4 ผลเสีย ของคนอ้วนที่ไม่ออกกำลังกาย

ห่วงยางรอบเอว พุงยื่น พุงใหญ่ น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตราฐาน สัญญาณของความอ้วนที่เกิดจากพฤติกรรม หาากไม่ได้มีการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักแล้ว ผลที่ตามมานอกจากน้ำหนักจะไม่ลดลงและมีโอกาสขึ้นเรื่อย ๆ นั้น ยังส่งผลกระทบต่อด้านอื่น ๆ อีกด้วย 

 

  1. เสี่ยงโรคต่าง ๆ 

การไม่ออกกำลังกายจะทำให้ระบบการเผาผลาญทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไขมันที่ไม่ได้รับการเผาผลาญนั้นไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงในอวัยวะที่เป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น 

โรคเบาหวาน : เกิดจากอินซูลินที่เป็นตัวควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายจะทำงานด้อยลง 

โรคหัวใจ : การขยับร่างกายน้อยทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดที่ไปกระตุ้นอินซุลินให้สูงขึ้น จนก่อให้เกิดการอักเสบในหลอดเลือด จนนำไปสู่ภาวะเส้นเลือดหัวใจอุดตันได้ในที่สุด 

โรคความดันโลหิตสูง : ไขมันที่สะสมในร่างกายมากเกินไป จะทำให้การทำงานของความดันโลหิตมีประสิทธิภาพน้อยลง ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น

ไขมันพอกตับ : ไขมันประเภทที่อยู่ในอวัยวะภายในช่องท้อง เช่น ตับ อาจทำให้เสี่ยงอันตรายจากโรคต่าง ๆ มากขึ้น เนื่องจากกำจัดได้ยาก ใช้เวลานาน 

 

  1. ปวดขา

สังเกตไหมคะว่า เมื่อน้ำหนักมากขึ้นอาการปวดขา ข้อเท้า ข้อเข่า จะเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น แม้ว่าอาการปวดนี้จะคล้ายกับอาการ Office Syndrom แต่ความจริงแล้วอาจไม่ใช่อาการ Office Syndrom อย่างที่คิด แต่อาจจะเกิดจาน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ทำให้ขาและข้อต่อไม่สามารถรับน้ำหนักตัวได้ไหว จึงทำให้เส้นเอ็น ข้อต่อ เนื้อเยื่อ อีลาสติน ที่ช่วยพยุงกล้ามเนื้อ ช่วยให้เข่าและข้อต่อต่าง ๆ ขาดความยืดหยุ่น และเกิดอาการปวดขึ้นมาได้ แนะนำว่าให้ออกกำลังกายแบบออกแรงดัน หรือ เวทเทรนนิ่ง 

 

  1. อารมณ์แปรปรวน

การออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้สมองหลั่งสารเอนดอร์ฟิน หรือ สารแห่งความสุขขึ้นมา เพื่อช่วยผ่อนคลายอารมณ์ การออกกำลังกายสามารถช่วยปรับฮอร์โมนในร่างกายให้สุมดุล ส่งผลให้อารมณ์มีความคงที่มากขึ้น แต่หากขาดการออกกำลังกายเป็นเวลานาน จะทำให้อารมณ์ไม่คงที่ เกิดความหงุดหงิดอารมณ์เสียง่าย 

 

  1. มวลกล้ามเนื้อลดลง

โดยปกติแล้วมวลกล้ามเนื้อของเราจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่ออายุมากขึ้น โดยเมื่ออายุ 30 ปีขึนไป ร่างกายจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อประมาณ 6-10% และเมื่ออายุ 70-90 ปี ร่างกายจะสูญเสียมวลกล้ามเนื้อประมาณ 25% แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้งานกล้ามเนื้อ หรือออกกำลังกาย ร่างกายก็จะสูญเสียใวลกล้ามเนื้อได้เช่นกัน 

 

เมื่อมวลกล้ามเนื้อน้อยลง อาจจะหมดแรงง่าย เหนื่อยง่าย ที่สำคัญพอมวลกล้ามเนื้อน้อยลง สิ่งที่จะมาแทนที่ คือ ไขมัน! โดยเฉพาะไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat) ที่อันตรายที่สุดครับ การออกกำลังกายแบบออกแรงดัน หรือ เวทเทรนนิ่ง (Weight Training) แต่จะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ คุณจะมีรูปร่างที่ดี สมส่วน และสุขภาพโดยรวมก็จะดีขึ้นด้วย

 

เทคโนโลยีหนึ่งเดียวในปัจจุบันที่สามารถกำจัดไขมัน ควบคู่กับการสร้างกล้ามเนื้อ  ทำงานโดยการใช้เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเฉพาะเจาะจง High-In Tensity Focused Electro-Magnetic (HIFEM) ส่งพลังงานเข้าถึงชั้นกล้ามเนื้อ และไขมันใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเกิดการหดเกร็งถึง 20,000 ครั้งต่อการทำทรีทเมนท์ 30 นาที เทียบเท่ากับการยกเวทหนัก ๆ แล้วทำ Sit up ไปด้วยพร้อม ๆ กัน 20,000 ครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงเราแทบจะไม่สามารถออกกำลังกายแบบนี้ได้เลย 

ทั้งนี้การหดตัวของกล้ามเนื้อจะสามารถสร้างมวลกล้ามเนื้อใหม่ ทำให้มีขนาดใหญ่และแข็งแรงขึ้น สามารถสร้างเส้นใยกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มจำนวนกล้ามเนื้อให้ทนทานแข็งแรงและอยู่ได้นานขึ้น ส่งผลให้รูปร่างกระชับ มีกล้ามเนื้อหน้าท้องและซิกแพค พร้อม ๆ กับการเผาผลาญไขมันและการทำลายเซลล์ไขมัน 

 

ต้องทำบ่อยแค่ไหน ต้องพักฟื้นหรือไม่

Emsculpt  ควรทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เหมือนกับการออกกำลังกายปกติ และสามารถทำทรีทเมนท์เพียง 4-6 ครั้งเท่านั้น ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็ว ที่สำคัญไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

 

*** ผลการวิจัย แสดงถึงความพึงพอใจต่อการรักษามากถึง 96% และโดยเฉลี่ยมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 16% และไขมันลดลง 19%


APEX SLIM ประสบการณ์กว่า 25 ปี โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเครื่อง Emsculpt ได้รับการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัย US FDA Approved ย่อมาจาก Food and Drug Administration ซึ่งเรามีเครื่อง Emsculpt มากที่สุดในประเทศไทย และมีประสบการณ์ทำเคสมากที่สุดเช่นกัน

 

อยากเปลี่ยนทัก
095-102-8585
LINE: https://line.me/ti/p/%40APEXslim
FB INBOX: http://m.me/apexslim
FB Page:https://www.facebook.com/ApexSlim