยของผิว การเลือกใช้ Biostimulator จะช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กลับมาแน่นกระชับได้จากภายใน
• Biostimulator เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ หากคุณต้องการให้ใบหน้าดูดีขึ้นอย่างนุ่มนวล ไม่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน Biostimulator คือคำตอบที่เหมาะสม
• Biostimulator เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับปรุงคุณภาพผิว หากต้องการให้ผิวโดยรวมดูแน่นฟู เรียบเนียน และสุขภาพดีขึ้น Biostimulator จะช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้นจากโครงสร้าง
• Biostimulator เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าตอบหรือขมับยุบ การใช้ Biostimulator จะช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาเติมเต็มบริเวณที่สูญเสียปริมาตรไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ
• Biostimulator เหมาะกับผู้ที่ผิวไม่เรียบเนียน มีรูขุมขนกว้างหรือหลุมสิว การที่ Biostimulator ไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังชั้นแท้ จะช่วยซ่อมแซมและปรับปรุงโครงสร้างของผิว ทำให้รูขุมขนดูเล็กลง
• Biostimulator เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวบริเวณอื่นนอกเหนือจากใบหน้า Biostimulator สามารถใช้ฟื้นฟูผิวในบริเวณที่มักแสดงอายุได้ชัดเจน เช่น ลำคอ มือ หรือบริเวณเนินอก ที่ผิวเริ่มบางและมีริ้วรอย

Biostimulator ไม่เหมาะกับใครบ้าง
แม้ว่า Biostimulator จะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการฟื้นฟูผิว แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการและไม่เหมาะกับการใช้รักษาในทุกกรณี การทำความเข้าใจกลุ่มที่ไม่ควรใช้ Biostimulator จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงและเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ ได้แก่

• Biostimulator ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการอักเสบหรือติดเชื้อบริเวณผิวหนัง การฉีดโปรแกรม Biostimulator ในบริเวณที่มีการติดเชื้อ อาจทำให้อาการอักเสบรุนแรงและลุกลามมากยิ่งขึ้นได้ ควรรักษาให้หายดีก่อน
• Biostimulator ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติแพ้บางส่วนประกอบ ผู้ที่มีอาการแพ้รุนแรงต่อสารออกฤทธิ์หลัก เช่น PLLA CaHA หรือส่วนประกอบอื่น ๆ ในผลิตภัณฑ์ Biostimulator ควรหลีกเลี่ยงการรักษา
• Biostimulator ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลการวิจัที่เพียงพอเกี่ยวกับการลดความเสี่ยงของ Biostimulator ต่อทารกในครรภ์หรือผ่านทางน้ำนมมารดา
• Biostimulator ไม่เหมาะกับผู้ที่มีประวัติเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง เพราะการกระตุ้นผิวของ Biostimulator อาจไปกระตุ้นให้อาการของโรคกำเริบ หรือเกิดการตอบสนองของร่างกายที่ผิดปกติได้
• Biostimulator ไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์แบบเร่งด่วน เนื่องจากการทำงานของ Biostimulator ต้องใช้เวลาให้ร่างกายค่อย ๆ สร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่

หลังฉีดโปรแกรม Biostimulator ต้องดูแลผิวอย่างไร
เพื่อให้การกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Biostimulator เป็นไปอย่างน่าพึงพอใจ และลดความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง ผู้รับการรักษาควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผิวสามารถฟื้นตัวและสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ดี โดยการดูแลผิวหลังฉีดโปรแกรม Biostimulator ดังนี้

• หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนสูงใน 48 ชั่วโมงแรก ควรงดเว้นกิจกรรมที่ทำให้ผิวสัมผัสกับความร้อนสูง เช่น การอบซาวน่า การเข้าห้องสตีม การออกกำลังกายหนัก ๆ หรือการอาบน้ำอุ่นจัด เพราะความร้อนอาจส่งผลต่อการอักเสบในชั้นผิวที่ถูกกระตุ้นด้วย Biostimulator
• หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดบริเวณที่ฉีดอย่างรุนแรง ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงการนวดหน้า การทำทรีตเมนต์ หรือการกดทับบริเวณที่ฉีดโปรแกรม Biostimulator เพื่อให้สารคงตัวและไม่เคลื่อนที่จากตำแหน่งที่แพทย์กำหนด เว้นแต่แพทย์จะแนะนำให้มีการนวดเฉพาะผลิตภัณฑ์
• ปกป้องผิวจากแสงแดดเป็นพิเศษ ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดโดยตรงในช่วงแรก เนื่องจากแสง UV เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำลายคอลลาเจนที่กำลังถูกสร้างขึ้นจาก Biostimulator และชะลอกระบวนการฟื้นฟูผิว
• งดการใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมรุนแรงชั่วคราว ควรงดการแต่งหน้าและหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (AHA/BHA) หรือเรตินอล ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพื่อลดการระคายเคืองต่อผิวที่บอบบางจากการฉีด Biostimulator

ระยะเวลาเห็นผลของ Biostimulator
หัตถการที่ทำด้วย Biostimulator เป็นการกระตุ้นกระบวนการของร่างกายในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาเพื่อให้เกิดการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้จึงไม่ปรากฏทันที แต่จะค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นตามช่วงเวลาที่กำหนด โดยระยะเวลาเห็นผลของ Biostimulator ได้แก่ ดังนี้

• ช่วงแรกหลังทำทันที หลังฉีด Biostimulator อาจเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากปริมาตรของน้ำหรือเจลตัวพาที่ผสมกับตัวยา ซึ่งจะค่อย ๆ ยุบตัวลงไปใน 1-3 วัน
• ช่วง 2-4 สัปดาห์แรก ในช่วงนี้ปริมาตรเริ่มต้นจะหายไป และเป็นช่วงที่อนุภาคของ Biostimulator กำลังเริ่มกระบวนการกระตุ้นเซลล์ผิวอย่างช้า ๆ ซึ่งยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
• เริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ 1-3 เดือน ผลลัพธ์ที่แท้จริงจากการทำงานของ Biostimulator จะเริ่มปรากฏให้เห็นในช่วงนี้ โดยจะสังเกตได้ว่าผิวเริ่มแน่นกระชับและดูฟูขึ้
• เห็นผลลัพธ์เต็มที่ 3-6 เดือน โครงสร้างคอลลาเจนใหม่จะถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์ ทำให้ผลลัพธ์จาก Biostimulator ชัดเจนที่สุดในช่วงเวลานี้ ทั้งในด้านการยกกระชับและคุณภาพผิวโดยรวม
• ระยะการคงอยู่ของผลลัพธ์ คอลลาเจนใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นโดย Biostimulator จะค่อย ๆ สลายตัวไปตามอายุขัยของคอลลาเจนตามธรรมชาติ ผลลัพธ์จึงคงอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี หรือบางโปรแกรมอาจยาวนานกว่านั้น

หมายเหตุ ระยะเวลาเห็นผลและระยะเวลาคงอยู่ของผลลัพธ์ อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับชนิดของ Biostimulator ปริมาณที่ใช้ และการตอบสนองของร่างกายแต่ละคน ดังนั้น ผู้รับการรักษาควรปรึกษาและติดตามผลอย่างใกล้ชิดกับแพทย์ผู้ทำหัตถการเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

สรุป Biostimulator ให้ผลลัพธ์อย่างไรบ้าง
Biostimulator คือเทคโนโลยีในวงการความงามที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูผิวอย่างยั่งยืน แทนที่จะเป็นการเติมเต็มปริมาตรผิวจากภายนอก สารกลุ่มนี้จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ Fibroblast ให้สร้างคอลลาเจนและอีลาสตินตามธรรมชาติ โดยมีผลิตภัณฑ์ชั้นนำในท้องตลาดหลากหลายรูปแบบ เช่น Sculptra (สาร PLLA) Radiesse (สาร CaHA) HArmonyCa (HA ผสม CaHA) หรือ Juvelook (PDLLA ผสม HA) ซึ่งแต่ละตัวมีกลไกและระยะเวลาการคงผลที่แตกต่างกัน ส่งผลให้โครงสร้างผิวกลับมาแข็งแรง หนาแน่น ยืดหยุ่น และลดความหย่อนคล้อยได้อย่างเป็นระบบ ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีความดูเป็นธรรมชาติ ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ และค่อนข้างคงอยู่ได้ยาวนานกว่าหัตถการอื่น ๆ ดังนั้น Biostimulator จึงเป็นทางเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนเพื่อสุขภาพผิวที่ดีในระยะยาว

สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Biostimulator หรือสอบถามรายละเอียดหัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ค่ะ

สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับ Biostimulator คืออะไร ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้จริง,Biostimulator หรือสอบถามรายละเอียด โปรโมชั่นพิเศษ หรือ หัตถการอื่น ๆ ของ APEX เพิ่มเติมได้ทุกช่องทางค่ะ

Apex

ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับเฉพาะบุคคล เงื่อนไขตามบริษัทฯ กำหนด
ข้อมูลนี้จัดทำขึ้นเพื่อการโฆษณาสำหรับ Apex Clinic สาขาเพลินจิต

Biostimulator คืออะไร? เจาะลึกสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ฟื้นฟูผิวหย่อนคล้อยให้กลับมาแน่นกระชับ อ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ต่างจากโปรแกรมฟิลเลอร์อย่างไร ที่นี่มีคำตอบ Biostimulator คืออะไร ทำไมถึงช่วยให้ผิวกระชับ เต่งตึง ดูเด็กลงได้

15
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
Apex
รับโปรโมชั่นพิเศษ
รับโปรโมชั่นพิเศษ
ปรึกษาฟรี
ปรึกษาฟรี
โทรสอบถามโปรโมชั่น
โทรสอบถามโปรโมชั่น