ลดโหนกแก้มอย่างไร ให้หน้าเรียว
โหนกแก้มใหญ่ โหนกแก้มล้น โหนกแก้มสูง เป็นสิ่งที่ใครหลายคนส่วนใหญ่ไม่พึงปรารถนา เพราะจะยิ้มก็ยิ้มได้ไม่เต็มที่ เพราะกลัวหน้าบาน หน้าใหญ่ จะถ่ายรูปทั้งทีก็ต้องคอยยกมือมาปิดบังโหนกแก้มตัวเองเอาไว้ ทำให้เสียความมั่นใจหากเป็นในอดีตทางเลือกการแก้ปัญหาคงมีเพียง ‘ทุบโหนกแก้ม’ เท่านั้น แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีความงามถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามีทางเลือกในการ ‘ลดโหนกแก้ม’ หลากหลายมากกว่าทำศัลยกรรมเพียงอย่างเดียว
ปัจจุบันวิธีการดังกล่าวยังตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ดีอีกด้วย ทั้งในเรื่องเวลาที่แทบจะไม่ต้องพักฟื้นเลย ทำเสร็จแล้ว สามารถไปเดินเล่นใช้ชีวิตได้ตามปกติ หรือแม้แต่เรื่องความเจ็บปวดที่ลดน้อยลงอย่างมากจนอาจเรียกว่าไม่เจ็บเลยก็ว่าได้ และฝีมือของแพทย์ก็ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ควบคู่ตามเทคโนโลยี จนสามารถช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ สวยงาม ใบหน้าได้รูป ตอบโจทย์ไม่แพ้การลงมีดผ่าตัด
โหนกแก้ม (Cheekbone)
โหนกแก้มเป็นโครงสร้างสำคัญบนใบหน้า อยู่บริเวณแก้มทั้งสองข้าง โดยมีลักษณะเป็นกระดูกนูนขึ้นมา เป็นอีกหนึ่งส่วนที่ใช้สำหรับบ่งบอกเพศได้ โดยเพศชายจะมีโหนกแก้มสูงมองเห็นได้อย่างชัดเจน ใบหน้าโดยรวมจึงดูแข็งกร้าว ดุดันเป็นเหลี่ยมชัดสมกับเป็นเพศชาย ซึ่งผู้หญิงหลายคนก็มีโครงสร้างใบหน้าแบบนี้เหมือนกันบางส่วนอาจไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหา แต่ว่าอีกส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยปลื้มกับการมีใบหน้าที่ดุดัน แข็งกร้าวหรือดูเป็นเหลี่ยมชัดเกินไป จนทำให้เหมือนหน้าบานกว้างออก อีกทั้งยังทำให้ดูอายุมากเกินความเป็นจริงได้อีกด้วย
การมีโหนกแก้มสูงเด่นชัด ถือเป็นลักษณะโครงสร้างใบหน้าพื้นฐานของชาวเอเชีย ชาวยุโรปเองก็มีโหนกแก้มเช่นกันแต่ว่าจะมีความแตกต่างกันอยู่ ซึ่งโหนกแก้มของชาวยุโรปจะนูนออกมาทางด้านหน้าของใบหน้าเลยทำให้ใบหน้าโดยรวมดูพุ่งและมีมิติ ส่วนโหนกแก้มของชาวเอเชียจะนูนออกด้านข้างของใบหน้า เป็นเหตุให้ใบหน้าดูบาน แบนและขาดมิตินั่นเอง ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาโหนกแก้มที่หลายคนอยากจัดการ
นอกจากปัญหาโครงสร้างใบหน้าพื้นฐานแล้ว เคยสังเกตกันบ้างไหม? ว่าแก้มทั้งสองข้างของเราก็เป็นส่วนที่ทำให้ดูเด็กหรือแก่ได้เช่นเดียวกัน เพราะใบหน้าที่มีแก้มเต็มผิวแน่นกระชับ ไม่ห้อยย้อย จะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนวัย มากกว่าใบหน้าที่แก้มหย่อนคล้อยดูไม่กระชับ ซึ่งลักษณะของการมีหน้าแก้มแบบนี้จะเรียกว่า แก้มส้ม หรือ O-GEE Curve of Cheek หรือ S-Curve สำหรับบางคนเพียงแค่เติมเต็มในส่วนแก้มส้มก็จะช่วยทำให้ใบหน้าดูอ่อนวัยลง ใบหน้าดูสดใส ช่วยดึงหน้าให้พุ่งมีมิติขึ้น
หากคุณสาวๆ ไม่ได้อยากถึงขั้นทุบโหนกแก้ม เหลาหน้าใหม่ด้วยวิธีแบบเดิม อีกหนึ่งทางเลือกนอกจากการศัลยกรรมเพื่อลดโหนกแก้มที่ตอบโจทย์ในแต่ละปัญหาข้างต้นได้ถึง 4 วิธีการ ดังนี้
เครื่องยกกระชับ เทอร์มาจ (Thermage) และ อัลเทอร่า (Ulthera)
ปัญหาหนึ่งที่ทำให้หลายคนมีโหนกแก้มใหญ่ เห็นกระดูกโหนกแก้มชัด อาจเป็นเพราะผิวบริเวณสองข้างแก้มห้อยย้อย จากการที่เส้นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนังหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น ไม่สปริงตัวกลับหรือคืนตัวได้ช้ามากจนถึงขั้นสูญเสียคอลลาเจนไป เมื่อขาดสิ่งที่คอยค้ำชั้นผิวความหย่อนคล้อยจึงเกิดตามมา แต่เราสามารถแก้ไขได้ ด้วยทั้งการทำ เทอร์มาจและอัลเทอร่า ซึ่งสองเครื่องยกกระชับนี้ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานกว่า 10 ปี ในวงการเสริมความงาม
- เทอร์มาจ (Thermage) เป็นเครื่องยกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ช่วยลดเลือนริ้วรอยและปรับรูปใบหน้าให้ยกกระชับ โดยความร้อนที่ออกจากคลื่นวิทยุมีความสม่ำเสมอ และถูกส่งลงสู่ชั้นผิวหนังแท้ ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ของไขมันและคอลลาเจน ทำให้คอลลาเจนถูกกระตุ้นได้อย่างทันที แก้ปัญหาเส้นใยคอลลาเจนที่หย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่นสปริงตัวทำให้เส้นใยคอลลาเจนหดกลับและมีเกลียวที่ขึงตึงขึ้น ผิวจึงดูยกกระชับและแน่นขึ้นได้ในระยะยาว ผลลัพธ์ของการทำเทอร์มาจจะอยู่ได้นาน 1-2 ปี ซึ่งเทคโนโลยีล่าสุด คือ Thermage FLX
- อัลเทอร่า (Ulthera) เป็นเครื่องยกกระชับผิว ลดริ้วรอย โดยใช้พลังงานในรูปแบบ Focused Ultrasound ส่งผ่านคลื่นอัลตราซาวนด์ที่มีพลังงานความถี่สูง ลงสู่ใต้ชั้นผิวหนังลึกที่เรียกว่า SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า (Face Lift) ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้ผิวค่อยๆ ตึง ยกกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน 1-2 ปี
ฟิลเลอร์ (Filler)
อีกหนึ่งปัญหาที่ทำให้มีโหนกแก้มชัดเกินไป คือการฝ่อตัวลงของไขมันใต้ชั้นผิวและกระดูกบริเวณใบหน้าเริ่มกร่อนตัว ที่เรียกว่า วอลุ่มลอส (Volume Loss) ซึ่งทำให้เกิดปัญหาบนใบหน้า เช่น ขมับตอบ แก้มตอบ เป็นต้น ทำให้โหนกแก้มเด่นชัดขึ้นมาแทนหรือใครที่อยากเติมแก้มส้มให้หน้าพุ่งมีมิติ ก็สามารถเลือกวิธีการฉีดฟิลเลอร์ได้
- ฟิลเลอร์ (Filler) คือการฉีดสารเติมเต็มที่เรียกว่า HA หรือ Hyaluronic Acid ฉีดเข้าไปเพื่อทดแทนไขมันที่ฝ่อตัวลงและมวลกระดูกที่กร่อนหายไป ช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหาย เมื่อฉีดแล้วนอกจากจะช่วยเติมเต็ม ยังทำให้ใบหน้าดูยกกระชับขึ้น เปรียบเสมือนการเสริมโครงสร้างปักเสาเข็มให้ใบหน้า อีกทั้งการฉีดฟิลเลอร์เพียงเล็กน้อยยังสามารถปรับใบหน้าที่ดุดันให้ดูละมุนขึ้นได้อีกด้วยนะคะ Filler HA ถือเป็นสารที่นิยมใช้ทั่วโลก ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-24 เดือน
โบท็อกซ์ (Botox)
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้โหนกแก้มใหญ่จนหน้าดูบาน อาจมีสาเหตุมาจากการที่กล้ามเนื้อทำงานบ่อย จากการยิ้มกว้างๆ หรือหัวเราะก็ได้ และการแสดงอารมณ์ทางสีหน้าแบบเต็มที่บ่อยครั้งจนเกินไป จะทำให้เกิดริ้วรอยได้เช่นเดียวกัน ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบท็อก
- โบท็อกซ์ (Botox) หรือ Botulinum Toxin Type A เป็นสารลดเลือนริ้วรอย มีคุณสมบัติเพื่อลดเลือนริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์และสามารถช่วยยกกระชับใบหน้ารวมถึงลำคอ เมื่อเวลาผ่านไปกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดก็จะเล็กลง กรอบหน้าเรียวเล็กเข้ารูป ผลลัพธ์ของโบท็อกซ์สามารถคงระยะเวลาอยู่ได้ 6-8 เดือน
ร้อยไหมยกกระชับ (Thread Lift)
- การร้อยไหม ถือเป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมมายาวนานกว่า 10 ปี โดยผิวหน้าหรือบริเวณที่ถูกร้อยไหมเข้าไปจะถูกเกี่ยวยกขึ้น ผิวที่เคยหย่อนคล้อยกลับยกกระชับ ช่วยให้กรอบหน้าชัดเจนขึ้นและยังช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน รวมถึงกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ไปเลี้ยงชั้นผิวหนังเพิ่มขึ้นด้วยซึ่งหลายคนอาจจะยังกลัวการร้อยไหมอยู่บ้าง เพราะการร้อยไหมหน้าแบบเก่าต้องใช้เส้นไหมถึงข้างละ 20-50 เส้นเลยทีเดียว
ปัจจุบันมีการพัฒนาไหมยกกระชับแบบพิเศษออกมา เพื่อตอบโจทย์ให้คนที่อยากร้อยไหมแต่ไม่อยากร้อยจำนวนมากแบบเดิม เรียกว่า ไหมอิตาลี (Definisse–Italian Thread Lift) ซึ่งใช้จำนวนเส้นเพียง 1-2 เส้นในการร้อยแต่ละข้าง แถมเทคนิคในการร้อยไหมอิตาลีนั้น แพทย์ยังสามารถดีไซน์เป็นพิเศษเฉพาะบุคคลได้อีกด้วยซึ่งการร้อยไหมยกกระชับเพื่อลดโหนกแก้มจะไม่ได้ร้อยเข้าไปลดโหนกแก้มโดยตรง แต่จะร้อยใต้บริเวณโหนกแก้มเพื่อช่วยดึงชั้นกล้ามเนื้อที่หย่อนคล้อยให้ยกขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเต็มขึ้น ละมุนมากขึ้น แถมช่วยให้หน้าดูเด็กลงได้อีกด้วย
แต่การจะเลือกหัตถการใดหัตถการหนึ่งในข้างต้นเพื่อ ลดโหนกแก้ม แก้ปัญหาหน้ากว้าง หน้าบาน เพิ่มความละมุนให้กับใบหน้าและเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาตรงใจ แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ดูดี เป็นธรรมชาติ ปลอดภัยที่สุด และไม่ต้องมาคิดเสียใจภายหลัง ต้องไม่ลืมคำนึงถึงการเลือกคลินิกเสริมความงามที่น่าเชื่อถือ และต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง คอยประเมินให้คำปรึกษาตลอดการรักษาด้วย
