5 ทริค ลดริ้วรอย ร่องปาก แก้ปัญหาปากแห้งเหี่ยว ทำหน้าแก่ ทาลิปไม่สวย
ริมฝีปาก เป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญบนใบหน้า ที่สามารถช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับใบหน้าได้มากเลยทีเดียว ดังนั้นเราจึงไม่ควรปล่อยให้ปากแห้งแตก ลอกเป็นขุย แต่ควรบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้น ดูสุขภาพดีอยู่ตลอดเวลา เพราะนอกจากจะช่วยให้ริมฝีปากดูดีขึ้นได้แล้ว ยังทำให้ทาลิปได้ง่ายขึ้น ไม่ตกร่อง
อีกทั้งริมฝีปากที่เรียบเนียน อิ่มฟู มีวอลลุ่ม ไม่แห้งเหี่ยว ยังทำให้ใบหน้าดูสดใส ดูเด็กลงได้อีกด้วย ต่างจากคนที่มีริมฝีปากแห้งแตก มีร่องริ้วรอย ขอบปากบาง ที่ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัยได้ ดังนั้นสำหรับใครที่มีปัญหาปากแห้งเหี่ยว ทำหน้าแก่ ทาลิปไม่สวย วันนี้เรามี 5 ทริค ช่วยลดริ้วรอย ร่องปาก ให้ริมฝีปากกลับมาสวยชุ่มชื้นขึ้นได้แบบง่าย ๆ ดังนี้
1.ดื่มน้ำเยอะ ๆ
ทายได้เลยว่าคนที่มีปัญหาปากแห้งลอก คือคนที่ดื่มน้ำน้อย ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ เพราะน้ำไม่พอไปหล่อเลี้ยงร่างกาย นอกจากจะปากแห้งแล้วยังอาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ อีกด้วย ดังนั้นเพื่อให้ริมฝีปากกลับมาชุ่มชื้น หมดปัญหาปากแห้ง ลอกเป็นขุย เราควรดื่มน้ำให้ครบอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน หรืออาจจะจิบน้ำบ่อย ๆ ตลอดทั้งวันเพื่อให้ริมฝีปากชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา
2.เลี่ยงการเลียริมฝีปาก
หลายคนเมื่อปากแห้งมักจะชอบเลียริมฝีปาก เพราะคิดว่าจะช่วยให้ปากชุ่มชื้น หายแห้งลอกได้ แต่ความจริงแล้วผลที่ได้ตรงกันข้ามเลยค่ะ คนที่ติดการเลียริมฝีปากบ่อย ๆ สามารถทำให้เกิดอาการปากแห้ง จนนำไปสู่สาเหตุของปากดำคล้ำได้อีกด้วย เนื่องจากเอนไซน์ในน้ำลายจะเป็นตัวทำลายและดึงเอาความชุ่มชื้นบนริมฝีปากออกไป ทำให้ปากยิ่งแห้งมากขึ้น
3.สครับริมฝีปาก
การสครับริมฝีปากจะช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไปได้ง่ายมากขึ้น นอกจากนั้นยังเป็นตัวช่วยบำรุงริมฝีปากได้อีกด้วย เพราะหลังจากเราสครับริมฝีปากแล้วจะรู้สึกได้ทันทีเลยว่าปากเนียนนุ่ม และมีความชุ่มชื้นขึ้นทันที แนะนำให้ลองสครับปากสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เมื่อทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ริมฝีปากดูสุขภาพดีมากขึ้น
4. พกลิปบาล์มติดตัวไว้ตลอด
ลิปบาล์มเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถบำรุงริมฝีปาก ให้มีความชุ่มชื้นและเรียบเนียนขึ้นได้ แต่ก่อนที่จะซื้อลิปบาล์มมาใช้สักแท่ง เราควรเลือกดูส่วนประกอบก่อนนะคะ เพราะอาจจะมีสารสังเคราะห์อื่น ๆ ทำให้ปากแห้งไปกว่าเดิมได้ เช่น ลิปบาล์มที่ให้ความเย็นสดชื่น มักจะมีส่วนผสมของเมนทอล ซึ่งจะทำให้ริมฝีปากแห้งไวกว่าปกติ ทางที่ดีควรเลือกลิปบาล์มที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติจะดีที่สุดค่ะ
5. เติมเต็มริมฝีปากด้วย Filler
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้ นอกจากจะช่วยเติมเต็มรูปทรงริมฝีปากให้อวบอิ่ม ดูสวยขึ้นได้แล้ว ยังสามารถช่วยปรับสภาพผิว เติมเต็มร่องริมฝีปากให้มีความเรียบเนียน ลดริ้วรอย อีกทั้งยังให้ความชุ่มชื้น ฉ่ำวาวกับริมฝีปากได้อีกด้วย ได้ทั้งแก้ปัญหาปากแห้งแตก และปรับรูปปากให้สวยได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดเลยทีเดียว
ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นการใช้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) หรือ HA เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายของเราเองอยู่แล้ว ฉีดเพิ่มเข้าไปเพื่อให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น โดย HA จะเข้าไปช่วยกักเก็บน้ำใต้ชั้นผิว และยังช่วยเพิ่มเส้นใยคอลลาเจนได้อีกด้วย จึงส่งผลให้ริมฝีปากมีความอิ่มฟู ดูเรียบเนียนขึ้นได้ทันทีหลังฉีด โดยผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ปากจะสามารถคงอยู่ได้นานถึง 1 ปี ก่อนจะสลายตัวไป ทำให้ไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย ถือเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปากแม้ว่าผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ปากจะอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ทำให้ต้องกลับมาฉีดซ้ำเรื่อย ๆ แต่ถือว่าเป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟู และปรับสภาพริมฝีปากได้ดีมากเลยทีเดียว โดยการฉีดฟิลเลอร์ปาก มีข้อดีดังนี้
- เห็นผลลัพธ์ทันที : เป็นวิธีการแก้ปัญหาริมฝีปากที่รวดเร็วทันใจ แถมไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องผ่าตัด เพียงแค่ฉีดไม่กี่นาทีก็ได้ริมฝีปากสวย สุขภาพดีขึ้นได้แล้ว
- แก้ไขได้ง่าย : สำหรับคนที่อยากปรับรูปทรงริมฝีปาก แต่ได้ผลลัพธ์ที่ยังไม่ตรงใจ สามารถฉีดฟิลเลอร์ปรับแต่งเพิ่มเติม หรือฉีดสลายฟิลเลอร์ออกก็ได้เช่นกัน
- ดูแลไม่ยาก : ไม่ใช่วิธีการผ่าตัด ดังนั้นจึงไม่มีแผลให้ดูแลรักษายาก ซึ่งหลังฉีดอาจจะมีรอยเข็ม หรือในบางเคสมีอาการบวมได้บ้าง แต่จะสามารถหายไปได้เองภายใน 2-3 วัน ไม่เป็นอันตราย เพียงแค่ดูแลตามคำแนะนำของแพทย์
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม หรือเป็นการปรับรูปทรงริมฝีปากเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ปัญหาริมฝีปากอื่น ๆ ได้อีกด้วย เช่น
- แก้ปัญหาปากบาง : ช่วยเติมเต็มให้ริมฝีปากมีความอวบอิ่ม ดูมีวอลลุ่มมากขึ้น
- แก้ปัญหาขอบปากไม่ชัด : ช่วยเติมขอบปากให้มีความคมชัด รูปปากเป็นทรงชัดเจน ดูมีมิติ สวยมากขึ้น
- แก้ปัญหารูปปากไม่เท่ากัน : ช่วยแต่งเติมริมฝีปากให้ได้สัดส่วนมากขึ้น หรือปรับให้รับกับโหงวเฮ้ง
- แก้ปัญหาปากแห้ง : ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวริมฝีปาก ให้มีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ดูสุขภาพดีมากขึ้น
- แก้ปัญหาริ้วรอยริมฝีปาก : ช่วยปรับให้ริมฝีปากมีความเรียบเนียน ร่องริ้วรอยต่าง ๆ ลดเลือนลง
- แก้ปัญหามุมปากตก : ช่วยยกมุมปากขึ้น จากปากคว่ำดูหน้าบึ้งตึง หน้าเศร้าหมอง ก็จะดูสดใสมากขึ้น
เคล็ดลับหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
เคล็ดลับหลังฉีดฟิลเลอร์ปากฟิลเลอร์เป็นสารที่คงอยู่ได้ชั่วคราวเท่านั้น โดยบริเวณริมฝีปากจะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ก่อนที่จะสลายตัวไป แต่สำหรับคนที่ถูกใจในผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ปาก สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เพื่อคงรูปปากให้สวยได้อย่างยาวนาน นอกจากนั้นยังมีเคล็ดลับดูแลริมฝีปากหลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนี้
- หลังฉีดฟิลเลอร์ปากเสร็จแล้ว ครวงดการสัมผัสบริเวณริมฝีปาก ไม่ว่าจะเป็นการกด บีบ ลูบ เพราะจะทำให้ฟิลเลอร์ที่เพิ่งฉีดเข้าไปเสียรูปทรง หรือเคลื่อนตัวได้
- ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไป คือ ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) ที่เป็นสารอุ้มน้ำ มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำใต้ชั้นผิว ดังนั้นเพื่อให้ฟิลเลอร์ทำงานได้ดีขึ้น ผลลัพธ์มีความอิ่มฟูสวย ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ ในช่วง 4-5 วันแรกหลังจากฟิลเลอร์
- แม้ว่าหลังจากฉีดฟิลเลอร์เสร็จควรดื่มน้ำเยอะ ๆ แต่ในช่วง 3 วันแรกควรเลี่ยงการใช้หลอดดูดน้ำ เพราะอาจจะทำให้ปากเสียรูปทรงได้ รวมไปถึงการสูบบุหรี่
- 48 ชั่วโมงหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มร้อน ๆ เนื่องจากจะทำให้เกิดอาการระคายเคือง บวม หรืออักเสบได้ง่าย
ริมฝีปาก เป็นอีกส่วนหนึ่งบนใบหน้าที่ไม่ควรมองข้าม เราควรบำรุงริมฝีปากให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ เพราะการมีปากสวย สุขภาพดี จะช่วยใบหน้าโดยรวมของเราดูโดดเด่น และดูเด็กลงได้อีกด้วย สำหรับใครที่มีปัญหาปากแห้งแตก ลองนำทั้ง 5 ทริคนี้ไปปรับใช้ดูรับรองได้เลยว่าไม่นานริมฝีปากจะดูดีขึ้นได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ช่วยให้เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ในทันที และ อย่าลืมเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ด้วยนะคะ เพื่อความปลอดภัย ผลลัพธ์ที่สวยและดูเป็นธรรมชาติ
