5 ข้อดีของการ ฉีดโบท็อกซ์ ตั้งแต่อายุยังน้อย

อายุยังน้อย ควรฉีดโบท็อกซ์หรือไม่

ปัจจุบันคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก โบท็อกซ์ (Botox) หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน ไทด์ เอ (Botulinum Toxin Type A) ซึ่งคุณสาวๆ หลายคนก็ใช้สารโบทูลินั่มชนิดนี้ฉีดเพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ตามบริเวณหน้าผาก หางตา ร่องแก้มกันอยู่แล้ว ซึ่งริ้วรอยดังกล่าวมักเกิดจากการแสดงอารมณ์ต่างๆ บนใบหน้าสะสมมาเป็นเวลานาน ซึ่งริ้วรอยร่องลึกเหล่านี้จะสังเกตเห็นได้ชัดเจนเมื่อคุณเริ่มมีอายุมากขึ้นตั้งแต่ประมาณ 35 ปีขึ้นไป นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณนึกอยากหาทางแก้ปัญหาริ้วรอยขึ้นมาบ้าง ซึ่งการฉีดโบท็อกซ์น่าจะอยู่ในตัวเลือกหนึ่งของคุณเช่นกัน

หากใครยังไม่เห็นริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า จะอยากฉีดโบท็อกซ์ไหม? หลายคนคงตอบว่า ไม่ ในเมื่อยังไม่เห็นปัญหาอะไรเลยทำไมจะต้องฉีดมันด้วยล่ะ แต่กับคนอีกกลุ่มหนึ่งที่จำนวนไม่น้อยเลยคิดว่าการฉีดโบท็อกซ์ตั้งแต่อายุยังน้อย หรือตอนยังไม่เกิดริ้วรอยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร คิดว่าเป็นการป้องกันริ้วรอยเสียด้วยซ้ำ จากผลการสำรวจล่าสุดพบว่า คุณสาวๆ เริ่มหันมาสนใจการฉีดโบท็อกซ์ตั้งแต่อายุยังน้อยเพิ่มมากขึ้น อายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 18-30 ปี นั่นแสดงให้เห็นว่าคนที่อายุน้อยกว่า 20 ปี ก็เริ่มคิดเรื่องการฉีดโบท็อกซ์กันแล้ว ทั้งที่เป็นวัยที่ผิวพรรณยังเรียบเนียน เต่งตึง เรียกว่าแทบจะไร้ริ้วรอยแห่งวัยเลยด้วยซ้ำ

อะไรเป็นเหตุผลให้คุณสาวๆ หันมาสนใจ การฉีดโบท็อกซ์ ตั้งแต่อายุยังน้อย? งั้นเราลองมาอ่าน 5 ข้อดีของการฉีดโบท็อกซ์ตั้งแต่อายุยังน้อยกันดีกว่า

1.การฉีดโบท็อกซ์ คือการดูแลตัวเองรูปแบบหนึ่ง

ปัจจุบันใครหลายคนที่อายุยังน้อย มองว่าการทำหัตถการเพื่อความสวยความงามอย่างฉีดโบท็อกซ์เป็นหนึ่งในวิธีการดูแลตัวเอง ด้วย Lifestyle ของคนยุคใหม่ที่ชอบเรื่องการถ่ายรูปลง Social ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok การฉีดโบท็อกซ์เป็นการดูแลตัวเองให้เป๊ะปังอยู่เสมอ การฉีดโบท็อกซ์ไม่ได้จำกัดแค่ผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึกเท่านั้น แต่ยังสามารถฉีดปรับให้หน้าเรียวยกกระชับและปรับรูปหน้าได้อีกด้วย 

แม้ในสมัยก่อนการฉีดโบท็อกซ์หรือทำหัตถการใดใดที่เกี่ยวกับการปรับปรุง เสริมแต่งรูปร่าง หน้าตา มักถูกมองจำกัดอยู่ในวงแคบว่าเป็นแค่การเสริมความงามเพียงเท่านั้น แต่สำหรับปัจจุบันการเสริมความงามถูกมองมุมกว้างขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าถูกยอมรับกันอย่างแพร่หลาย จะเดินเข้าคลินิคเสริมความงามก็ไม่ต้องหลบหลีกสายตาแปลกๆ และไม่ใช่แค่เรื่องของคนที่ไม่สวยแล้วไปเสริมให้ตัวเองสวยขึ้น แต่มันคือการดูแลตัวเองรูปแบบหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเราได้อีกทางหนึ่งนั่นเอง

2.การฉีดโบท็อกซ์ ช่วยขจัดความเศร้า ไม่สบายใจ คลายเครียด

สมัยก่อนวิธีที่ใครหลายคนใช้เพื่อผ่อนคลายความเครียด ในรูปแบบที่เรียกว่า ‘ความงามบำบัด’ คงเป็นพวกการทำผม ทำเล็บ นวดหน้า นวดตัว เป็นต้น แต่สำหรับคนยุคใหม่มองว่าการฉีดโบท็อกซ์ถือเป็นหนึ่งในวิธีการใช้ความงามบำบัดด้วยเช่นกัน ความเศร้าโศกเสียใจ ไม่สบายใจและความเครียด เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่บ่อนทำลายผิวพรรณของคุณได้ จากผลสำรวจของผู้หญิงในช่วงอายุ 18-30 ปี ที่สนใจเรื่องการฉีดโบท็อกซ์มองว่า หลังการฉีดโบท็อกซ์เสร็จแล้วจะช่วยให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นมาได้ เพราะการที่เราได้ดูแลตัวเองและเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น จะช่วยทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองอย่างน้อยๆ ก็เป็นกำลังใจในการดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นได้

ยกตัวอย่าง 1 เคส เพื่อการเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น เป็นเคสของหญิงชาวต่างชาติ เธอชื่อว่า Ashleigh อายุ 31 ปี ซึ่งก่อนหน้านั้นประมาณ 2-3 ปี เธอได้เผชิญหน้ากับ 2 เรื่องทุกข์ใจ ทั้งการสูญเสียแม่และเลิกรากับสามี จนเริ่มรู้สึกว่าตนเองดูแย่ ดูโทรม เพราะละเลยจากการดูแลตัวเอง และยิ่งไปกว่านั้นเธอยังพบอีกว่าตัวเองตกอยู่ในภาวะ PTSD (ผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด) จากที่ย่ำแย่อยู่แล้วเลยยิ่งแย่ลงไปใหญ่

จนถึงวันหนึ่ง Ashleigh ก็ตัดสินใจได้ว่า ชีวิตเธอควรจะเดินหน้าต่อไปและเริ่มดูแลตัวเองได้แล้ว เลยเลือกไปฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งศัลยแพทย์ด้านความงามที่รักษาให้กับเธอก็เห็นด้วยที่เธอเลือกทำแบบนี้ ‘การทำทรีตเมนท์อย่างฉีดโบท็อกซ์ก็ถือเป็นการดูแลตัวที่ดีวิธีหนึ่ง’

Ashleigh บอกว่าที่เธอฉีดโบท็อกซ์นั้น ไม่ได้หวังว่ามันจะทำให้ความเศร้าของตนหายไป เพียงแต่อยากให้เวลาเห็นตัวเองในกระจกแล้วทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างก็เท่านั้น เรื่องของ ‘Botox ช่วยลดความรู้สึกแย่ๆ ได้’ เรื่องนี้มีการศึกษาวิจัยกันอย่างจริงจังในวิทยาลัย Barnard มาแล้ว เป็นการศึกษาเกี่ยวกับผลข้างเคียงอย่างหนึ่งของการฉีดโบท็อกซ์ พบว่าหลังการฉีดโบท็อกซ์ คนที่ได้รับการฉีดไปนั้น จะไม่สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ ถ้าเราไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อเพื่อแสดงออกทางสีหน้าได้

งานวิจัยชิ้นนี้ระบุถึงการทดลองว่า พวกเขาได้แบ่งผู้เข้าร่วมทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ได้รับการรักษาด้วยการ ฉีดโบท็อกซ์ ส่วนกลุ่มที่ 2 ได้รับการรักษาด้วยการฉีดฟิลเลอร์ จากนั้นให้ผู้เข้าร่วมทดลองทั้ง 2 กลุ่ม ดูคลิปวิดีโอที่ทำให้เกิดความรู้สึกต่างๆ ทั้งก่อน-หลังฉีด ปรากฏว่าหลังจากฉีดสารทั้งสองตัวเข้าไปแล้ว ในผู้เข้าร่วมทดลองกลุ่มที่ 2 ที่ฉีดฟิลเลอร์มีการตอบสนองต่อความรู้สึกต่างๆ ได้ดีมากกว่ากลุ่มที่ 1 ที่ฉีดโบท็อกซ์ ดังนั่นจึงถือว่าการทดลองนี้ สามารถตอบสมมติฐานเรื่องกล้ามเนื้อกับความรู้สึกมีความเกี่ยวเนื่องกันได้นั่นเอง

3.การฉีดโบท็อกซ์ ช่วยป้องกันริ้วรอยที่จะเกิดได้ในอนาคต

จากผลการศึกษาของนักจิตวิทยา และผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสุขภาพ ให้ความเห็นว่า กลุ่มคนที่ช่วงอายุประมาณ 18-30 ปี จะมองหาสิ่งที่ช่วยป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นั่นแสดงว่าหลายคนที่อายุน้อยจะฉีดโบท็อกซ์เพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยที่จะมาในอนาคตเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น นั่นหมายความว่าหากคุณฉีดโบท็อกซ์ ตั้งแต่อายุยังน้อยคือก่อนอายุ 30 ปี เมื่อถึงช่วงอายุที่ผิวพรรณเริ่มเสื่อมสภาพ คอลลาเจนหดหายประมาณอายุ 35 ปีขึ้นไป ความหย่อนคล้อย ริ้วรอย ร่องลึกต่างๆ จากการแสดงอารมณ์ทางใบหน้าจะมาเยือนได้ช้าลงกว่าคนที่ไม่ได้ฉีดโบท็อกซ์ป้องกันไว้ตั้งแต่แรกนั่นเอง

ดังนั้นศัลยแพทย์หลายท่านมักจะให้คำแนะนำว่า อย่างไรก็ตามการฉีดเพื่อป้องกันไว้ก่อนก็ดีกว่าเมื่อเกิดปัญหามากๆ แล้วตามมาแก้กันต่ออีกหลาย Step และแก้ไขได้ยากกว่า 

4.ฉีดโบท็อกซ์ ตอนอายุน้อย เสียเงินน้อยกว่า

สมมติว่าคุณเริ่มฉีดโบท็อกซ์ตอนอายุ 30 ปี ในตอนนั้นผิวพรรณของคุณยังเกิดปัญหาริ้วรอยไม่มากนัก จำนวนยูนิตที่ใช้ในการฉีดจะน้อยลงไปตามสัดส่วนของปัญหา แน่นอนว่าจำนวนเงินที่ต้องจ่ายจะลดลงตามไปด้วย และถึงแม้ว่าจะฉีดน้อยแต่ประสิทธิภาพการป้องกันกลับไม่ได้ด้อยลงไปเลย เพราะตอนที่คุณอายุยังน้อย สุขภาพผิวของคุณยังคงแข็งแรงอยู่ เท่ากับว่าเป็นการฉีดเพื่อเพิ่มเกราะป้องกันให้ผิวไปอีกขั้นนั่นเอง

แต่หากคุณปล่อยให้ปัญหาริ้วรอยต่างๆ กลายเป็นร่องลึกไปตามอายุที่มากขึ้น การฉีดโบท็อกซ์นั้นจะต้องใช้จำนวนยูนิตที่มากขึ้นและต้องฉีดหลายบริเวณมากตามไปอีกต่างหาก จำนวนเงินที่ต้องจ่ายไปก็จะเพิ่มมากขึ้นตามสัดส่วน

5.ฉีดโบท็อกซ์ ตอนอายุน้อยเห็นผลดีกว่าและชัดเจนกว่า

ตอนที่เราอายุน้อยผิวสวยสุขภาพดี Skin Quality ของเรายังดี รวมถึงคอลลาเจนและอิลาสตินที่แน่นและผลิตใหม่ตลอดเวลา ทำให้ไม่ว่าจะฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอย หรือฉีดโบท็อกซ์ เพื่อปรับรูปหน้าเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและดีกว่า เมื่อเทียบกับผิวของผู้ที่มีอายุ 30 ขึ้นไป

ความปรารถนาที่อยากจะเปลี่ยนแปลงให้ตัวเองดูดีขึ้นเป็นสิ่งที่ใครหลายคนปฏิเสธไม่ได้แน่นอน ดังนั้นการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์เพื่อเพิ่มความมั่นใจและช่วยในเรื่องของการยกกระชับ ลดเลือนริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าให้ได้อย่างใจอีกทั้งยังดูเป็นธรรมชาติ ไม่ได้มีเพียงแค่การฉีดโบท็อกซ์เท่านั้น หากยังมีหัตถการอื่นๆ อีกที่สามารถช่วยให้คุณดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์ ร้อยไหม อัลเทอร่า เทอร์มาจ ทรีตเมนท์เหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ดี

แต่การจะเลือกรักษาด้วยวิธีใดก็ตาม อย่าลืมศึกษาข้อมูลก่อน หรือหากยังลังเลไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเลือกทำอะไรดีลองมาปรึกษากับ APEX ก่อนได้ที่ Line@ : @apexbeauty (มี @ นำหน้า) หรืออยากจะจองคิวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อฉีดโบท็อกซ์ก็ได้เช่นกัน